EP 44

1166 Words
“มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงเดียร์ ไหนลองบอกแม่มาซิ แล้วนี่! เราจะทำยังไงดี” ปรียาร้องไห้หนักขึ้นอีก เมื่อลูกนั่งอยู่ตรงหน้า “แม่จ๋า! เดียร์กราบขอโทษจ้ะ เดียร์ผิดไปแล้วจ้ะ” ร่างผอมบางของลูก ก้มลงกราบแทบเท้าแม่ทั้งน้ำตา ส่วนแม่นั้นก็อดก้มลงไปคว้าตัวลูกมากอดเอาไว้ไม่ได้ ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ ทั้งสงสารลูกในเวลาเดียวกัน และเหนือสิ่งอื่นใด คือห่วงอนาคตของลูก ที่จะต้องพังลงเพราะความพลาดพลั้งนี้ “บอกแม่มาว่าเขาเป็นใคร แล้วเกิดเรื่องนี้ได้ยังไง อย่าปิดแม่นะเดียร์ บอกแม่มาให้หมด แม่สัญญาว่าจะไม่โกรธและจะไม่ไปเอาเรื่องเขา แต่แม่จะไปคุยกับเขาดีๆ” ปริยกรไม่มีทางเลือก เลยจำต้องบอกทุกอย่างโดยไม่คิดจะปิดบังแม้แต่เรื่องเดียว และจากเมื่อแรกที่คนเป็นแม่คิดจะไปคุยกับฝ่ายชาย ก็ต้องเก็บพับความคิดเอาไว้ในทันที ด้วยรู้ว่าตัวเองหมดสิทธิ์จะทำแบบนั้นได้แล้ว เมื่อรู้ว่าเขาเป็นใครและกำลังจะมาเป็นอะไรกับคนบ้านใหญ่ “ทำไมเดียร์ไม่มาปรึกษาแม่ล่ะ แล้วทีนี้เราจะทำยังไงดี” ปรียาร้องไห้หนักขึ้นอีก เมื่อจำวันที่รู้ว่าลูกไปขอเงินคุณนายบ้านใหญ่ กับอุตส่าห์ดิ้นรนไปหาคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อ แต่ก็ไม่อาจแก้ไขปัญหาได้ ยิ่งคิดถึงวินาทีที่ลูกถูกรุ่นพี่หลอกไปหมายจะทำร้ายด้วยแล้ว หัวใจแม่ก็แทบแตกสลายลงให้ได้ “เดียร์ไม่อยากให้แม่เครียดจ้ะ ตอนนั้นแม่ไม่สบาย เดียร์กับเพื่อนเลยช่วยกันหาทางออกเอง” “โธ่ลูกแม่!” สองแขนของแม่โอบกอดลูกไว้ด้วยความรักและสงสารยิ่ง ส่วนความโกรธนั้นหดหายไปตั้งแต่ตอนแรก ที่รู้เหตุผลของลูกแล้ว สิ่งเดียวที่มีในหัวตอนนี้คือ “แล้วเราจะทำยังไงดี จะแก้ไขปัญหายังไง” คนแม่รำพึงรำพัน ส่วนลูกนั้นเอาแต่กอดแม่ร้องไห้ด้วยความเสียใจ ที่ทำให้แม่ต้องเสียน้ำตา กับไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะแก้ไขปัญหาที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ยังไง “เดียร์ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ เดียร์งงไปหมดแล้ว แม่จะให้เดียร์ไปบอกคุณปาลมั้ยจ๊ะ คุณปาลเคยบอกเดียร์ว่าจะซื้อบ้านให้เราย้ายออกไปอยู่ แต่เดียร์ยังไม่รับปาก บอกว่าจะมาถามแม่ก่อนจ้ะ” “เขารักเดียร์หรือเปล่า หรือแค่บอกไปแบบนั้นเฉยๆ” คนเป็นลูกไม่อาจจะตอบได้ ในเมื่ออยู่ด้วยกันมาหลายเดือน ไม่เคยได้ยินคำนี้หลุดออกมาจากปากเขาเลย อีกทั้งตัวเองก็รู้ว่าไม่อยู่ในคนระดับเดียวกับเขา มีหรือเขาจะมามอบหัวใจให้ เหนือสิ่งอื่นใด เขามีคุณหนูบ้านใหญ่แล้ว อีกสองอาทิตย์ก็จะแต่งงานกันแล้ว “ไม่รู้จ้ะ!” เลยตอบแม่เสียงอ่อยๆ และนั่นทำให้คนอาบน้ำร้อนมาก่อน และเคยเป็นทุกข์มาก่อน อ่านใจของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี “แต่คุณปาลอยากให้เราย้ายไปอยู่บ้านใหม่กันนะจ๊ะ เดียร์ว่าก็ดีเหมือนกัน เราจะได้ไปจากที่นี่ไงจ๊ะ” “ไม่ได้นะลูก ทำแบบนั้นไม่ได้” “ทำไมล่ะจ๊ะแม่จ๋า” “เดียร์ก็รู้ว่าคุณผู้หญิงร้ายแค่ไหน ไหนจะคุณพ่ออีก ถ้าทุกคนรู้ว่า...” ปรียาไม่กล้าแม้แต่จะพูดออกมา เพียงแค่คิดก็กลัวจนขนหัวลุกแล้ว แต่นี่ลูกกลับจะต้องมาเจอศึกหนักขึ้นกว่าเดิมอีก นั่นคือศึกจากคุณผู้หญิงและจากคุณแอลลี่ เห็นเงียบๆ อย่างนั้น แต่ถ้าได้โกรธขึ้นมาก็ไม่ไว้หน้าใครเช่นกัน ตัวเองเป็นคนเลี้ยงและเห็นมาตั้งแต่คุณหนูคนกลางของบ้านเกิด ทำไมจะไม่รู้ว่านิสัยเป็นยังไง “ไปไหนกันหมดโว้ยคนบ้านนี้!!! บอกให้ไปช่วยงานนี่หายหัวไปเลยนะ เปิดๆๆ” สองแม่ลูกยังคุยกันไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ ก็ได้ยินเสียงอ้วนร้องอยู่หน้าบ้าน ประตูก็ถูกทุบชนิดไม่คิดจะเกรงใจ ปรียาเองก็เพิ่งนึกขึ้นได้ ว่าต้องไปช่วยเตรียมทำอาหาร เพราะอ้วนมาสั่งไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ว่าวันนี้วันเกิดคุณผู้หญิงเลยจะจัดงานเลี้ยงเล็กๆ เชิญเฉพาะเพื่อนและญาติที่สนิทเท่านั้น เพราะยุ่งกับการช่วยคุณแอลลี่จัดงานแต่งจนไม่มีเวลาเตรียมอะไร “อยู่ในนี้ก็ไม่ยอมบอก ปล่อยให้ฉันเรียกตั้งนาน” พอเปิดประตูบ้านให้ อ้วนก็เอ็ดเสียงดังราวกับสองแม่ลูกเป็นคนรับใช้ในบ้านก็ไม่ปาน “แล้วนี่จะอ้อยอิ่งอยู่อีกนานมั้ย งานในครัวจะล้นหัวอยู่แล้วนะยะ” ปรียาไม่อยากใส่ใจกับแม่บ้านร่างอ้วน เลยหันไปหาลูกที่ยังหน้าซีดๆ เพราะอาการแพ้ท้องและเหนื่อยอยู่ “เดี๋ยวแม่จะไปช่วยในครัว เดียร์นอนพักอยู่นี่แล้วกันนะ” “โอ๊ย!!! จะนงจะนอนไปได้ยังไงล่ะยะ! คุณผู้หญิงให้ฉันมาตามหล่อนสองคนแม่ลูกไปช่วยงานย่ะ มาได้แล้ว!!! มัวอ้อยอิ่งอยู่นั่นล่ะ คุณผู้หญิงมาว่าอย่าหาว่าฉันไม่เตือนล่ะยะ!!!” ว่าแล้วแม่บ้านก็พาร่างอ้วนๆ เดินกลับไปทางเดิม ปรียาหันไปหาลูกแล้วถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ นอกจากปิดบ้านไว้แล้วพาลูกเดินตรงไปในครัว “เอานี่ไปหั่นแล้วก็เสียบเลย เร็วๆ นะ แขกตั้งหกเจ็ดสิบคน ในบ้านมีคนงานแค่นี้ต้องรีบช่วยกัน” แม่บ้านใหญ่ชี้มือไปยังถุงหมู สับปะรด พริกหยวก มะเขือเทศสีดา ปรียาเดาได้ว่าคงจะทำบาร์บีคิว เลยทะยอยยกทุกอย่างออกไปนั่งอยู่แคร่ไม้หลังครัวด้วยตัวเอง เพราะไม่อยากให้ลูกยกของหนัก จะได้ไม่สะเทือนอีกชีวิตในท้อง “เดียร์เอาไม้เสียบมาแล้วกันลูก” “จ้ะ” ปริยกรทำตามคำแม่แต่โดยดี “เร็วๆ สิยะแม่คุณ มัวอ้อยอิ่งอยู่นั่นเมื่อไหร่จะเสร็จ งานเลี้ยงเย็นนี้นะ ไม่ใช่มะรืน จะได้เอื่อยเฉื่อยอยู่นั่นน่ะ...”  และพยายามไม่ใส่ใจกับคำกระแนะกระแหนของแม่บ้าน ที่นับวันก็จะทำตัวเหมือนเป็นเจ้าของบ้านเสียเองเข้าไปทุกทีแล้ว ยิ่งคุณผู้หญิงกำลังยุ่งๆ อยู่กับการชี้นิ้วสั่งมีกับลี และคนขับรถให้ยกโต๊ะเก้าอี้ไปตั้งที่สนาม ไม่ได้เข้ามาดูในครัวด้วยแล้ว ยิ่งเหิมเกริมสั่งคนนั้นคนนี้ จนตัวเองแทบไม่ต้องหยิบจับอะไร นอกจากรอปรุงเท่านั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD