“เฮ้อ”
เสียงหนาถอนหายใจดังลั่นห้องโถงใหญ่ของบ้าน หลังจากที่วางสายโทรศัพท์จากยายทวดของตัวเอง
ทำไมเขาถึงทำอะไรที่มันขาดสติไปได้ขนาดนั้น เขาไปตกปากรับคำรับผู้หญิงคนนี้มาเป็นเมียได้ยังไง
แถมยังไปสัญญาอีกด้วยว่าจะไม่มีทางส่งเธอกลับคืนไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
ถ้าเขาผิดคำสัญญาชีวิตมาเฟียของเขามีปัญหาแน่นอน ด้วยแม้นวาดผู้เป็นยายทวดของเขาไม่ใช่คนแก่ที่อยู่แต่บ้านธรรมดาทั่วๆ ไป
เขาที่ยังแก้ปัญหาเรื่องทายาทไม่จบยังไม่มีอยากมีปัญหาอะไรเพิ่มขึ้นมาในตอนนี้ ทำได้เพียงแค่อดทนและถอนหายใจทิ้งเพื่อระบายอารมณ์
อย่างน้อยบ้านหลังนี้ของเขามันก็ใหญ่โตพอที่จะอยู่ได้โดยไม่ต้องเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้น
"มีลูกค้าเก่าของเราติดต่อเข้ามาครับ"
เจซเดินเข้ามารายงานเรื่องที่มีลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาขอซื้อสิ้นค้าผิดกฎหมายกับเจ้านายของเขา
เขารู้ว่าตอนนี้เจ้านายนั้นอารมณ์ไม่ดี ไม่น่าเข้ามาพูดคุยอะไรด้วยเพราะอาจจะโดนลูกหลงได้
แต่เรื่องการกลับมาของลูกค้ารายสำคัญนั้นเขาต้องให้เจ้านายรับรู้ จะปล่อยผ่านไปเหมือนเรื่องเล็กน้อยไม่ได้
เพราะนั้นอาจทำให้ผู้เป็นเจ้านายอารมณ์ดีขึ้น และลืมเรื่องหญิงสาวคนนั้นไปได้สักพัก
"อืม"
เขาพยักหน้ารับรู้สิ่งที่ลูกน้องรายงานมา แต่สีหน้ายังคงเคร่งเครียดกับปัญญาที่ตัวเองไปก่อไว้
ถึงจะทำเป็นว่าช่างมัน ไม่คิดถึงหญิงสาวคนนั้นอีก แต่ภายในใจกลับลืมไม่ได้
ไม่เคยมีใครมาอยู่ร่วมบ้านเดียวกับเขามาก่อน จะมีก็แต่ลูกน้องที่มาคอยดูแลความปลอดภัยเท่านั้น
เขารักความเป็นส่วนตัว รักการที่จะอยู่คนเดียวเป็นอย่างมาก
เธอคนนั้นทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก ที่กล้าดีเดินตาม และยังคงไม่ยอมออกไปทั้งที่เขาก็แสดงชัดเจนแล้วว่าไม่ต้องการเธอ
"จะขอรับของคืนนี้ครับ"
เจซยังคงทำหน้าที่ของเขาคือการรายงานทุกอย่างให้เจ้านายฟัง
โดยที่เห็นตลอดเวลาว่าเจ้านายนั้นหน้าตาไม่พร้อมรับฟังอะไรเลยก็ตาม
"พวกมันกลับมาทำไม"
เขาถามกลับไปทั้งที่ก็ไม่ค่อยอยากจะรู้เหตุผลสักเท่าไหร่ เพราะไม่มีอารมณ์จะรับฟังอะไร
แต่เพราะคิดว่าถ้าได้พูดอะไรออกไปบ้าง คนอย่างเขาที่ไม่ค่อยชอบที่จะพูดน่าจะหันสมาธิไปรำคาญกับเรื่องนั้นแทน
แล้วเขาจะได้ลืมเรื่องกวนใจที่มีผู้หญิงที่เรียกได้ว่าเป็นคนแปลกหน้ามาอยู่ภายในบ้านไปได้สักพัก
"การมีภรรยาของนายทำให้ความเชื่อมั่นของลูกค้ากลับมาอีกครั้ง บางคนคิดว่าที่นายทำผู้หญิงท้องถึงได้แอบพาเข้าบ้านอย่างกะทันหันไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ ก่อนหน้านี้"
ลูกน้องคนสนิทยังคงรายงานตามที่ได้รับข่าวมาก เป็นข่าวดิบที่ไม่ได้มีการปรุงแต่งใดๆ ให้มีความสวยงามเกิดขึ้น
ด้วยพวกเขาทุกคน ไม่ว่าจะเป็นลูกน้องหรือเจ้านาย พร้อมที่จะรับฟังทุกเรื่อง ไม่ว่าเรื่องนั้นมันจะโหดร้าย หรือดีมากแค่ไหนก็ตาม
"แล้วใครปล่อยข่าว ไอ้พวกเวรนั้นไหม"
มาเฟียหนุ่มกวาดสายตาอันแสนดุดันมองยังลูกน้องที่ยืนรายล้อมอยู่รอบๆ ตัวเขาเพื่อมองหาคนที่มันกล้าปล่อยข่าวของเขาให้คนอื่นได้รู้
เรื่องที่เขาพาผู้หญิงเข้าบ้านมานั้นมันเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ คนภายนอกต้องไม่มีใครรู้เรื่องนี้แน่นอน
เพราะการไปไหนมาไหน หรือการที่เขาจะทำอะไรมันเป็นความลับ มีเพียงแค่ลูกน้องเท่านั้นที่จะรู้
หนึ่งในลูกน้องของเขาที่ยืนเรียงหน้ากันอยู่นี้ต้องมีใครสักคนกล้าท้าทายความตายปล่อยข่าวออกไปแน่ๆ
"ไม่ใช่คนของเราครับ"
เจซที่ได้สืบข่าวนี้มาให้กับเจ้านายตอบออกไปอย่างมั่นอกมั่นใจ
แต่เขาก็ไม่กล้าพูดออกไปว่าใครเป็นคนปล่อยข่าว ด้วยคนคนนั้นมีอำนาจมากกว่าเจ้านายของเขา
และถือเป็นแม่ยายของเขาอีกด้วย เพราะภรรยาของเขานั้นก็ได้ท่านผู้นี้จัดหามาให้
"คุณแม้นวาด"
เห็นท่าทางกระอักกระอ่วนของลูกน้องคนสนิทเขาก็เดาได้ในทันทีว่าเรื่องข่าวที่มันหลุดออกไปใครเป็นคนปล่อยข่าว
คงหนีไม่พ้นยายทวดของเขาเป็นแน่ เพราะไอ้เจซมันไม่เคยเกรงใจใครเท่ากับยายทวดของเขามาก่อน
ด้วยลูกน้องมาเฟียจอมโหดร้ายอย่างมันกลัวเมีย และนั้นก็ลามไปถึงเกรงใจแม่เลี้ยงของเมียอีกด้วย
ทำไมปัญหาบ้าๆ พวกนี้ต้องมาเกิดขึ้นกับเขาด้วย และที่นี่ก็ทำให้เขากลืนไม่เข้าคายไม่ออกกันนะซิ
เพราะถ้าไล่ผู้หญิงคนนั้นไป ธุรกิจของเขาก็อาจกลับมาแย่อีก แต่ถ้ายังมีผู้หญิงคนนั้นอยู่ในบ้านเขาก็ไม่สบายใจ
"มึงไปเตรียมของที่จะส่งคืนนี้ให้เรียบร้อย"
เมื่อเห็นว่าในตอนนี้เรื่องธุรกิจสำคัญกว่าเพราะมาเฟียอย่างเขามันต้องการอำนาจและเงินทอง
เขาก็เลยพยายามล่ะทิ้งเรื่องหญิงสาวนั้นไปก่อน เพราะเขาเชื่อว่าคนอย่างเธอที่ดูจะกลัวจนตัวสั่นแบบนั้นที่ได้เห็นเขาจะเดินออกจากบ้านนี้ไปเองโดยที่เขาไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้
"ครับ"
เจซรับคำสั่งแล้วก็รีบออกไปจัดการในทันที
ส่วนมาเฟียหนุ่มนั้นเดินกลับเข้าห้องนอนไปเพื่อพักผ่อนต่อ เพราะอาการเมาของเมื่อคืนยังทำให้เขาอ่อนเพลียอยู่
"กรี๊ด"
แต่ทว่าพอหลับตาลง กลับมีเสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังขึ้น
ทำเอาเขานั้นข่มตาหลับไม่ลงต้องลุกขึ้นจากเตียงนอนในทันที
"อะไรกันวะเนี้ย"
และเขาก็รีบเดินออกจากห้องนอนไปตามหาต้นเสียงนั้น
เพราะเธอยังคงไม่ยอมที่จะหยุดกรีดร้อง สร้างความรำคาญให้กับเขาเป็นอย่างมาก
"กรี๊ด"
เพียงจันทร์ที่เที่ยวเดินสำรวจไปทั่วบ้านกำลังกรีดร้องด้วยความตกใจที่เจอเข้ากับยักษ์ใหญ่สองตัวที่ยืนปกปืนอยู่ตรงทางออกด้านหลังของบ้าน
จะว่าเจอยักษ์แล้วตกใจก็คงไม่ใช่เอาเสียทีเดียวเพราะว่ายักษ์ที่เธอพูดถึงเนี้ยก็คือคนแต่ทว่าตัวใหญ่โตมาก
แต่ที่ตกใจจนกรีดร้องแล้ววิ่งกลับเข้าบ้านแทบไม่ทันเห็นทีจะเป็นเรื่องที่ไปเห็นปืนที่ยักษ์สองตัวนั้นถือ
เธอไม่คิดว่าจะมาเห็นใครปกอาวุธภายในบ้านแบบนี้
และพอวิ่งมาก็มียักษ์สองตัวนั้นวิ่งตาม ทำให้เธอกรีดร้องขอความช่วยเหลือลั่นบ้าน
"นาย"
สองยักษ์ใหญ่ที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูหลังบ้านให้กับมาเฟียกำลังพยายามจับตัวหญิงสาวแปลกหน้ากันอยู่
รีบถอนออกห่างหญิงสาวที่วิ่งไปหาผู้เป็นเจ้านายทันที และเข้าใจในทันทีเลยว่าหญิงสาวผู้นั้นเป็นของเจ้านาย
"อยากตายไหม"
วิณณ์หันไปตะคอกใส่หญิงสาวที่กล้าวิ่งมาหลบด้านหลังของเขา
สองมือของเธอกำลังดึงเสื้อของเขาอยู่ทั้งที่เขาไม่ได้เอ่ยอนุญาต
เขากำลังหงุดหงิดเป็นอย่างมากทั้งเสียงของเธอที่มันเข้าทำลายหูของเขา และก็มือของเธอที่กล้ามาจับเสื้อของเขา
สติของเขากำลังจะขาด และเขาก็กำลังจะเข้าไปฆ่าเธอ
"กรี๊ด"
เพียงจันทร์กรีดร้องใส่หน้าเขาด้วยความหวาดกลัว
ไม่คิดเลยว่าจะมาหนีเสือปะจระเข้แบบนี้
บ้านหลังนี้มันอะไรกันเนี้ย เป็นบ้านร่วมคนร้ายหรือไงกัน
"เงียบ"
เขาตะคอกเธอกลับด้วยเสียงที่ดังลั่น ไม่มีลดละความร้ายกาจลงเลย
สายตาคมที่เต็มไปด้วยความโกรธจ้องมองไปยังเธออย่างไม่มีลดล่ะ
ถ้าเขาฆ่าเธอได้เขาทำไปแล้วในตอนนี้ ไม่ปล่อยให้เธอมายืนกรีดร้องได้แบบนี้หรอก
"กรี๊ด"
หญิงสาวกรีดร้องออกมาอีกเมื่อถูกตะคอกใส่แบบนั้น
เธอหวาดกลัวไปหมดแล้วจนควบคุมตัวเองไม่ได้
แล้วก็ถึงทางตันมองหาใครช่วยไม่เจอ หญิงสาวใช้น้ำตาแก้ปัญหาอีกครั้ง
เธอนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น โดยไม่รู้ว่าจะร้องที่ไหนด้วยที่นี่มันไม่ใช่ที่ของเธอ
มองไปทางไหนก็ไม่มีใครที่รู้จัก เหมือนตัวคนเดียวทั้งที่มีคนอยู่มากมายเต็มไปหมด
"เออ กรีดร้องให้ตายไปเลย โธ่โว้ย"
มาเฟียหนุ่มทำได้แค่เดินหนีไปอีกครั้ง ด้วยเพราะสัญญามันค้ำคอเขาอยู่ทำให้เขาไม่อาจไล่เธอไปจากบ้านได้
และในคราวเดียวกันเขาก็อยู่บ้านเดียวกับเธอไม่ได้ด้วย เพราะว่าเธอสร้างความน่ารำคาญให้กับเขาเป็นอย่างมาก
วิณณ์สั่งลูกน้องออกรถในทันทีเพื่อไปยังเพนท์เฮ้าส์ของเขา ด้วยเขาจะไปพักผ่อนที่นั่นสักพักแทนการอยู่บ้าน