“…” ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย ถ้าหากว่าตั้งแต่เกิดมาฉันไม่มีเหนือในหัวใจตั้งแต่แรก ฉันก็คงไม่รู้สึกว่างเปล่าได้ขนาดนี้ เพราะว่ามันเหมือนกับว่าฉันได้ใช้ชีวิตครึ่งหนึ่งกับเขา
“อึก…” ฉันกลืนก้อนสะอื้นลงคอ พยายามที่จะส่ายหน้าไปมาเพื่อไม่ให้ใบหน้ารู้สึกร้อนเกินไป ไม่งั้นน้ำตาคงไหลแน่ ๆ
ฉันยังคงยืนอยู่ที่เดิมแม้นว่าเฌอรีนจะเดินออกไปไกลแล้ว และตอนนี้ก็มีคนกำลังเดินผ่านฉันไปมาด้วยความเร่งรีบเพื่อเข้าคลาสในภาคบ่าย จริงอย่างที่เฌอรีนพูด ฉันไม่มีสิทธิ์ไปห้ามเธอหรือห้ามเหนือ มันต้องเป็นฉันเองในฐานะแฟนเก่าที่ควรจัดการความรู้สึกตัวเอง
พรึ่บ!
“ยัยโง่…”
“ฮืออ~” เสียงทุ้มลึกของวาโยทำให้ฉันร้องไห้ออกมา ฉันไม่รู้ว่าวาโยมาตอนไหน แต่พอมาถึงเขาก็รั้งศีรษะฉันเข้าซบที่แผงอกแกร่ง คงเป็นเพราะว่าน้ำตาของฉันที่มันไหลออกมาแน่ ๆ มันก็เลยทำให้วาโยทำแบบนี้
“น้ำมูกมึงเปื้อนเสื้อกาวน์กูว่ะพาย” ฉันยังคงสะอื้นไห้ แม้ว่าคำพูดของวาโยจะทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมา
“ฮึก…”
“จะเข้าไหมแล็บ กูพาไปเที่ยว” นานพอสมควรกว่าที่เสียงวาโยจะดังขึ้น ฉันก็เลยค่อย ๆ ขยับตัวออกห่างจากวาโย พร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกอย่างลวก ๆ ก่อนจะมองคนตัวสูง คำถามของวาโยคงต้องการให้ฉันตอบว่าไม่เข้าแน่ ๆ เพราะดูท่าแล้วเขาอยากโดดแล็บบ่าย
“โย เหมือนเหนือจะคบกับเฌอรีนเลย” ฉันไม่ตอบวาโย แต่ถามเรื่องที่ฉันอยากรู้ ซึ่งวาโยมองสบสายตากับฉันก่อนที่เขาจะพ่นลมหายใจออกมา
“มันไม่คบหรอก”
“โยว่างั้นเหรอ” ฉันไม่รู้ว่าที่วาโยพูดแบบนี้คงอยากให้ฉันยิ้มได้มั้ง เพราะตอนนี้ฉันก็เริ่มคลายความกังวลลงบ้างแล้ว
“มึงแดกข้าวยัง วันนี้มึงลืมทำกับข้าวให้กูพาย”
“ก็เมื่อเช้าเกิดเรื่อง พายเลยไม่ได้ทำ วาโยไปกินข้าวก่อนไหม”
“มึงดูเวลาด้วย” พอได้ยินแบบนี้ฉันก็ก้มมองนาฬิกาบนข้อมือของตัวเอง ก่อนจะพบว่าอีกห้านาทีฉันต้องเข้าแล็บ
“ไอ้ห่าเหนือล่ะ”
“ไม่รู้ พายว่าเรารีบไปกันเถอะ”
“มึงไปก่อนเลย กูหาไรแดกก่อน”
“โย แล็บอาจารย์ไม่ให้เข้าสายนะ”
“กลัวไร เลตได้สิบห้านาทีกูต้องใช้โควตาให้ครบ”
“ทำแบบนั้น ฝนจะบ่นนะ”
“บ่นได้ก็เปลี่ยนคู่แล็บไม่ได้หรอก กูขอทำใจแป๊บ” ฉันอมยิ้มออกมาเมื่อได้ยินอย่างนั้น วาโยน่ะชอบทำตัวไม่ถูกเวลาอยู่ต่อหน้าปลายฝน คงลีลาเข้าแล็บเพราะเหตุผลนี้
“งั้นเดี๋ยวพายไปก่อนนะ”
“อืม…อะ กูให้” ฉันยื่นมือไปเอาแซนด์วิชที่วาโยยื่นมาให้ก่อนที่ฉันจะยิ้มให้วาโย แล้วหมุนตัวเดินออกไปจากตรงนั้น แต่แล้ว
กึก!
“เหนือ…”
“หึ” ฉันไม่รู้ว่าเหนือยืนอยู่ข้างหลังฉันนานแค่ไหนแล้ว แต่ที่แน่ ๆ วาโยต้องเห็น แล้วเขาจะถามหาน้ำเหนือทำไมตั้งแต่แรก
“บุ้ง!” วาโยทำเสียงออกมาจากริมฝีปากหนา เหมือนกับว่าได้ทำอะไรสนุก ๆ ก่อนที่เขาจะยกลำแขนแกร่งขึ้นพาดไหล่ฉัน
“มันหึง” เสียงของวาโยดังขึ้นที่ใบหูของฉัน ก่อนที่ฉันจะจับลำแขนของวาโยยกออกจากไหล่ของฉัน
“เหนือ…”
“มาช้าแล้วยังจะเข้าสายอีกนะมึง”
“หึ” วาโยยักไหล่ขึ้นก่อนที่เขาจะเดินไปหาน้ำเหนือ ฉันมองร่างสูงสองคนที่กำลังเดินเข้าไปในโรงอาหาร ซึ่งมันทำให้ฉันพ่นลมหายใจออกจากริมฝีปาก ฉันไม่รู้ว่าฉันจะใจเต้นแรงกับคำพูดของวาโยทำไม เพราะท่าทางของเหนือมันไม่ได้แสดงออกว่าเขาหึงหวงฉันเหมือนแต่ก่อนแล้ว พอคิดแบบนี้แล้ว เจ็บชะมัด…
-น้ำเหนือ-
“_”
“อ่า…อย่าบอกนะว่ามึงหึงพายจริง ๆ แกร่งหน่อยไอ้เสือ” เสียงของไอ้ห่านี่ทำให้ผมอยากเอาเท้าสวย ๆ อัดหน้าเข้าให้ มันกวนตีนผม
“มึงจะเข้าเลต?”
“ทำไมโควตามีไว้ให้มึงคนเดียวหรือไง” ไอ้โยมันไหวไหล่ขึ้นก่อนจะเดินไปสั่งอาหาร ผมไม่ค่อยหิวเท่าไรเลยไม่ได้เดินไปพร้อมกับมัน ให้เดามันคงเพิ่งตื่น อาบน้ำหรือยังก็ไม่รู้
“กูแดกห้านาทีเสร็จ” ผมยังไม่ได้พูดอะไรแต่ไอ้ห่านี่ก็พูดขึ้นมาก่อน ผมก็คงเหมือนมันไม่อยากเข้าทำแล็บเพราะคู่แล็บผมคือพระพาย
“...”
“ทำไมไม่ตอบกูล่ะ อ่า ยังหึงพายอยู่สินะ มึงไว้ใจกูได้เพื่อน”
“ไว้ใจเหี้ยไร อย่าพูดคำนี้กับกู”
“ฝังใจสินะ ปล่อยผ่านบ้างก็ได้ ทั้งสองคนเลยทั้งมึงทั้งพาย เป็นเหี้ยไรก็ไม่รู้”
“มึงเป็นกูมึงจะไม่พูดแบบนี้โย”
“ครับ ๆ ผมไม่เข้าใจหรอกครับ” ถ้ามีถ้วยให้คนกวนตีนผมจะยกถ้วยให้มัน แต่ไอ้ห่านี่ก็พูดกวนตีนได้แต่กับคนในบ้านแหละ พออยู่กับคนอื่นมันขี้เก๊กจะตาย คนถึงพูดว่ามันเป็นเจ้าชายแตะต้องไม่ได้
“เย็นนี้…ฟรายเดย์”
“ฝันไปเถอะ กูไม่ไปหรอก เดี๋ยวมึงทิ้งกูให้นอนที่ผับอีก” ผมยกยิ้มมุมปากที่ได้ยินอย่างนี้ ไอ้ห่านี่คออ่อนฉิบหายเลยแหละ
“กูอยากเมา”
“เหรอ กูนี่จะเมาก่อนมึง เดี๋ยวมึงได้ผู้หญิงแล้วทิ้งกูเหมือนเดิม ไปชวนไอ้ห่าพอตไป”
“ชวนไร แม่งจะต่อยกูตลอด” ผมอึดอัดนะกับความสัมพันธ์ของผมกับเพื่อน ๆ ที่เปลี่ยนไป แต่ทำไงได้พอมันแตกแบบนี้ทุกคนก็ต้องเลือกข้าง ซึ่งแม่งไม่มีใครเลือกผมเลยรวมถึงไอ้ห่านี่อีกคน
“พายบอกมึงจะคบกับเฌอรีน?” ผมหันหน้ามามองใบหน้าของไอ้โยอีกครั้ง มันกำลังเคี้ยวข้าวไปด้วยพูดไปด้วย ผมอยากถ่ายรูปไปโพสต์ในกลุ่มของวงที่มีแฟนคลับของมันติดตามอยู่ เพื่อทุกคนจะได้เห็นด้านมืดของมันบ้าง
“ไม่ตอบ แสดงว่าจะคบสินะ” ผมยังไม่ได้พูดไรสักหน่อย แต่วันนี้พอได้เห็นว่าพระพายร้องไห้แบบนั้น ผมชักอยากจะคบกับเฌอรีนจริง ๆ ซะแล้วสิ แล้วเรื่องเมื่อคืนที่พระพายถามเรื่องผมกับเฌอรีน ก็ตามนั้น ช่วยไม่ได้ก็เสนอให้ ไม่สนองก็โง่ละ
“มึงอย่าทำประชดพายเลย เลิกกันแล้วก็ยังเป็นเพื่อนกันปะวะ มึงทำแบบนี้มันจะไม่เหลือเพื่อนเลยนะเว้ย
“ใครอยากเป็นเพื่อนกับยัยนั่น ผู้หญิงแบบนั้นกูไม่อยากคบต่อหรอก”
“อ่า…เท่จังครับ มึงมีใหม่เขาก็มีใหม่ได้เหมือนกัน พอเขามีอย่าให้กูได้ยินว่าเป็นหมาหวงก้างนะครับ”
“หมาบ้านมึงสิหวงก้าง”
“มึงมันหมาบ้าไง…เชื่อเถอะมึงคลั่งแน่ ๆ”
“พูดมากว่ะ”
“มึงก็ใจเย็นบ้าง กูไม่อยากเสียเพื่อนอีกคน” คำพูดของมันทำให้ผมพ่นลมหายใจออกมา ทำไงได้มันไม่ได้เจอแบบผมนี่ ไอ้ห่านี่เลยพูดได้ ใครจะเข้าใจความรู้สึกผมเท่าตัวผมเอง...