ด้วยความตื่นเต้นที่หาสามีกลับไปให้คนที่บ้านดูได้สำเร็จทำให้ฟ้าประทานรีบเดินทางมาที่ร้านอาหาร เธอมาถึงก่อนสายลมสิบนาที ทว่ามันไม่ใช่ปัญหามาถึงก่อนเธอก็แค่สั่งอาหารมารองท้องก่อน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ก่อนจะทำอะไรขอท้องอิ่มก่อน
เห็นว่าที่สามีในอนาคตเดินเข้ามาฟ้าประทานก็รีบยกมือขึ้นเรียกเขา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข “สายลม สายลมทางนี้”
“...” ไม่ต้องเสียงดังขนาดนี้เขาก็เห็นว่าเธออยู่ที่ไหน ด้วยสีผมที่เด่นกว่าชาวบ้านใครบ้างจะมองไม่เห็น เจอคืนนั้นเธอยังสีผมปกตินี่หว่า แล้วอะไรดลจิตดลใจให้เปลี่ยนเป็นสีส้มสว่างจ้าขนาดนี้
“เราสั่งอาหารแล้ว สายลมสั่งอะไรเพิ่มไหม” เธอเอ่ยทันทีที่สายลมนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“ไม่เป็นไร”
“สีผมเราสวยไหม” เห็นมองก็เลยถามสักหน่อย
“ประหลาดดี”
“ประหลาดอะไรนี่หมอดูแนะเรามาบอกว่าถ้าทำผมสีนี้จะได้ตามสิ่งที่หวัง สีผมสีเล็บสีปากสีชุด สีพวกนี้จะช่วยให้เราสมหวัง แล้วตอนนี้ก็เหมือนจะเป็นอย่างที่หมอดูทัก เรากำลังจะได้สามีแล้ว”
เรื่องของเรื่องเช้าวันต่อมาหลังจากที่เจอสายลมในงานเลี้ยงรุ่นฟ้าประทานที่ว้าวุ่นก็หาที่พึ่งเพื่อให้ความหวังให้กำลังใจตัวเอง เธออ่านดวงตามโซเชียลต่าง ๆ แล้วก็เริ่มทำตาม เดิมทีฟ้าเป็นคนมีเงิน ทว่าฟ้าไม่คิดจะเสียเงินให้หมอดู หากให้พูดจากใจเธอคือคนที่ไม่เชื่อเรื่องหมอดูทัก เธอเชื่อว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ทุกอย่างอยู่ที่การกระทำ แต่ว่าตอนนี้ฟ้าไม่รู้จะหาวิธีไหนมาหยุดยั้งคนในครอบครัว ก็เลยหวังพึ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้สายลมมาเป็นสามี อะไรที่ว่าดีฟ้ายอมทำตามทุกอย่าง
“เป็นเอามาก ไม่เคยดูข่าวเหรอที่คนโดนหมอดูหลอก โตขนาดนี้แล้วทำไมไม่รู้จักแยกแยะ”
“อันนี้เราไม่ได้เสียเงินให้หมอดู เราแค่เสียเงินทำตามคำแนะนำเท่านั้น”
“บ้าไง ไม่รู้จักคิด ถ้าเขาแนะนำอะไรที่ตลกกว่านี้เธอก็จะทำเหรอ อย่างเช่นทำผมสีแดง แต่งหน้าสีเหลือง ใส่ชุดสีเขียว”
“อันนั้นก็สัญญาณไฟแล้วสายลม เราก็แยกแยะเป็นอยู่ ใครจะบ้าแต่งแบบนั้น”
“แล้วไอ้การที่เธอแต่งตัวสีส้มตั้งแต่หัวจรดเท้ามันไม่บ้าเหรอ”
“ไม่บ้าหรอก เราว่าเราสวยนะ พระที่วัดยังมอง”
“เขากลั้นขำมากกว่า ถามจริง ไปวัดหมาไม่เห่าเหรอ”
“ไม่สิสายลม สายลมจะมาสนใจการแต่งตัวของเราทำไม เรามาคุยเรื่องแต่งงานไม่ใช่เหรอ การที่สายลมมาเจอเราแบบนี้แปลว่าตกลงรับข้อเสนอของเราใช่ไหม” เปลี่ยนเรื่องดีกว่า มาล้อเรื่องการแต่งตัวทำไม ทุกอย่างที่ทำก็เพราะอยากได้ลมมาเป็นสามี ฟ้าลงทุนขนาดนี้มาล้อได้ไง
“ตอนแรกก็อยากตกลง แต่เห็นเธอแต่งตัวแล้วก็อยากทบทวนอีกรอบ” เขามองเหมือนเธอประหลาดมาก ตอนแรกที่แต่งตัวออกจากห้องฟ้าประทานมั่นใจเต็มร้อย แต่เมื่อเจอสายตาของสายลมความมั่นใจของฟ้าลดฮวบ
“ไม่สิ เรื่องแต่งตัวเราเปลี่ยนได้ ปกติเราก็ไม่แต่งแบบนี้อยู่แล้ว ที่ช่วงนี้แต่งก็เพราะถือเคล็ดเฉย ๆ ไง ถ้าลมตกลงมาเป็นสามีเราเราไม่แต่งแบบนี้แน่นอน” เมื่อการแต่งตัวมันเป็นปัญหาเธอก็ต้องรีบอธิบาย จะปล่อยให้การแต่งตัวตามที่หมอดูแนะนำเป็นอุปสรรคในการเชิญสายลมมาเป็นสามีไม่ได้
เพราะแบบนี้ไงถึงเชื่อหมอดูร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้
แต่ขนาดไม่เชื่อหมดใจยังแต่งมาขนาดนี้ ถ้าเชื่อทั้งใจจะขนาดไหนกันนะฟ้าประทาน
“ช่างเถอะ เรื่องการแต่งตัวมันเป็นความชอบส่วนตัวแล้วมันก็คือตัวเธอ เธอไม่จำเป็นต้องมาเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อฉัน”
“ไม่นะ ฟ้าไม่ได้เปลี่ยนเพื่อสายลม ปกติฟ้าไม่ได้แต่งตัวแบบนี้จริง ๆ สายลมอย่าเอาเรื่องการแต่งตัวมาล้มเลิกแผนการของเราสิ ฟ้าดั้นด้นมาถึงขนาดนี้ไม่ได้อยากมาพบความล้มเหลวนะ ไม่รู้อะ มาเจอกันแล้วถือว่าตกลงลงเรือลำเดียวกัน”
“ทำไมถึงต้องเป็นฉัน เธอบอกว่าเธอส่องโซเชียลตลอด แปลว่าเธอรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับฉันรู้ว่าฉันเคยแต่งงาน ในเมื่อฉันเคยแต่งงานก็แปลว่าคำสัญญาที่เคยให้เธอไว้เธอไม่มีสิทธิ์มาทวง”
“แต่สายลมก็หย่าแล้วไม่ใช่เหรอ ตอนนี้สายลมโสดนะ”
“เธอตอบให้ตรงคำถามหน่อย ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าเธอจะรักคนคนนึงได้นานขนาดนั้น”
“สายลมไม่เชื่อ? งั้นก็แปลว่าสายลมไม่เชื่อความรู้สึกตัวเองด้วยสินะ”
“…”
“น่าตลกจัง ทำไมสายลมถึงได้พูดออกมาหน้าตาเฉยขนาดนี้ทั้งที่สายลมก็ยังคิดถึงคนคนนึงเหมือนกัน ดูถูกความรู้สึกคนอื่นไม่พอ นี่เหมือนดูถูกความรู้สึกตัวเองด้วยนะ”
“…เรื่องนี้เธอพูดถูก แต่ฉันแค่ไม่คิดว่าเธอจะชอบฉันถึงขนาดที่เฝ้ารอฉันมาตลอด ฉันไม่เคยทำอะไรให้เธอประทับใจขนาดที่จะเฝ้ารักเฝ้าคิดถึง ทำไมต้องเป็นฉัน นี่คือความหมายที่ฉันอยากพูดกับเธอ”