หล่อนก็รู้ว่า แผนที่หล่อนสร้างมันก้าวหน้าไปไกล
“แล้วอีกคนล่ะคะไม่แวะไปหาหรือ”
คำถามของหล่อน รู้ดีว่าหมายถึงใคร เขาหน้าเสีย และตึงขึ้น “เวลานี้ไม่ต้องพูดถึงใครได้ไหม แค่เราสองคน”
คำตอบของเขาสร้างความมั่นใจและเริงระรื่นแก่หล่อน การที่เขาไม่เอ่ยถึงช้องม่วงให้รกรำคาญหูและสายตาของหล่อน เป็นการดีมากเพราะหล่อนไม่อยากให้เขาเอาตัวไปผูกติดอยู่กับช้องม่วง
เพราะเขามีหล่อนแล้ว และหล่อนคิดว่า ไพ่ใบนี้หล่อนอยู่เหนืออีกฝ่าย เขาค่อยๆเลื่อนชุดที่บางลื่นของหล่อนจากบริเวณไหล่ แกะเบาๆก็พร้อมที่จะกระจ่างสายตาของเขา
“ปิดไฟก่อนเถอะ”
เอ่ยแล้วเขาเอื้อมมือปิดสวิชต์ ทุกสิ่งอยู่ในความมืด และในความมืดที่ร่านตัณหากำลังดำเนินบทบาทของมัน หล่อนยิ้มด้วยความพึงพอใจกับอารมณ์ที่หื่นกระหายเล้าโลมแนบเนื้อของเขาไม่มีการยุติมีแต่การดำเนินไปข้างหน้าจนจบหล่อนสำลักความสุขได้อย่างไม่รู้เบื่อกับการป้อนปรุงที่หลากลีลาของเขาทีเด็ดสวาทของเขามากอย่างนี้เองหล่อนชักหวงเขาคงมีความสุขอย่างมากกับช้องม่วงแรงริษยาที่ซ่อนลึกทำให้หล่อนอยากเอาชนะ
“ค้างที่นี่นะคะ”นันทิกากอดเขา หล่อนผลักเขานอนลงอีกครั้ง
เก้าโมงเช้าถึงได้ตื่นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อเปิดดูเป็นของช้องม่วงเขาตกใจวาบ มีร่างของนันทิกานอนอยู่ข้างๆในสภาพที่ไม่ต่างอะไรจากเขา
“ลุกไปไหนคะ” หล่อนได้ยิน
“รับโทรศัพท์”
“ใครโทร.มาคะ”
“ยังไม่รู้
“ขอตัวนะ” แล้วเขาเลื่อนตัวเองลงจากเตียงด้วยผ้าขนหนูพันกาย หลบออกไปนอกระเบียงเพื่อฟังเสียงของช้องม่วง ขณะที่เขาเหมือนคนที่ตระหนกใจเต้น เพราะรู้ว่าทำความผิด
“ม่วงโทร.มาเพื่อจะบอกว่าขอโทษ คินทร์นะที่พูดจาไม่ดีกับคินทร์ ม่วงเบื่อ เลยไม่อยากไปไหน”
การที่โทร.มาหาเขาอย่างนี้ช้องม่วงสบายใจเพื่อสลัดปัญหาในใจที่ค้างของหล่อนออกไปหล่อนกลัวเขาจะกังวลและคิดต่างๆนาๆ
“ไม่เป็นไรไว้วันหลังก็ได้” เขาพยายามสะกดกลั้นน้ำเสียง เพื่อไม่ให้ดูเกร็ง ขณะที่ตัวเองรู้สึกหายใจลำบาก
“อยู่ที่ไหนคะ”
“บ้าน”
“แล้ววันนี้จะทำงานไหม”
“อาจจะไม่ได้ไป ขอพักอยู่บ้าน”
เขาบอกหล่อนช้องม่วงได้ยินอย่างนั้นหล่อนอยากทำอะไรบางอย่าง เพื่อแน่ใจว่าเขาไม่เคืองที่หล่อนปฏิเสธไม่ไปกับเขา แต่หล่อนจะเก็บไว้เซอร์ไพรสดีกว่าไม่บอกให้เขารู้ และถ้าเป็นแบบนี้แล้ว เขาน่าจะรู้สึกดีกับหล่อน เพราะหล่อนทุ่มเทตั้งใจ
************
ผู้หญิงคนนี้สิรามเรศคบหาได้ไม่นาน ถึงขั้นสนิทสนมมาก พาเข้านอกออกในในบ้าน คุณผกาแก้วกับนายศราเห็นด้วยแต่เขาเห็นว่าสิรามเรศใช้ชีวิตช่ำชองออกจะสนุกสนานทางเพศมากเกินไป เรียกว่าระเริงและเป็นเสเพลเพียงแค่รับรู้เมื่อพาผู้หญิงผ่านหน้าเขา แต่คนก่อนที่สิรามเรศคบหาไม่ใช่คนนี้
“ผมพาน้องสิเข้ามาบ้าน”
ศิลารัณย์ไม่อยากตอบน้องชายเพราะเขาเอือมระอากับพฤติกรรมแย่ๆแบบนี้ สิริดาราทำท่ายกมือไหว้เขา เขาแค่รับไหว้แล้วเดินผ่าน
“ศิลาจะออกไปไหน”ถามเหมือนว่าสนใจพี่ชายคนนี้เหลือเกิน แต่ความเป็นจริงแล้วไม่ ถามเพราะอยากรู้
“ข้างนอก” ปากที่หนักอึ้งไม่อยากตอบก็ต้องตอบ
“ไปก่อน” พูดเรียบง่ายแล้วเดินออกไปเลยทำให้สิรามเรศหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดีที่ได้แหย่คนเป็นพี่ชายแล้วจึงพาผู้หญิงที่มาด้วยไปหาคุณผกาแก้วกับนายศราเขาตรงเข้าไปหาท่านทั้งสองทันที คุณผกาแก้วยิ้มทัก
“หนูเป็นไงบ้าง” สิริดารายิ้มให้กับคุณผกาแก้ว
“สิไม่เป็นไรค่ะต้องขอบคุณพี่กอล์ฟที่ดูแลดีมากๆค่ะ”
สิริดาราคุ้นเคยสนิทสนมกับที่นี่พอสมควรและคุณผกาแก้วรู้ว่า นามสกุลเทือกเถาเหล่ากอของหล่อนเป็นใคร
“ตากอล์ฟก็ห่วงหนูมาตลอดนี่ล่ะกลัวจะเป็นลมเป็นแล้ง”
“ศิลาออกไปข้างนอกครับ”
สิรามเรศอดไม่ได้จะพูดถึงพี่ชาย
“เขามีธุระบอกแม่ว่าไปหาเพื่อน ตกลงอะไรกันบางอย่าง”
“เพื่อนหรือแฟนของศิลากันแน่ครับ”
สิรามเรศอดไม่ได้ที่จะถามต่อสิริดารานั่งเงียบหล่อนไม่ได้รู้เรื่องราวคนในครอบครัวนี้มากเมื่อกี้เห็นว่าพี่ชายของสิรามเรศเดินจากไป ดูเหมือนเขาเป็นคนขรึมเงียบ ไม่ค่อยพูดจาเท่าใด
แต่เป็นคนที่หน้าตาดีซึ่งดูแล้วหล่อนว่าออกจะหล่อมากกว่าสิรามเรศอยู่หน่อยหนึ่งแต่หล่อนก็ถูกใจสิรามเรศเขาเป็นสเปกต์ของหล่อนหล่อแบบแบดบอยไม่ได้เรียบร้อยอ่อนโยนสุภาพ
“ก็ช่างเหอะ เรื่องของพี่แก” คุณผกาแก้วตัดบท
ศิลารัณย์ออกไปตามนัดที่เขานัดไว้แล้ววันนี้เป็นการตกลงกัน ซึ่งเขาไม่ได้มีความรู้สึกใดๆมาก ไม่ใช่ปวดใจ ปารณีย์ด้วย ที่ควรเข้าใจว่าเขาคิดอย่างไรกับหล่อนตลอดมาเขาไม่ได้ซีเรียสด้วยซ้ำ แต่มันเหมือนกับยกภูเขาก้อนมหึมาออกจากอก
การที่ปารณีย์บอกว่า หล่อนเจอคนที่ใช่แล้ว จะเลือกว่าที่เจ้าบ่าวคือเขาคนนั้น และนั่นคือการตัดสินใจ
“ศิลา” ปารณีย์ทักเขาเมื่อรถแล่นเข้ามาในบ้านของหล่อน แล้วเขาเปิดประตูลงสมาชิกภายในบ้านของหล่อน ที่เหลืออยู่ คือ ปารดาน้องสาว ส่วนอีกคนที่เป็นน้องสาว นันทิกา ก็ไม่ได้อยู่
“เชิญค่ะ”
“หาที่เงียบสงบคุยกันดีกว่า” เขาบอก
“ปาอยู่กับบ้านกับน้องค่ะ” เขายอมที่จะเดินตามหล่อน ไปที่สวนหลังบ้านซึ่งมีต้นไม้ใหญ่พวกมะม่วงกับไม้ประดับไม่กี่อย่างมีเก้าอี้ไม้ทรุดนั่งคุยกันแบบสะดวก
มาที่นี่ทุกครั้งศิลาจะเลือกมุมนี้พูดคุย เขาชอบความร่มรื่นเงียบสงบ
“ปาตัดสินใจจริงค่ะ ว่าจะแต่งเสียที”
หล่อนตัดสินใจพูดก่อน
“ผมว่าปาตัดสินใจถูกแล้วครับที่จะมีตัวช่วยเพื่อทำให้ชีวิตดีขึ้นกว่านี้” เขารู้ฐานะของพวกหล่อนเป็นอย่างไร
“ตอนนี้ยายดาก็ตกงาน ซมซานมาที่บ้าน”
หล่อนพูดถึงน้องสาวคนรองที่อยู่ในบ้าน
“ที่สำคัญท้องโย้กลับมา หาพ่อไม่ได้”
เขานิ่งเงียบ
“การตัดสินใจของปา ศิลาว่ามันเป็นเรื่องดีตัดสินใจไปเถอะ ถ้าทำให้ทุกคนในครอบครัวมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น”
หล่อนรู้ว่าสิ่งที่เขากล่าวนั้นเขาไม่เคยห่วงใยหล่อนเลย มันไม่เคยเกินเลยจากคำว่าเพื่อน แม้ว่าหล่อนจะอยากได้มากกว่านั้นก็ตาม ไม่มีสักครั้งที่ผู้ชายชื่อศิลารัณย์จะใจอ่อน
หล่อนเห็นความจริงของเขาจึงเข้าใจ
“ผมเป็นเพื่อนของคุณ” เขาพยายามบอกตอกย้ำหล่อนอย่างนี้ ซึ่งหล่อนเข้าใจ หล่อนรับฟังคำตอบของเขาด้วยจิตใจที่มันเสียความรู้สึก และว้างเศร้าหล่อนคาดเดาคำตอบเสมอว่า มันเป็นเช่นนั้น
“ก็เป็นคำเดิม”
“ศิลาให้ไม่ได้มากกว่าคำนี้” หล่อนถามเขาเสียงเบา
“ปาก็รู้ดีนี่ว่า เพราะอะไร”
หล่อนไม่พูดเพราะหล่อนมีคำตอบเขาพูดถูกไม่จำเป็นต้องวกวนหรือพูดอ้อมโลกอ้อมพระจันทร์กับผู้ชายคนนี้ พูดกับเขาตรงๆจะง่ายกว่า เขาไม่ได้เคืองด้วย