กณิศาอุ้มเด็กหญิงน้อยๆ ขึ้นบันไดไปห้องนอนบนชั้นสอง มองทางเดินไม้กระดานแผ่นหนาขัดเงาวับที่ทอดตัวระหว่างห้องด้านหน้าและด้านหลัง หญิงสาวมาหยุดยืนหน้ารูปถ่ายครอบครัว ภาพที่มีพ่อแม่ลูก แม้เวลานี้พ่อและลูกคนหนึ่งจะลาจากโลกนี้ไปแล้ว แต่รูปแห่งความสุขก็ยังอวลไปด้วยสายใยรักของครอบครัว มือสั่นๆ แตะใบหน้าบุคคลในภาพ
“พ่อขา ก้อยกลับมาแล้ว” น้ำตาเธอร่วงพรูลงมาอย่างยากจะปิดกั้น ยามมองสบตาอ่อนโยนของบิดาในภาพถ่าย ความรักห่วงหาอาวรณ์ที่บิดามีให้ยามท่านมีชีวิตอยู่ยังติดตรึงในความทรงจำ แม้ว่าฐานะครอบครัวเธอไม่เข้าขั้นเศรษฐี ทว่าความขยันของพ่อและแม่ทำให้มีเงินมีทองซื้อที่ทำมาหากินเพิ่มขึ้น จนเมื่อพ่อเสียชีวิตไปลูกเมียที่อยู่ข้างหลังก็ไม่เดือดร้อน มีทุนรอนในการทำไร่ทำสวนของครอบครัวต่อไป มีเงินเป็นทุนการศึกษาของลูกทั้งสองมีค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมากพอสมควรถ้าหากแม่ไม่สานต่องานสวนงานไร่ที่ทำมาตลอด แต่แม่ก็ไม่ทิ้งแม่ยังทำมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน แรกๆ กณิศาก็ช่วยแบ่งเบาภาระจากแม่ได้บ้าง แต่ช่วงหลังๆ เมื่อเรียนหนักขึ้นเวลาที่จะกลับมาบ้านก็น้อยลงจนกระทั่งวันนั้น
เด็กหญิงที่หลับปุ๋ยในอ้อมแขนขยับดิ้นกระสับกระส่าย ฉุดกณิศาให้กลับมาจากความหลัง หญิงสาวบอกกับบิดาในรูปถ่ายอีกครั้ง
“หลานพ่อค่ะ ช่วยปกปักรักษารวงข้าวด้วยนะคะ” กณิศาบอกรูปถ่ายพ่อแล้วเดินไปยังห้องนอนเพราะรู้ว่าเด็กน้อยต้องการนอนสบายๆ บนที่นอนไม่ชอบการกอดรัดเอาไว้แบบนี้ตลอดเวลา
คนที่มาร่วมฟังสวดในค่ำคืนนี้ทยอยกลับกันจนเกือบหมด จะมีก็เพียงญาติและเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกันไม่กี่คน ส่วนหนึ่งอยู่ช่วยจัดเก็บข้าวของและความห่วงใยที่มีต่อนางสายบัวจริงๆ ทว่าอีกส่วนอยู่เพราะอยากจะรู้เรื่องราวและสอบถามเรื่องของกณิศาบุตรสาวคนเล็กของนางเสียมากกว่า
“ไม่เห็นผัวมันมาด้วยนี่ หรือไม่กล้ามาสู้หน้า ไม่กล้ามาจุดธูปให้แม่เกด”
“หรือว่าเลิกกันแล้ว ก็มันหอบลูกมาคนเดียวแบบนี้ ทำตัวง่ายหนีตามกันไปแบบนี้ มันคงจะรักจริงหรอกนะ”
“ไหนบอกว่าไม่รู้มันหนีไปอยู่ที่ไหน แล้วทำไมมางานได้ละใครส่งข่าว”
“เอ๊ะ! น้าถามแปลกๆ ไม่ต้องส่งข่าวหรอก ข่าวรถชนดังขนาดไหนคนตายตั้งเยอะแยะ นังก้อยมันก็คงรู้จากทีวีหรือหนังสือพิมพ์นั่นแหละ ใครจะอยากส่งข่าวให้มันมาละ” แจ่มจันทร์บอกอย่างขัดเคืองกับหญิงเพื่อนบ้านที่อยากรู้ไปเสียหมด แล้วยังมาทำเหมือนคาดคั้นเอากับเธอ ยิ่งถูกถามมากเท่าไหร่แจ่มจันทร์ก็รู้สึกขายหน้าที่มีญาติแบบกณิศา ซ้ำยังเพิ่มความขุ่นเคืองที่มีต่อการกระทำของญาติสาวมากขึ้น แจ่มจันทร์รีบเดินหนีเพื่อนบ้านสองสามคนที่ตั้งหน้าตั้งตาซักถามเอากับตนเองทันที
“บ้าๆ ชอบพูดกันนักกับเรื่องของชาวบ้าน อีพวกบ้า ปากปลาร้า ปากตำแย บ้า บ้า” แจ่มจันทร์เดินบ่นอุบอิบอย่างเคืองๆ ไปด้านหลังศาลาที่มีโรงครัวไว้สำหรับเจ้าภาพประกอบอาหารเลี้ยงพระ เลี้ยงแขกที่มาในงาน แต่หางตาเธอมองเห็นชายผู้หนึ่งยังนั่งอยู่ในศาลาทอดมองรูปถ่ายของกนกกรเหมือนคนหมดอาลัยกับชีวิต หญิงสาวรีบเดินเข้าไปหาอย่างมีจุดหมายทันที
“คุณเคนขา”