บทที่3///เสียทีสิ้นท่า NC100

3885 Words
ทางด้านเซียวหมิงเยว่นางก็พยายามจะต่อต้านอารมณ์ที่ถูกปลุกขึ้นมาจากการหลับใหลตลอดวัยสาวให้ตื่นเตลิดขึ้นมา อย่างน่าละอาย… ‘ไม่นะ เจ้าจะมายินยอมให้บุรุษแปลกหน้าชักนำไปจนเตลิดเปิดเปิงเสียสาวไม่ได้นะเสี่ยวหมิงเจ้าต้องหยุดเขาสิ…ห้ามเขาก่อน’ เมื่อพยายามรวบรวมสติให้กลับมาได้ นางจึงพยายามจะต่อสู้กับผู้ได้ชื่อว่าเป็น’ บุรุษแปลกหน้า’ ทว่ากลับช่างน่าอนาถเหลือหลายที่นอกจากเพียงขยับปลายนิ้วได้เล็กน้อยส่วนอื่นของร่างกายกลับมิอาจเคลื่อนไหวต่อต้านเขาได้เลย ดังนั้นในยามเมื่อจ้าวไห่เฉิงนั้นขยับกายถอยห่างอีกครั้งจึงได้แลเห็นสายตาต่อต้านผสานวิงวอนคงอยากให้เขาหลุดทุกสิ่งลงเสียจึงกระแทกดวงตาทว่ามิอาจสั่นคลอนดวงใจแกร่งให้ไหวอ่อนไปได้ ” เหล่าโผเจ้าอย่าพยายามต่อต้านให้เหนื่อยเปล่าเลยในเมื่อสวรรค์จับยัดเยียดเจ้ามาเป็นสตรีของจ้าวไห่เฉิงแล้ว….เกรงว่าแม้แต่เจ้าสิ้นลมวิญญาณดวงน้อยของเจ้าก็ยังคงเป็นผีของข้า จ้าวไห่เฉิงมิเปลี่ยนไป” ซึ่งมีหรือที่คนต้องการร่างน้อยจนแทบคลั่งเขาจะยอมให้นางปฏิเสธเขาแม้แต่ภายในใจคิดต่อต้านก็ไม่ยินยอม เช่นนี้มีหรือที่รองแม่ทัพแห่งค่ายเสิงจวีที่เผชิญทั้งศึกรบพุ่งในสนามใหญ่ชายแดนและศึกรักใคร่มาหลายหนาวนั้นจะอ่อนข้อให้เจ้าสาวเด็ดขาดเขามีกลยุทธ์ลีลารักใดจึงถูกนำมาใช้ล่อลวงคนใต้ร่างทันที ...ข้าหมายตาเจ้ามาสองหนาวแล้วบัดนี้จะใจอ่อนล้วนมิบังเกิดแน่เหล่าโผ... เพราะอดีตสองหนาวเขาเคยพบนางพึงใจนับแต่พบพานเป็นเช่นไรวันนั้นท่านรองแม่ทัพเจ้าจึงเพิ่งรู้แจ้ง แต่เพราะงานรัดกายอีกทั้งในยามนั้นสาวใช้ของคุณหนูสามนางยังเพิ่งใกล้สิบสี่ให้เขามีใจก็ยากจะไปข่มเหงเด็กยังไม่เติบโตเป็นสาวเต็มกายไปได้ หากแต่คราวนี้สวรรค์บันดาลถึงเพียงนี้ก็ขอยึดไปแล้วว่านางคือคนของเขาที่สวรรค์เปิดทางให้ทุกสิ่งสมหวังเสียในวันนี้คิดตกเช่นนั้นมือแกร่งของเขาจึงลูบไล้สัมผัสไปทุกที่ซึ่งเป็นจุดอ่อนไหวของอิสตรี ส่วนริมฝีปากนั้นก็ระดมกดจุมพิตนางไม่หยุด ส่วนมืออีกข้างก็ทำหน้าที่เสาะหาช่อบุปผานางที่เขาเห็นเลือนรางเมื่อครู่ใหญ่แล้วว่างดงามเพียงใดที่กลางร่างของคนตัวน้อยที่เขาเพียงวางทาบฝ่ามือลงไปก็พบกับเนินเนื้อนางที่กำลังพอเหมาะพอดีกับฝ่ามือของเขาอีกแล้ว ความนุ่มเนียนมือนั้นบอกเขาได้ว่าแม้เพียงเส้นไหมอ่อนนุ่มเนินเนื้อนางนี้ก็ไม่มีเขาจึงเริ่มกรีดปลายนิ้วชี้และนิ้วกลางลงไปตรงรอยแยกแย้มกลีบของบุปผานางที่ยังคงปิดสนิทแนบแน่น เพื่อจะปรนเปรอให้สาวน้อยหัวหมุนจนหลงลืมกายปลดปล่อยหัวใจไปกับการชักนำของเขาไปอีกคราวหนึ่ง เมื่อพบเจอเกสรบุปผานาง จ้าวไห่เฉิงเขาก็ไม่รอช้า กดปลายนิ้วมือแสนร้ายกาจกดและบดขยี้เน้นหนักลงไปยังกลางเกสรบุปผานางอันแสนจะงดงามเน้นหนักทุกจังหวะ “อื้อ...อื้อ...อึก...” เมื่อนางถูกจู่โจมถาโถมปรนเปรอไปทุกจุดอ่อนไหวไวต่อการถูกกระตุ้นกายอรชรถึงกับสติหลุดลอยไปในทันทีลืมสิ้นไปหมดแล้วว่าตนเองจะต้องต่อต้านจะต้องคิดแผนหลบหนีจากอ้อมแขนกำยำนี้ไปเช่นไรนางรู้สึกก็แค่เพียงความเสียวซ่านที่ตีหมุนวนเวียนอยู่ภายในกาย จนต้องเผลอปลดปล่อยเสียงครางครวญออกมาอย่างไม่รู้ตัวยิ่งเขาเร่งจังหวะต่อการขยับปลายนิ้วบดเบียดที่เกสรนางก็สุดที่สาวน้อยนางหนึ่งจะทานทนดื้อดึงช่วยเหลือตนเองได้อีกต่อไปจึงอย่าได้กล่าวถึงเซียวหมิงเยว่ผู้ถูกฤทธิ์ยาสลายกระดูกทำลายกำลังไปจนสิ้นจะไปต่อต้านได้ไหว ซึ่งเมื่อจ้าวไห่เฉิงเขาเห็นว่าร่างน้อยนางเริ่มจะมีใจคล้อยตามกันมาอีกครั้งจึงอดลองสอบถามซ้ำถึงนามอันแท้จริงของผู้ที่กำลังจะได้เป็นภรรยาเขาทุกทางยกเว้นใบผูกสัญญาสมรสสตรีผู้ซึ่งจะได้เป็นฮูหยินเอกหนึ่งเดียวของบุรุษแห่งเป่ยเหลียงเท่านั้นที่นางและเขายังมิได้ลงลายมือชื่อร่วมกันซึ่งแน่นอนในอรุณรุ่งพรุ่งนี้เขาและนางจะไม่พลาดการลงนามผูกสัญญานี้ต่อกันอีกเป็นแน่แท้ “เหล่าโผ นามของเจ้า...เหล่ากงอยากฟัง” เซียวหมิงเยว่นางพยายามจะส่ายใบหน้าเป็นคำตอบเพราะนางคิดเอาไว้ว่าหากผ่านพ้นราตรีนี้แล้วนางและเขาก็คงแยกจากกันทั้งชาติยากจะพบพานจึงคิดว่าไม่เอ่ยนามคงดีกว่า ซึ่งต่อให้การเคลื่อนไหวของคนตัวน้อยจะแผ่วเบาเพียงใดแต่จ้าวไห่เฉิงล้วนรับรู้ได้ท่านรองแม่ทัพหนุ่มมีหรือจะยินยอมให้นางมาขัดใจสามีเสียตั้งแต่ราตรีร่วมหอเขาจึงหยุดขยับนิ้วร้ายเสียอย่างนั้นเช่นบุรุษร้ายกาจน่ารังแกสตรี “อื้อ...” คนถูกปรนเปรอจนแทบไปแตะปลายท้องนภาพอผู้ส่งกลับหยุดลงกลางทางนางเลยทรมานจนหน้าตาขึ้นสีเข้มจัดเพิ่มพูนดวงตาสีอ่อนใสนั้นก็ดูออกว่านางขัดอกขัดใจอย่างยิ่ง “นามของเจ้า...เหล่าโผ...แล้วเหล่ากงจะเมตตาเจ้าด้วยดี...อา...” มิใช่ว่าผู้หยุดกรีดปลายนิ้ววนเวียนบดเบียดเสียดสีไปมายังเกสรนางเขาจะพึงใจตรงกันข้ามเขาเองก็แทนจะทรมานมิแตกต่างกับนางเท่าใดนักทว่า...ในยามที่เขาแทรกกายฝากฝังลงสู่กายของนางจะได้เอ่ยนามของนางได้อย่างถูกต้องสุดท้ายดรุณีน้อยด้อยประสบการณ์จะไปต้านทานเล่ห์กลของพญามารแสนร้ายกาจไปได้สุดท้ายนางจึงพึมพำเอ่ยนามแผ่วหวิวออกมาจนได้ “หมิงเยว่...เซียวหมิงเยว่... อ๊ะ..” 'เสี่ยวมาวขนฟูนุ่มของข้า... ในที่สุด...เจ้ามิอาจต้านเล่ห์กลของหลางหยินเซ่อตัวร้ายเช่นข้าไปได้' (หลางหยินเซ่อ/สุนัขป่าสีเงิน พี่เฉิงเป็นหัวหน้าหน่วยทหารม้าหลางหยินเซ่อค่ะจึงแทนตัวเองว่าหมาป่าสีเงิน ทั้งสองกองมีเงิน-ทอง-ดำและแดงโดยมีหัวหน้าหรือจ่าฝูงเป็นสีทอง) “เรียกข้าว่า'เหล่ากง'จงจดจำให้แม่นว่านับจากราตรีนี้ข้าเป็นคนของเจ้าแล้วสตรีใดใครอื่นเพียงปลายเส้นผมเจ้าก็อย่าให้พวกนางมาแตะต้อง'เหล่ากง'ผู้นี้ของเจ้าได้อีก” กล่าววาจาจากใจจบลงเมื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าตนเองจะเลือกนางเป็นมารดาของเสี่ยวหลาง (หมาป่าน้อย) สักครึ่งโหลมิคิดตบแต่งสตรีใดอีกแล้วชั่วชีวิตนี้นิ้วร้ายก็ซอกซอนจนเจอบ่อน้ำหวานหอมละมุน ที่ทั้งคับแคบและแน่นตึง เพียงแค่นิ้วเดียวของเขายังฝ่าเข้าไปได้ยากอยากเหลือเกิน "อา....คับแน่นเหลือเกินเหล่าโผของข้า" เขาอยากจะอดทนพาสาวน้อยไปจนสุดสายรุ้งเสียก่อน แต่ความปวดร้าวที่แกนกลางร่างที่มันขยายใหญ่จนแทบระเบิดเพราะความต้องการที่มากล้นออกมาเสียเดี๋ยวนี้ "อา...คนดีเหล่ากงนี้จะทนไม่ไหวแล้ว ต้องเดี๋ยวนี้ ต้องตอนนี้แล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นท่านพี่คงระเบิดเสี่ยวหลางออกมาจากภายนอกเสียในบัดนี้แล้วคนดี...ไม่ไหว...ขอโทษเจ้านะ" ท่านรองแม่ทัพแห่งหลางหยินเซ่อหนุ่มลุกขึ้นนั่งคุกเข่าตรงกึ่งกลางกายอรชร แล้วแยกเรียวขาที่ขาวเนียนนุ่มมือจนเขาสัญญากับตัวเองว่ารอบต่อไป เขาจะกลืนกินกายของนางให้ทั้งมิละเว้นแม้เพียงปลายนิ้วเท้า! ทางด้านเซียวหมิงเยว่นั้นต่อให้นางจะหลงวนไปกับเพลิงเสน่หาที่ท่านรองแม่ทัพหนุ่มนั้นจุดขึ้นจนโหมอย่าหนักจนแทบจะเผาผลาญนางให้มอดไหม้สลายกลายเป็นเถ้าธุลี แต่ความอับอายก็ยังคงมีอยู่มากมาย พอร่างกายสาวนั้นถูกจับแยกจนเปิดเผยไร้จุดเร้นลับอีกต่อไปนางจึงเริ่มพยายามที่จะหนีบขาเอาไว้สุดกำลัง แต่แรงมดหรือจะสู้พลังช้างสารยิ่งแรงของนางยังแทบไม่มีเลยอย่าได้หวังเลยว่าจะทำอันใดได้อีก ดังนั้นสุดท้ายขาเรียวสองข้างก็ถูกจับมาเกี่ยวไว้ที่เอวสอบ ของท่านรองแม่ทัพหนุ่มซึ่งเขาย่อมรู้ดีว่านางนั้นบริสุทธิ์ผุดผ่องเพียงใดเพราะเพียงแค่เขาส่งปลายนิ้วร้ายนำทางไปก่อนแล้วและ ถึงแม้บัดนี้ตรงบุปผานางนั้นจะมีน้ำหวานในเอ่อท่วมท้นแต่ความคับแน่นกับนั้นจะต้องมารองรับตัวตนอันยิ่งใหญ่ตามขนาดร่างกายของเขาจ้าวไห่เฉิงเห็นแล้วก็สงสารคนตัวน้อยอย่างยิ่ง แล้วก็เป็นไปตามที่เขาคาดเดาเพราะเพียงเขาขยับส่วนปลายยิ่งใหญ่คิดแทรกเข้าสู่เนินบุปผานางก็ยากเย็นเหลือหลายผลักดันเท่าใดก็ไม่ขยับไปไกลกว่าส่วนปลายหยักนั้นเลยปัญหาใหญ่ของเขาเสียแล้ว หากเขายังจะผลักดันทีละน้อยเช่นนี้นางคงจะเจ็บมากและยาวนานเสียเป็นแน่ "เจ็บ...อื้อ..." เพียงส่วนปลายนางยังดูทรมานอย่างยิ่งแต่จะทำเช่นไรได้ ก็'มัน'ยิ่งใหญ่ของมันเองนี่นาเขาไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย บุรุษผู้ซึ่งปกติก็ภูมิใจในความใหญ่โตของสัดส่วนแห่งบุรุษ ทว่าในยามนี้จ้าวไห่เฉิงเขากลับเริ่มมีความคิดว่าอยากจะมีขนาดที่เล็กลงกว่าเดิมของตนเองไปสักเท่าหนึ่ง คนร่างเล็กจะได้ไม่บอบช้ำมากนัก สุดท้ายท่านรองแม่ทัพหนุ่มก็มีเพียงเดินหน้าต่อไปโดยการค่อยกดส่งตัวตนอันใหญ่โตเข้าไปจากเนิบช้าด้วยกำลังใจที่บอกให้ตนเองอดทนไม่เอาแต่ใจของตนเองเป็นใหญ่แล้วไปฉีกกระชากนางจนหวาดกลัวไม่ยินยอมให้เขาได้'รัก'นางอีกในโอกาสต่อไปและต่อไปส่วนทางฝ่ายคนที่กำลังเริ่มจะกลับมานางจึงเริ่มมีแรงกระถดถอยกายหนีเพราะความเจ็บที่มาเยือนทีละน้อย แต่จ้าวไห่เฉิงเขาย่อมรู้ทันและจับทางของนางได้อยู่แล้วมือแกร่ง จึงส่งไปจับยึดเอวเล็กคอดกิ่วเอาไว้เสียแนบแน่น “อ๊ะ! เจ็บ... เจ็บ...ท่านรองแม่ทัพปล่อยข้าไปเถิด...เจ็บ!ไม่เอาแล้ว...พอแล้ว... กลัวแล้ว...มันเจ็บ...อื้อ...เจ็บจะตายแล้ว...” คนตัวเล็กทั้งดิ้นรนและทั้งร้องวิงวอนขออย่างน่าสงสาร น้ำตาที่ไม่เคยไหลออกมาโดยง่ายบัดนี้ไหลนองออกมาจนเต็มสองข้างแก้มที่เริ่มแดงจัดด้วยความเจ็บปวดราวจุดนั้นถูกคมมีดกรีดเฉือนก็มิปาน สุดท้ายจ้าวไห่เฉิงเริ่มเห็นท่าไม่ดีถ้าหากเขายังอ้อยอิ่งอยู่เช่นนี้ก็เท่ากับยิ่งทรมานนางไม่สิ้นสุด เช่นนั้นสุดท้ายท่านรองแม่ทัพหนุ่มจึงตัดสินใจที่จะเดินหน้าทีเดียวให้จบไปเลย ...ปึก!...พรวด!...กึก... “กรี๊ด!” คนตัวเล็กนางกรีดร้องออกมาเสียงลั่นคาดว่าสุดเสียงสุดกำลังที่นางมีภายในใจของเซียวหมิงเยว่นางก็คิดสอบถามตนเองไปด้วยว่านี่หรือคือการมีเพศสัมพันธ์ที่ในสมัยนางยังเป็นคนจากยุค2020นั้นเคยได้ยินได้ฟังมาบ้างกลับล้วนมีแต่สิ่งสวยงามจนนางฟังก็กี่ครั้งก็เขินจนทนฟังเพื่อนเล่าจนจบไม่ไหวซึ่งเจ้าพวกนั้นล้วนต่างนำเอามาคุยโอ้อวดกันกับครั้งแรกที่ได้นอนกันแฟนว่ามีแต่ความสุข ‘ไอ้พวกเพื่อนชั่วพวกแกมันโกหกทุกคน!’ “อื้อ...ไม่เอาแล้ว...เจ็บจะตายแล้ว เอาไอ้หนอนยักษ์ออกไปเลยนะ!” คนที่เพิ่งจะมีกำลังวังชาเอาเมื่อสายเกินจะแก้นางเลยทั้งพยายามดิ้นรนจิกข่วนตามร่างกายของผู้เป็นนายของ'หนอนยักษ์'ที่แน่นอนว่าบุรุษเช่นจ้าวไห่เฉิงนั้นเป็นทหารที่ย่อมมีร่างกายกล้าแกร่งไม่พอผิวหนังยังหนาเกินจะต้านอีกด้วยนางกางนิ้วทั้งสิบข่วนบ้างจิกลงไปบ้างไม่ออมแรงมีเท่าใดล้วนใส่ไปเต็มที่หวังให้ท่านรองแม่ทัพหนุ่มนั้นได้ถอดถอนตัวตนอันยิ่งใหญ่ออกไปเสียที ร่างของนางคล้ายถูกฉีกกลางร่างอย่างไรอย่างนั้นเจ็บจนเห็นดาวเห็นเดือนลอยคว้างไปหมด! “ไม่เป็นไรนะ...คนดี เดี๋ยวมันจะดีขึ้น อยู่นิ่งๆ นะเหล่าโผ” คนถูกทุบบ้างข่วนบ้างพยายามปลุกปลอบคนใต้ร่างให้นางค่อยสงบลงโดยที่เขานั้นยังคงแช่ตัวตนนิ่งเอาไว้ไม่ขยับสิ่งที่เขานั้นฝากฝังเข้าไปภายในร่างน้อยจนสำเร็จแสนจะยากเย็นขืนถ่ายถอยเขาก็ได้อดไปอีกนานเท่านั้น แต่เพียงเห็นว่าน้ำตานางยังคงหลั่งรินเขาจึงโน้มกายลงไปกดจุมพิตซับน้ำตาที่ไหลออกมาทางหางตา กดจุมพิตนุ่มนวลและถนอมนางอย่างสุดหัวใจ ก่อนที่เขาจะเคลื่อนไหวจุมพิตนั้นไปตามเสียงจากภายในให้กระทำเริ่มจากที่หน้าผาก คิ้ว จมูก สุดท้ายจบลงที่ริมฝีปากจิ้มลิ้มสีสด ซึ่งบัดนี้บวมเจ่อด้วยฤทธิ์จุมพิตร้อนแรงของเขาเองกดจุมพิตอย่างอ่อนโยนชนิดที่ชีวิตนี้เขายังไม่เคยจุมพิตสตรีใดเช่นที่จุมพิตนางในอ้อมแขนตนเองเวลานี้มาก่อนเลย มือแกร่งนั้นก็เริ่มทำหน้าที่เคล้นคลึงเนิบช้าทว่าหนักแน่นที่ปลายยอดปทุมถันสีสดสวย "เจ็บ ปล่อยข้าไปเถิดนะเจ้าค่ะท่านรองแม่ทัพ...ข้าเจ็บมาก..." นางพยายามอ้อนวอนเขาให้ปล่อยนางไป เพราะนางคิดเอาว่าเพียงเขาเข้ามาจนสุดทางแล้วก็คือสิ้นสุดการมีสัมพันธ์กันระหว่างบุรุษกับสตรีแล้ว “เด็กน้อยข้าหยุดหาได้ไม่มาถึงเพียงนี้ถ้าให้ข้าหยุดคงได้สิ้นใจตายตรงนี้เท่านั้น” “แต่ข้าก็เจ็บเจียนจะตายแล้วเช่นกันเจ้าค่ะ” “ข้ามีหรือจะทำเจ้าเจ็บจนสิ้นใจ...ช่วยวางใจบุรุษของเจ้าสักหน่อยเหล่าโผ ว่าข้านี้ไม่ทำให้เจ้าเจ็บปวดจนใจตายลงไปเป็นแน่” กล่าวจบริมฝีปากอันร้ายกาจพอกันกับปลายนิ้วมือก็ทำหน้าที่ชื่นชมเกสรปลายยอดปทุมถันแรกแย้มอย่างหลงใหลในความหวาน ส่วนนิ้วร้ายนั้นก็ส่งลงไปควานหาจนพบเจอเข้ากับเกสรบุปผานาง แล้วจึงลงแรงบดบี้เคล้นคลึงจากแผ่วเบาแล้วจึงค่อยเริ่มเพิ่มน้ำหนักลงไปอีกทีละน้อยไม่ให้ผู้เป็นเจ้าของนั้นได้แตกตื่นตกใจ เมื่อสาวน้อยใต้ร่างนางเผลอไผลไปกับสัมผัสปลุกเร้าจนเริ่มขยับสะโพกน้อยส่ายไปมา น้ำหวานที่หลั่งไหลออกมาดูจะมากพอให้เขานั้นค่อยเริ่มผลักดันขยับสะโพกสอบเข้าและออกเป็นจังหวะเนิบช้า “อื้อ...” เสียงครางครวญในลำคอที่เล็ดลอดออกมา ทำให้รู้ว่าคนใต้ร่างเขานั้นนางเริ่มคล้อยตามกันแล้ว “เหล่าโผ ดีขึ้นหรือไม่ ความเจ็บนั้นบรรเทาลงบ้างหรือไม่เล่า?” สาวน้อยนั้นพอนางพบเจอคำถามเช่นนี้จึงมีใบหน้าแดงก่ำเมื่อได้ยินได้ฟังคำพูดทึ่มทื่อตรงไปตรงมาเหลือเกินเช่นนี้เข้าไปแต่ความเสียวซ่านที่ถูกบดขยี้เกสรน้อยทำเอาสาวน้อยที่ไม่เคยพบเจอความรู้สึกแบบนี้มาก่อน เลยถึงกับครางฮืออาออกไปอย่างสุขสมปนทรมานยากจะต่อต้าน ในขณะที่สาวน้อยเช่นเซียวหมิงเยว่นางกำลังเริ่มเรียนรู้ความสุขระหว่างชายหญิง ก็หลงเตลิดไปกับท่านรองแม่ทัพหนุ่มตอบคืนไปอย่างไม่รู้ตัว ถึงจะยังเจ็บปวดอยู่มากด้วยขนาดที่ต่างกัน แต่เขานั้นใจเย็นและทะนุถนอมอ่อนโยนต่อร่างน้อยอย่างยิ่งนางจึงค่อยคลายความเจ็บปวดลงทีละน้อย โดยไม่เคยคิดทำกับสตรีอื่นใดมาก่อนแม้แต่สตรีซึ่งเคยเป็นสตรีคนแรกของเขาก็มิเคยคิดถนอมนางเช่นที่ถนอม'ฮูหยินจ้าว'ผู้นี้เลย พอพบว่านางดูจะทรมานน้อยลงจ้าวไห่เฉิงที่เริ่มจะทานทนต่อเสียวซ่านแทบขาดใจที่ตนเองถูกความคับแน่นตึงรีดรัดรุนแรงไม่ไหวแน่แล้วจึงจำต้องพานางข้ามขึ้นไปท่องสวรรค์ชั้นฟ้าเร็วอย่างที่ไม่เคยกระทำมาก่อนตลอดวัยหนุ่มฉกรรจ์ยี่สิบหกหนาว "อื้อ.../อ้า..." ที่สุดแล้วเขาใช้ประสบการณ์ที่มากกว่าพาสาวน้อยก้าวข้าวไปเหยียบเยือนบนสายรุ้งผ่องอำไพได้ในที่สุด ร่างน้อยเกร็งกระตุกถี่ระรัว สองสามครั้ง พร้อมกับที่นางนั้นกัด ลงมาที่หัวไหล่กำยำของเขาคาดว่าคงจมเขี้ยวสุดฟัน นิ้วมือทั้งสิบนั้นก็ทั้งจิกที่เอวสอบของเขาแล้วก็ข่วน ไปจนทั่วแผ่นหลังกว้างเขารู้สึกถึงความแสบสันได้ในทันที แต่เหนืออื่นใดเขากำลังจะพังทลายเพราะการบีบรัดคับแน่นที่บีบกระชับตัวตนเขาให้ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขากดตัวตนย้ำหนักแน่นอีกสามสี่ครั้งเขาก็ทะลักทลายออกมาจนหมดตัวตนตามนางไปในที่สุด ..อา.. ช่างเป็นการระเบิดตนเองที่เสียวซ่านสะท้านสุขอย่างที่ไม่เคยสุขถึงเพียงนี้มาก่อนเลยสักคราจ้าวไห่เฉิงคิดไปด้วยในขณะที่เขานั้นเบียดร่างกายหนาซบใบหน้าลงข้างซอกคอขาวเนียนที่ตอนนี้มีรอยจ้ำแดงจากฝีมือ...มิถูกสินะ...คงต้องกล่าวว่าเป็นฝีปากและลิ้นของเขาจึงถูกต้องกว่าเพราะร่องรอยเหล่านี้เขานั้นทั้งกัดและทั้งดูดดึงทำรอยเอาไว้จนทั่วไปทั้งลำคอไม่พอแม้แต่เนินหน้าอกอวบอั๋นเขาก็ล้วนฝากรอยเอาไว้จนสิ้น! ส่วนคนที่เพิ่งเคยผ่านการเข้าหอ'ครั้งแรก'เข้าไปก็ถึงกับหลับใหลไปทันทีจนคนยัง'ไม่อิ่ม'จำใจต้องหักจิตไม่คิดรังแกนางอีกทำได้เพียงนอนมองดวงหน้าเล็กเท่าฝ่ามือของเขาที่กางออกจนสุดจริงเสียด้วยเพราะเขาลอดทาบวัดดูจนรู้แจ้งแล้วนั่นเองนางช่างมีเครื่องหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มน่ารักรับกันอย่างลงตัว นางอาจไม่ได้สวยเด่นแค่ครั้งแรกที่ได้พบเห็น แต่ยิ่งมองยิ่งกลับยิ่งทำให้เขาอยากจับจ้องนางไปเช่นนี้อีกนานเท่านานไม่มีเบื่อหน่าย ยิ่งมองยิ่งหลงใหลหน้าตาน่ารักของ'ฮูหยินจ้าว'อย่างยิ่ง หลงใหลจนถึงขั้นคิดไปว่าหากมีหลางหยินเซ่อน้อยจะน่ารักเช่นมารดาหรือไม่เลยทีเดียว กว่าสองเค่อที่ท่านรองแม่ทัพหนุ่มแห่งหลางหยินเซ่อจะเลิกนอนมองคนหลับใหลแล้วลุกขึ้นมาสวมเสื้อคลุมแล้วหาดูอ่างทองเหลืองหรืออะไรที่พอจะใส่น้ำมาเช็ดตัวให้นางที่หลับไปแล้วได้ แต่ในห้องนี้กลับไม่มีอะไรที่เขาต้องการสักอย่าง จึงเปิดประตูห้องหอออกไปคาดว่าคนสนิทของมารดานั้นจะยังอยู่บริเวณนี้ “ท่านพ่อบ้านอู๋” ซึ่งจ้าวไห่เฉิงก็รอไม่นานเลยที่คนสนิทเช่นอู๋ฝ่ายเสียนได้มาตรงหน้ารอรับฟังคำสั่งของผู้เป็น'นายน้อย'ทว่ามีร่างกายสูงใหญ่กว่าเขาเสียอีกแล้วอู๋ฝ่ายเสียนเกือบหลุดขำพรืดออกมาเมื่อเขาดันแลเห็นสภาพของนายน้อยตนเองเข้า ก็ท่านรองแม่ทัพแห่งหน่วยหลางหยินเซ่อผู้องอาจดุดันคมเข้มอยู่ตลอดเวลา บัดนี้กลับ... ...ดูสภาพยับเยินยิ่งกว่าเพิ่งกลับจากการเผชิญศึกใหญ่ช่างดูน่าอนาถยิ่งนัก ท่านรองแม่ทัพจะรู้หรือไม่เล่าว่าเกือบทั่วทั้งใบหน้าลำคอหรือแม้แต่ที่หน้าอกกำยำซึ่งโผล่พ้นอาภรณ์มานั้นมีแต่รอยข่วน ยิ่งตรงหัวไหล่ซึ่งโผล่พ้นเสื้อออกมาก็มีรอยกัดเห็นรอยฟันชัดเจนเต็มสองตาของท่านพ่อบ้านหนุ่มใหญ่ที่ยังมิทันได้ตบแต่งภรรยาถึงกับใบหูสองข้างนั้นก็พลันร้อนวูบวาบไปหมด “อ้อ..ท่านพ่อบ้านอู๋ วันมะรืนเราจะกลับไปที่ซั่วโจวกันเลย พรุ่งนี้ท่านทำเช่นไรก็ได้ให้คนที่อยู่ด้านในห้องนั้นนางและข้าได้ลงลายมือชื่อในหนังสือผูกสัญญาแห่งเป่ยเหลียงและที่สำคัญท่านพ่อหรือคนของฮูหยินหวงจะต้องมิอาจสอดมือสอดเท้ามาวุ่นวายกับ'คนของข้า'ได้อีกต่อไปก่อนวันเดินทางกลับ'บ้าน'ทุกสิ่งของฮูหยินจ้าวจะต้องครบถ้วนและถูกต้องสมบูรณ์พร้อมทุกสิ่ง” “ได้ขอรับ ท่านรองแม่ทัพจ้าว” ท่านพ่อบ้านอู๋โค้งกายพร้อมรับปากทันที งานเช่นนี้มันไม่ยากสำหรับเขาหรอก เมื่อสั่งงานสำคัญเสร็จ ท่านรองแม่ทัพหนุ่มก็สั่งของที่ต้องการ นั่งรอเพียงไม่ถึงสองเค่ออู๋ฝ่านเสียนเขาก็กลับมาพร้อมสิ่งที่จ้าวไห่เฉิงสั่งความไปมิขาดไปสักสิ่งเรียบร้อยดีตามนิสัยรอบคอบของคนเป็นพ่อบ้าน แต่ก่อนออกจากห้องหอไปก็อดใจที่จะเอ่ยตักเตือนผู้เจ้านายน้อยด้วยความหวังดีเสียมิได้ “เออ...ท่านรองแม่ทัพขอรับ ฝ่านเสียนขออนุญาตกล่าวเตือนสักประโยคจะได้หรือไม่" "กล่าวมาเถิดอย่าได้เกรงใจไปท่านพ่อบ้านอู๋" "ฝ่านเสียนอย่าจะเตือนว่า...ช่วงนี้ท่านรองแม่ทัพก่อนออกจากห้องหอสมควรสวมเสื้อผ้ามิดชิดหน่อยเถิดขอรับ...คือ...ดูท่านเสี่ยวฮูหยินจะฟันและเล็บคมไม่น้อยเลยนะขอรับ...อะแฮ่ม...บ่าวขอตัว” เพียงได้ฟังคำตักเตือนของคนสนิทมารดาจ้าวไห่เฉิงก็แทบจะหยุดคำสบถแทบไม่ไหวยังดีว่าผู้ที่กล่าววาจาเช่นนี้เป็นท่านพ่อบ้านหนุ่มใหญ่หาไม่หากเป็นทหารในค่ายหรืออาจจะเป็นจางจงเยี่ยรับรองว่าได้รับฝ่าเท้าเขาเป็นค่าตอบแทนที่หวังดีเสียเป็นแน่ แต่เมื่ออู๋ฝ่ายเสียนนั้นจากไปเรียบร้อยเขาจึงได้ก้มมองสภาพตนเอง แล้วก็คิดว่าต่อให้เป็นจางจงเยี่นเขาเห็นสภาพอาจใจของตนเองเป็นเช่นนี้ครึ่งคำก็คงไม่กล้าด่าออกไปเร่งเก็บคำเงียบไว้จะเป็นผลดีกว่า ...ทั้งเล็บและคมเขี้ยวช่างร้ายกาจนักนะเหล่าโผ!...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD