“ยังไม่อยากมีก็กินยาคุมไว้ฉันให้คนเตรียมไว้ให้แล้วในกระเป๋าเดินทาง ไว้พร้อมเมื่อไหร่ก็เลิกกินเท่านั้นเองง่ายจะตาย” ชายหนุ่มตอบเหมือนมันง่ายเพราะเข้าใจความรู้สึกของภรรยาเป็นอย่างดี
ถึงเขาจะปลอบอย่างนั้นแต่พอคิดว่ายังไงก็ต้องมีให้คุณย่าอุ้มวารยาก็อดใจแป้วไม่ได้ บอกสามีเสียงอ่อนว่า “แต่... วาเพิ่งย่างยี่สิบสี่เองนะคะ”
ยี่สิบสี่ส่วนเขาสามสิบห้า!
ใครใช้ให้หล่อนพูดถึงอายุของตัวเองกันนะ!
เพลิงกัลป์ตวัดสายตาคมกริบปรามภรรยานิ่งๆ เห็นดวงหน้าอ่อนเยาว์ดวงตาใสแป๋วนั้นมองกลับมาแล้วเขาอยากจะบ้าตาย ก็เขามันทั้งดำทั้งผิวกร้านไม่ขาวไม่เนียนเท่ายัยเด็กบ้าคนนี้เลยสักนิด
ให้ตายเถอะ เขาเพิ่งมารู้ก็วันนี้เองว่าตัวเองมีปมด้อย เป็นปมอิจฉาความเด็กของภรรยาตัวเอง!
“ใครใช้ให้พูดอายุตัวเองฮะวา อยู่ดีไม่ว่าดีอยากให้ฉันอารมณ์เสียใส่เหรอไงหรือนี่เป็นแผนของวาที่จี้ใจดำฉัน วาอายุแค่นั้นก็พูดได้สิแต่ฉันแก่กว่าวาตั้งเป็นสิบๆ ปีไม่คิดบ้างเหรอว่าฉันฟังแล้วจะรู้สึกยังไง” คนอารมณ์เสียงหน้าบึ้งคิ้วขมวดตะคอกใส่ภรรยาด้วยหัวข้อที่ชวนขันจนลุงชมคนขับรถยังแอบหัวเราะไม่ได้ ส่วนวารยานั้นถึงกับงุนงงว่าพูดแค่นี้ทำไมเขาถึงต้องโกรธด้วย
แก่กว่าแล้วไง?
แก่แล้วน่าเคี้ยวขนาดนี้หล่อนขอศิโรราบ!
วารยาเพียรง้อสามีตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องบินจนกระทั่งเดินทางมาถึงสนามบินภูเก็ตแล้วเขาก็ยังไม่หายโกรธ เพิ่งจะรู้ก็วันนี้ว่าคนแก่ง้อยากชะมัด บทจะหายโกรธก็ง่ายเหลือเกินเพียงหล่อนเลิกง้อเท่านั้น เหมือนจะง่ายแต่วารยาก็ต้องกลอกตาแรงไปหลายครั้ง
โรงแรมที่เพลิงกัลป์เลือกมาพักนั้นอยู่ติดกับชายหาดค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูง บรรยากาศดี นักท่องเที่ยวเยอะชวนให้วารยากระตือรือร้นอยากออกไปชมทะเล แฉลบสายตามองสามีที่ดูเฉยๆ เพราะท่าทางจะมาบ่อย เมื่อมาถึงห้องพักซึ่งเป็นห้องสวีตสุดหรูของทางโรงแรมวารยาก็รีบถือโทรศัพท์ออกไปนอกระเบียงโทรหาน้องสาวทันที
วารสานั้นไม่รู้ทริปนี้มาก่อนพอรู้เข้าก็โวยวาย
‘เป็นอย่างที่สาคิดไว้ไม่มีผิดว่าคุณเพลิงต้องเห็นพี่วาเป็นตุ๊กตาอยากทำอะไรก็ทำอยากพาไปไหนก็พาไป แต่งกันไปจะมีความสุขหรือต้องทนฝืนกล้ำกลืนกินน้ำตาก็ไม่รู้ เพราะอย่างนี้ไงคะพี่วาสาถึงบอกเลยว่าหัวเด็ดเท้าขาดยังไงสาก็ไม่เชื่อว่าคุณเพลิงจะรักและให้เกียรติพี่วาได้’
“สาใจเย็นๆ ก่อนนะ”
‘พี่วาเป็นคนใจเย็นอยู่แล้วขอสาเป็นคนใจร้อนเถอะนะคะ สาไม่อยากให้พี่วาเสียใจเพราะผู้ชายคนนั้น’
วารสายืนยันเสียงแข็ง
“ความจริงคุณเพลิงไม่ใช่คนต้นคิดหรอกสา แต่เป็นคุณย่าต่างหากที่บอกให้คุณเพลิงพาพี่มาเที่ยว”
‘เชอะ! พี่วาปกป้องคุณเพลิงตลอดนั่นแหละ’
“พี่เปล่า”
‘พี่วาไม่ต้องไปปกป้องคุณเพลิงเลยค่ะ สาพูดอะไรไปพี่วาก็ปกป้องตลอดสาน้อยใจแล้ว’ น้ำเสียงน้องสาวบอกให้รู้ว่าน้อยใจจริง วารยาได้แต่ทอดถอนลมหายใจแผ่วเบา
“สาอย่าโกรธพี่เลยนะ แต่ที่พี่ต้องปกป้องเพราะไม่อยากให้สาอคติกับคุณเพลิง ถึงยังไงสาก็ต้องอย่าลืมว่าเขาเป็นหลานชายแท้ๆ ของคุณย่าที่เลี้ยงดูเราสองคนมา คุณย่ามีพระคุณกับเรามากนะรู้ไหม เราสองคนมีวันนี้ได้ก็เพราะมีท่านคอยช่วยเหลือ แล้วเราก็มีสถานะเป็นแค่ผู้อาศัยในบ้านเตชะธรรมรงค์เท่านั้น พี่ก็เลยไม่อยากให้สาแสดงกิริยามารยาทอะไรที่ไม่ดีออกไปให้เขารู้ว่าสารู้สึกไม่ดีกับเขา” อธิบายยาวจนกระทั่งน้องสาวเข้าใจสิ่งที่หล่อนเองต้องการจะสื่อ
วารยาวางสายจากน้องได้พักใหญ่แล้วแต่ยังยืนชมวิวที่ระเบียงกระทั่งแดดเริ่มแรงจึงเข้าไปข้างในเห็นสามีกำลังนั่งพิมพ์งานอยู่บนโซฟา นั่นเองหล่อนถึงได้รู้ว่าเขาหาเรื่องหนีมาทำงานไกลๆ คุณย่าจะได้ตามาดุไม่ได้
“คุณเพลิงคะ” หล่อนเดินเข้ามาหาสามี “เย็นนี้อยากจะลงไปทานอาหารข้างล่างหรือนอกโรงแรมหรือจะให้วาสั่งมากินในห้องดีคะ” ถามเสียงหวานหลังนั่งลงข้างเขา
“ออกไปกินข้างนอกดีกว่า ขลุกอยู่แต่ในห้องน่าเบื่อจะตาย ฉันมีร้านประจำอยู่ริมทะเลไม่ไกลจากที่นี่นักเดี๋ยวพาไปกินแล้วจะพาไปนั่งรถเล่นชมวิวด้วย” ตอบคำถามภรรยาทั้งที่ปลายนิ้วมือกับสายตาไม่ได้ละไปจากหน้าจอแลปทอปเลยสักนิด เลขานุการส่งงานมาให้ทางอีเมล์เขาต้องตรวจสอบและตอบกลับไปให้หล่อนจัดการในขั้นตอนต่อไป ต้องแอบทำที่นี่เพราะอยู่บ้านเชียงรายถ้าคุณย่ารู้ป่านนี้เขาโดนด่าหูชาแล้ว
วารยายิ้มหวานพยักหน้ารับ
“โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้นเชิญคุณเพลิงทำงานเลยนะคะวาขอลงไปเดินเล่นข้างล่างสักพัก”
............
ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ ^//^