หลังจากยืนไว้อาลัยให้แก่สภาพยับเยินประหนึ่งเขาถูกสาวงามสักร้อยนางข่มเหงที่หมู่บ้านหญิงหม้ายเพียงผ่านราตรีร่วมหอกับฮูหยินจ้าว ของตนเองที่มอบรอยเล็บและรอยคมเขี้ยวฝากเอาไว้จนทั่วทั้งร่างกายไปเพียงครึ่งคืนเท่านั้นจ้าวไห่เฉิงก็ทำตัวเป็น’ เหล่าโผ’ สามีที่ดีเอาใจภรรยาโดยการเช็ดตัวทำความสะอาดให้คนที่หลับสนิทไปแล้ว นางได้สบายตัว
แต่ดูจากร่องรอยบอบช้ำที่เขาทำเอาไว้แล้วดูท่าทางแล้วในช่วงดึกนางอาจจะมีไข้สูงเอาได้เสียก็นางนั้นตัวยิ่งเล็กถึงเพียงนี้เช็ดตัวไปท่านรองแม่ทัพหนุ่มแห่งหลางหยินเซ่อก็สงสารผสานเอ็นดูอย่างที่เขานั้นมิเคยรู้สึกเช่นนี้กับสตรีนางใดมาก่อน ยังดีว่าท่านพ่อบ้านอู๋นั้นเตรียมยาต้มลดไข้เตรียมมาพร้อมเอามาไว้ก่อนอย่างคนที่รอบคอบไม่หย่อนยานด้วยแล้วก็นึกขอบคุณคนของท่านตาไปอีกสองเท่า
พอเช็ดตัวจนเรียบร้อยเขาจึงลุกไปค้นดูในหีบข้าวของซึ่งเป็นสินเดิมของสกุลหลิ่วจากนั้นก็เปิดดูจนพบหีบอาภรณ์จึงหยิบขึ้นมาเพ่งพิศอยู่ครู่หนึ่งก็รู้ดีทันทีว่านี้หาใช่อาภรณ์อันจริงแท้ของคนตัวเล็กบนเตียงอย่างแน่แท้จึงจับยัดคืนไปอย่างรังเกียจราวกับอาภรณ์ดังกล่าวนั้นแปดเปื้อนมูลสุกร
คิดว่าในวันพรุ่งนี้เขาจะต้องจัดการหาซื้ออาภรณ์รวมไปถึงข้าวของใช้ส่วนตัวให้ฮูหยินของตนเองเสียใหม่จะไม่ยินยอมให้นางต้องไปรับเอาเศษของเหลือใช้จากสตรีอื่นเด็ดขาด ทว่าราตรีนี้เขาจะต้องเอาอาภรณ์ของเขานั้นนำมาสวมให้แก่คนตัวเล็กจนเรียบร้อยเสียก่อนหาไม่ราตรีนี้ที่ลำบากล้วนเป็นเขาเอง
เพราะถ้าปล่อยให้คนตัวนุ่มนางนอนเปลือยเปล่าเช่นนี้ ก็คงจะเป็นตัวเขานี่เองที่จะอดใจไม่ไหวจนอาจจะเผลอไป'ขย้ำ'ต้าไป๋หู่ (เสือสีขาวตัวใหญ่) เข้าอีกรอบเสียเป็นแน่ ถึงเขาจะสงสารนางที่ตัวเล็กบอบบาง ที่เพียงครั้งแรกก็ถูกเขาทรมานนางด้วยขนาดของตนเองซึ่งไม่ธรรมดาไม่พอเขายังเผลอหนักมือไปในช่วงท้ายอีกด้วย
นักรบแห่งหลางหยินเซ่อพยายามอย่างมากที่จะไม่มองกายงดงามของคนที่คาดว่านางคงจะหลับสนิทเพราะฤทธิ์ของยาถอนพิษผสานกับฤทธิ์พิศวาสของเขาเล่นงานอย่างนักเข้าแล้วทว่าให้เขานั้นหักห้ามใจเท่าใดหากแต่ดวงตานั้นกลับไม่ยอมเชื่อฟังเขาสักนิดเอาแต่คอยจะเหลือบแลไปที่ความเย้ายวนตรงหน้าที่เจ้าของนั้น
นางหลับไม่รู้ความไปนานเป็นครึ่งชั่วยามได้แล้ว ที่ไม่ยอมหลับยอมนอนและไม่ยอมสงบก็คงมีแต่เจ้า'ตัวร้าย'กลางกายเขาเท่านั้นที่ระริกระรี้ชวนทุบมันให้ตายอย่างยิ่งแล้วท่านรองแม่ทัพจ้าวจึงปลาย ดวงตาลงไปมองเจ้ามังกรร้ายที่เขาเพียรกำราบมันเท่าใดก็ยังคงไม่มีสลดไม่พอมันยังคงชูคออวดโฉมอันยิ่งใหญ่ไม่ยอมสงบลงโดยง่าย
แต่ก็ท่องบ่นคิดก่นด่าตนเองว่าเขาต้องให้นางได้พักผ่อนบ้างด้วยมีแผนระยะยาวแอบหวังว่าในยามเช้ามาเยือนเขานั้นจะได้ล่อลวงนางจนได้แนบชิดสนิทแนบแน่นกันนางอีกสักครั้งดังนั้นในยามนี้จะลักกินขโมยกินคนหลับมิได้เด็ดขาด!
‘นี่ข้ากลายเป็นบุรุษมากราคะหื่นกระหายน่าชิงชังไปได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ?’
หวนคิดมาถึงตรงนี้จ้าวไห่เฉิงเขาจึงสะดุดใจละอายตนเองอยู่เล็กน้อยทว่าพอสายตาเหลือบไปมองใบหน้าจิ้มลิ้มริมฝีปากเล็กปลายจมูกโด่งกำลังพอเหมาะรับกับใบหน้าเล็กเขาก็แทบลืมสิ้นทุกสิ่งรอบกายจากนั้นเขาก็แอบใช้มือนั้นบิดจมูกเล็กๆ ของ'ฮูหยินจ้าว'ตัวต้นเหตุของอาการเสียกิริยารุนแรงของตนเองไปหนึ่งครั้งอย่างมันเขี้ยวยิ่งนัก
...ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...
"เป็นจงเยี่ยเองขอรับท่านรองแม่ทัพ"
จ้าวไห่เฉิงถึงกับกรอกดวงตาคมไปมาแล้วถอนหายใจเสียงดัง ส่วนภายในใจนั้นก็คิดว่าราตรีนี้คือราตรีเข้าหอมิใช่หรือไรไยจึงมีแต่คนเดินไปเดินมาก่อกวนเจ้าบ่าวเช่นเขามิให้ได้ชื่นชมเจ้าสาวอย่างสงบบ้างเลย แต่สุดท้ายเขาก็คิดได้ว่าหากจางจงเยี่ยมาก็คงมีงานใดที่เขามอบหมายสำเร็จแล้วจึงเดินไปเปิดประตูอาจเป็นรอบที่สิบแล้วในราตรีนี้
“ข้าน้อยได้ข้อมูลของฮูหยินของท่านรองแม่ทัพมาเร็วจึงเร่งนำมาให้ท่านเสียก่อนแล้วนี่ก็เอ่อ...ท่านพ่อบ้านอู๋ฝากขี้ผึ้งกับยาเอาไว้ทาสมานแผลแล้วก็ยาทาแก้รอยช้ำมาด้วยขอรับ”
จางจงเยี่ยส่งสมุดพับสองเล่มให้ผู้เป็นเจ้านายโดยตรงของตนเองแล้วจึงส่งขวดยาขวดขี้ผึ้งที่ท่านพ่อบ้านอู๋ฝากมาด้วยเรียบร้อย เขาจึงเตรียมถอยกลับอย่างมีความเคารพนายน้อยของตนเองสุดหัวใจ
“ลำบากพวกเจ้าแล้วจงเยี่ย ข้าฝากไปขอบคุณท่านพ่อบ้านอู๋ด้วยแล้วก็ไปพักผ่อนกันเถิดราตรีนี้ก็ดึกมากแล้ว ทุกผู้เหน็ดเหนื่อยกันมาไม่น้อยข้าจึงมีวันสุขสมหวังเช่นนี้"
กล่าวขอบใจคนสนิทจากใจแล้วจ้าวไห่เฉิงก็ปิดประตูห้องหอจากนั้นจึงหอบเอาขวดยามากมายไปวางลงตรงหัวเตียงนอนก่อนจะทรุดลงเลือกจะเปิดสมุดพับเล่มหนาออกอ่าน นามของเจ้าสาวของเขาในวันนี้คือ เซียวหมิงเยว่นี้เขาย่อมรู้อยู่ก่อนแล้ว
จากนั้นก็เป็นอายุของนางคือสิบห้าใกล้จะเต็มสิบหกหนาวในอีกสองเดือนข้างหน้า นางมิได้เกิดยังจวนสกุลหลิ่วนั้นเขาก็ทราบมาร่วมสองหนาวแล้ว ทว่านางนั้นเพิ่งขายตนเองเป็นสาวใช้ของคุณหนูสามสกุลหลิ่ว เช่นหลิ่วหลินอีเมื่อสามหนาวที่ผ่านมาเพราะมารดาของนางนั้นเป็นโรคระบาดล้มตายลงนางมิมีเงินฝังศพจึงขายตนเองเพื่อฝังศพมารดา
นับแต่นั้น เซียวหมิงเยว่ผู้นี้นั้นนางก็อาศัยยังสกุลหลิ่วคุ้มศีรษะหลบฝนป้องกันแสงแดดมิเคยออกไปที่ใดอีกเลยตลอดสามหนาวที่ผ่านพ้นเรื่องเหล่านี้เขาก็รู้แจ้งมาร่วมสองหนาวแล้วเช่นกันนั่นจึงเป็นสาเหตุให้เขาใจเย็นไม่เร่งร้อนรวบรัดนางเสียตั้งแต่สองหนาวก่อน
'หึ...ก็เพราะในยามนั้นเจ้ายังเด็กอยู่มิใช่น้อยข้าจึงปล่อยให้เจ้านั้นเป็นสาวใช้ไปก่อน'
ด้วยรู้แจ้งนางไร้บิดามารดารวมไปถึงญาติมิตรเช่นนี้ก็มิต้องห่วงไปว่านางนั้นจะถูกผู้ใดมาแย้งชิงกับเขาในสองหนาวที่ผ่านมาจ้าวไห่เฉิงเขาจึงปล่อยให้นางเติบโตจนพร้อมออกเรือนเสียก่อนแล้วก็ไม่ผิดหวังเลยในวันนี้
แต่มันยังมีสมุดเล่มที่บางกว่าที่แนบต่อท้ายมาด้วยท่านรองแม่ทัพจ้าวจึงไม่รอช้าที่จะเปิดมันออกอ่านทันที จากนั้นคิ้วคมเข้มนั้นก็ยับยุ่งดูก็ย่อมรู้ว่าเขามีสิ่งมิพึงใจอย่างรุนแรงริมฝีปากนั้นก็เม้มเข้าหาแน่นกัดจนแลเห็นรอยฟัน
“ที่แท้บิดาของนางก็คือตาเฒ่ากวนซีเจ๋อทู่ปาอ๋องแห่งหนานจ้าวหรอกหรือหึ!"
มิคาดว่าชาติกำเนิดฝ่ายบิดาของเซียวหมิงเยว่นางจะมิธรรมดาถึงเพียงนี้แต่แล้วอย่างไรตลอดสิบกว่าหนาวตาเฒ่ากวนซีเจ๋อนั้นไม่คิดจะสนใจสายโลหิตก้อนนี้มาตลอดเช่นนั้นก็ให้เขามิต้องมาสนใจต่อไปเถิด
"หรือต่อให้ท่านคิดจะมาขอทวงคนคืนคนโดยง่ายย่อมมิใช่คนของหลางหยินเซ่อเช่นข้าแล้วกวนซีเจ๋อ!”
จ้าวไห่เฉิงที่เพิ่งพบว่าที่นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงสตรีซึ่งในยามแรกเขาวางนางเอาไว้ในตำแหน่ง'มารดา'ของบุตรตัวน้อยในอนาคตที่จะเกิดมาของเขานั้นกลับมิธรรมดาผิดจากที่ตั้งใจว่าอยากตบแต่งให้สตรีสาวชาวบ้านธรรมดาแต่ต่อให้ฐานะของนางเปลี่ยนไปแล้วเขาที่เลือกนางแล้วก็มิใส่ใจ
...จะท่านหญิงหรือสาวใช้เขามิสนใจทั้งสิ้น...
เขาสนใจแต่เพียงหมายปองจับจองนางมาสองหนาวแล้วจะวันนี้หรือวันหน้าจ้าวไห่เฉิงเขาก็คิดจะตบแต่งเซียวหมิงเยว่นางมาเป็น'ฮูหยินจ้าว'ให้จงได้อยู่แล้ว
ดังนั้นพอวันนี้ได้รู้ว่าบิดาของนางนั้นอยู่ฝ่ายตรงข้ามเขาก็มิใส่ใจในเมื่อนับจากเซียวหมิงเยว่นางเกิดมาจนถึงวันนี้เขาคาดเดาไปแล้วว่านางเองยังไม่เคยรู้แจ้งถึงผู้ใดคือบิดาจนเติบโตมาอย่างยากลำบากเช่นนี้ในวันที่นางได้ดิบได้ดีบิดาคิดจะใช้ประโยชน์จากนางเขาค่อนข้างแน่ใจว่าภรรยาของตนเองนางมิใช่สตรีซึ่งยอมลงให้ผู้ใดโดยง่ายโดยเฉพาะบิดาที่ให้เพียงกำเนิดมิเคยยอมรับการมีตัวตนของนางแม้สักน้อยด้วยแล้วนางคงยากจะใจอ่อน
เมื่อคิดตกได้เช่นนั้นนักรบแห่งหลางหยินเซ่อก็จึงจัดการทำลายสิ่งที่สามารถยืนยันตัวตนของภรรยาทิ้งไปทันทีไม่กลัวว่านางจะโกรธเคืองเลยสักน้อยก็บิดาที่ต้องการให้นางตายนับจากรู้แจ้งว่านางกำเนิดยังเป็นเพียงก้อนโลหิตก้อนหนึ่งบุรุษเช่นนั้นล้วนสิ้นค่าให้ภรรยาของเขาไปเรียกขานว่า'ท่านพ่อ'เด็ดขาดทำลายสมุดนั้นทิ้งไปเรียบร้อยเขาจึงเดินกลับมาจับตามเนื้อตัวของนางดูว่าจะมีไข้หรือตัวร้อนหรือไม่
เมื่อจับแล้วรู้สึกถึงความอุ่นร้อนนิดหน่อย ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าจะปลุกคนหลับให้นางนั้นลุกขึ้นมาดื่มยาดีหรือไม่ ในที่สุดความเป็นห่วงก็ชนะ จ้าวไห่เฉิงเขาจึงหยิบถ้วยบรรจุยากับถ้วยน้ำเปล่ามาวางรอเอาไว้ที่หัวเตียง แต่พอสายตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นขวดยาทามากมายเข้าเท่านั้นท่านรองแม่ทัพหนุ่มก็ถึงกับส่ายศีรษะเพราะนับถือท่านพ่อบ้านอู๋อย่างยิ่งในความละเอียดรอบคอบยิ่งกว่ามารดาผู้ลาลับไปจนถึงท่านแม่บุญคุณธรรมของเขาเสียอีก
แต่เขาก็รู้สึกขอบคุณท่านพ่อบ้านอู๋อยู่มากเหลือเกินมิใช่เพียงครั้งนี้ทว่านับจากเขาเริ่มจดจำความได้อู๋ฝ่านเสียนผู้นี้ก็ดูแลเขาอย่างดี อาจจะดีกว่าบิดาโดยสายเลือดของเขาหรือแม้แต่บิดา'กำมะลอเช่น'ท่านใต้เท้าหวงเสียอีก เขาเลยขยับไปหยิบเอาตลับใส่ตัวยาทั้งหมดนั้นมาอ่านตรงด้านข้างซึ่งคาดว่าจะเป็นท่านพ่อบ้านอีกที่เขียนชื่อยากับตลับใดสมควรทาตรงไหนบ้าง ละเอียดรอบคอบข้างกายเขาล้วนมีหนึ่งเดียวนั่นคืออู๋ฝ่านเสียนมิผิดไป
‘เฮ้อ!...ขี้ผึ้งนี้ท่านสมควรส่งมาก่อนข้าเข้าหอหรือไม่ต้าเกอ’
จ้าวไห่เฉิงนั้นอมยิ้มพร้อมกับส่ายศีรษะ แล้วจึงหันไป จัดการปลุกคนที่ตัวเริ่มร้อนให้ลุกขึ้นมาดื่มยาบรรเทาอาการไข้กับอีกถ้วยคาดว่าจะเป็นตัวยาบรรเทาอาการ’ บาดเจ็บ’ หนักของเจ้าสาวตัวน้อยอย่างแน่แท้
“เหล่าโผ...เหล่าโผ...เจ้าจงตื่นมาดื่มยาก่อน...เหล่าโผคนดี” ถึงคำเรียกขานจะปกติธรรมดาทว่าน้ำเสียงเช่นนี้น้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้ยินจากริมฝีปากของท่านรองแม่ทัพจ้าวโดยเฉพาะสตรีคาดว่านอกจากท่านฮูหยินผู้เฒ่าหวงผู้วายชนม์กับท่านแม่บุญธรรมก็มีเพียงคุณท่านหญิงรองจ้าวผู้เป็นมารดาเท่านั้น
“อื้อ...” ร่างเล็กของเจ้าสาวมือใหม่ที่หลับลงไปด้วยความอ่อนเพลียหลังจากผ่าน’ ครั้งแรก’ พอถูกปลุกด้วยน้ำเสียงนุ่มอ่อนโยนกับสัมผัสอันไม่คุ้นเคยตามสัญชาตญาณของสตรีซึ่งระแวงระวังภัยต่อให้นางนั้นมีสภาพร่างกายอ่อนล้าบอบช้ำไม่น้อยทว่าเซียวหมิงเยว่นางก็ฝืนขยับแต่แค่เพียงเล็กน้อยความเจ็บที่ส่วน’ บอบบาง’ ที่สุดของอิสตรีก็พุ่งเข้าจู่โจมนางซึ่งถึงกับหลุดเสียงครางในลำคอแผ่วเบาทันที
“ลุกขึ้นมาดื่มยาก่อนเถิดเหล่าโผ”
จ้าวไห่เฉิงจึงขยับเข้าไปจับหัวไหล่บอบบางให้นางนั้นหันด้านหลังพิงมาที่หน้าอกแกร่งของตนเองเมื่อเขาประคองนางจนนั่งได้ดีแล้วส่ง ถ้วยบรรจุยา ถ้วยแรกส่งให้นางจับดื่มเองส่วนเขาคอยช่วยประคองนางเท่านั้น แต่เพราะยานั้นปล่อยเอาไว้นานแล้วจึงเย็นชืดจากที่ทั้งขมทั้งเฝื่อนอยู่แล้วพอเย็นเลยยิ่งทวีคูณความขมความเฝื่อนกลืนแทบไม่ลงคอเซียวหมิงเยว่ที่กำลังงัวเงียนางเลยแทบอาเจียนสวนเอายาถ้วยแรกที่กลืนกินลงไปคืนกลับออกมาจ้าวไห่เฉิงที่สังเกตอาการนางอยู่แล้วเขาจึงเร่งส่งถ้วยน้ำนางดื่มตามเข้าไปอีกหนึ่งถ้วย
“ให้ตายเถิดช่วงนี้ดวงของข้าคงสมพงศ์กับยาเกินไปแล้ว”
กลืนน้ำลงท้องอย่างท้อแท้น้ำเสียงหวานใสก็เอ่ยประโยคแรกให้จ้าวไห่เฉิงผู้เป็นสามีมือใหม่ได้ฟัง ซึ่งท่านรองแม่ทัพหนุ่มเขาเองก็จนปัญญาว่าตนเองจะหัวเราะหรือร่ำไห้กันแน่กับประโยคแรกของภรรยาที่เอ่ยกับเขาดี
“ยังเหลืออีกหนึ่งถ้วยดื่มแล้วจึงค่อยนอนต่อนะเหล่าโผ”
พอได้ฟังเช่นนั้นเซียวหมิงเยว่นางแทบจะหลุดคำว่า’ ห๋า!’ ออกมาอย่างตื่นตระหนกแต่เพียงถ้วยยาสีเข้มกลิ่นชวนอาเจียนยื่นมาตรงหน้านางก็เผลอกลืนคำอุทานลงท้องไปเสียก่อน
“ไม่ไหวแล้วหรือ?”
กำลังมึนกลิ่นยาและเมาความขมฝาดเฝื่อนติดลิ้นกลับยิ่งงงงันเมื่อคนตัวโตที่ให้นางใช้หน้าอกของเขาพิงต่างหมอนใบยักษ์ถามประโยคไร้ที่มาและมิทราบที่ไปสักนิด กว่าเซียวหมิงเยว่นางจะเข้าใจทุกสิ่งก็เมื่อมือกำยำนั้นส่งถ้วยยา ใบสุดท้ายกรอกใส่ปากของตนเองแล้วเขาก็ใช้มืออีกข้างมาจับท้าทายของนางยึดตรึงแน่นแล้วเขาก็ก้มวูบลงมาเอาริมฝีปากของเขาแนบสนิทลงมาที่ริมฝีปากของนาง พอเขาเห็นว่านางยังคงนั่งมึนงงไปเปิดริมฝีปากให้เขา มืออีกข้างจึงเอื้อมมาจับปลายคางของนางจนริมฝีปากจิ้มลิ้มแย้มออก
ซึ่งทุกสิ่งนั้นเกิดขึ้นรวดเร็วมากทว่าสำหรับเซียวหมิงเยว่แล้วเหมือนนางตกลงไปในหลุมดำขนาดใหญ่จนยากจะหาหนทางปีนป่ายขึ้นจากหลุมดำดังกล่าวโดยง่าย
“เอาละดื่มยาแล้วเช่นนั้นก็นอนกันเถิด”
ท่านรองแม่ทัพหนุ่มจำใจต้องตัดใจจากจุมพิตหวานซ่านทรวงที่เลยเถิดไปจากการเพียงเขาหวังดีคิดจะช่วยป้อนยาให้นางแต่แรกเป็นจุมพิตยาวนานแต่พอคิดว่าคนตัวน้อยนางจะรับเขาไม่ไหวแล้วจึงจำใจผละถอยออกห่างแล้วช่วยประคองกายอรชรลงนอนพร้อมห่มผ้าให้จนเรียบร้อยและแน่นอนเซียวหมิงเยว่ที่ถูกจุมพิตสูบวิญญาณเข้าไปย่อมเหม่อลอยถูกจับให้นอนนางล้วนไม่ขัดขืนเป็นแน่แท้
พอเขาจัดการให้คนตัวน้อยนอนเรียบร้อยจ้าวไห่เฉิงจึงลุกขึ้นไปตรวจดูว่าประตูหน้าต่างว่าปิดสนิทเรียบร้อยดีแล้วหรือไม่ตามนิสัยที่เคยชินของทหารหน่วยหลางหยินเซ่อผู้ซึ่งยากจะวางใจทุกสิ่งเมื่อเขาดูจนแน่ใจเสร็จแล้วจึงเดินไปดับเทียนมงคลจนเหลือเพียงคู่เดียวที่กลางห้องจึงค่อยกลับไปทิ้งกายสูงใหญ่ลงนอนเคียงข้างคนตัวน้อยพร้อมกอดกระชับจนชิดสนิทแนบ
ส่วนเซียวหมิงเยว่ผู้ซึ่งเพิ่งมีสติมากพอให้นางคิดทบทวนทุกสิ่งว่าตลอดทั้งวันที่ผ่านมานางต้องเผชิญกับสิ่งใดพบเจอกับอันใดไปบ้างความจริงที่ว่าสุดท้ายนางก็สูญเสียพรหมจรรย์ให้กับบุรุษที่ว่ากันตามความเขาคือบุรุษแปลกหน้าที่สุดสำหรับนางอย่างยิ่งเช่นนี้แล้วนางจึงรู้สึกเสียหลักอย่างถึงแก่นเลยก็ไม่ผิดนักก็นางยังเป็นสตรีปกติที่มีความทรงจำในภพชาติของนิดาผสานไปกับภพชาติของเซียวหมิงเยว่ นางย่อมเสียหลักยากจะทำใจได้โดยง่ายอยู่แล้ว
‘โธ่...เอ๊ย...ชาติเก่าผ่านมาได้พอชาตินี้ข้ากลับพลาดเข้าจนได้’
คนที่ไม่เคยวางแผนเรื่องมีสามีมาก่อนถึงกับถอนหายใจแล้ว ถอนหายใจอีกเพราะยังทำใจไม่ได้และตัดใจจากการสูญเสียความสาวไปไม่ลงจนผ่านไปราวครึ่งชั่วยามสุดท้ายนางก็ต้องเตือนตนเองว่าที่แห่งนี้คือดินแดนที่คล้ายจีนโบราณขนบธรรมเนียมประเพณีก็ล้วนคล้ายกันอยู่ไม่น้อยแล้วบัดนี้นางตัวคนเดียวเงินทองก็ไม่มีติดกายสักเหวินเดียวหากนางคิดจะกลับไปสกุลหลิ่วล้วนยากเย็นบัดนี้สาวน้อยคิดออกได้ก็แค่เพียงต้องพึ่งพาอาศัยบุรุษผู้นอนอยู่ข้างกายเท่านั้น
...พรหมจรรย์นางก็สูญเสียไปแล้วเช่นนั้นหากนางจะพึ่งพาอาศัยท่านรองแม่ทัพย่อมคิดเสียว่านางไม่เสียความสาวไปฟรี...