“ฉันชื่อวิตโตริโอ ดิมาร์ชี หรือว่าคุณเสือ ผู้ชายที่เธอวิจารณ์ในลิฟต์ไง” เขาพูดเป็นภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ ไม่แปลกที่เขาจะพูดภาษานี้ได้เพราะมารดาของเขาเป็นคนไทย น้าของเขาทั้งสองก็เป็นคนไทย เพราะฉะนั้นที่บ้านจึงพูดอยู่สองภาษาคือภาษาไทยและภาษาอิตาเลี่ยน
ปรางค์รวีไม่มีเวลาคิดว่า เหตุใดเขาถึงได้พูดภาษาไทยได้ชัดไม่แพ้คนไทย เนื่องจากกำลังสั่นผวากับความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของตน จนอยากจะเป็นลมหรือไม่ก็กลายเป็นสายลมพัดหายออกไปจากห้องนี้ คราวนี้เธอต้องตายแน่ๆ ยังไม่ทันได้เริ่มทำงานต้องโดนไล่ออกเสียแล้ว
“ปรางค์ขอโทษค่ะ ปรางค์ไม่ได้ตั้งใจจะพูดออกไปอย่างนั้น พอดีปรางค์ไม่เคยรู้จักท่านมาก่อน ปรางค์ขอโทษจริงๆ นะคะ”
หญิงสาวพนมมือไหว้ขอโทษเป็นการใหญ่ เขาเดินเข้ามาหาเธอราวกับว่าเขาเป็นเสือจ้องตระคลุบเหยื่อ ปรางค์รวีเริ่มหน้ามืด เหงื่อตกมือไม้สั่น เหมือนกับร่างกายที่สั่นตามแรงจังหวะหายใจที่ไม่สม่ำเสมอ ใบหน้าของเขาดูเรียบไม่แสดงออกทางอารมณ์ ดวงตาของเขานั้นเล่าที่เธอมองเห็น มันลุกวาวโชติช่วงด้วยเปลวแห่งไฟ ผสมผสานกับความร้อนจากดวงตะวัน เหมือนกับอสูรร้ายก็ไม่ปาน ทำให้ร่างกายเธอร้อนๆ หนาวๆ คล้ายจะจับไข้ทั้งๆ ที่อากาศภายในห้องเย็นช่ำ
“เธอรู้ไหมว่า เธอเป็นคนแรกที่กล้าวิจารณ์ฉันจนฉันหาที่ดีไม่ได้เลย แล้วเธอรู้หรือเปล่าว่าผลตอบแทนของคนที่ว่าฉันจะต้องพบกับอะไรบ้าง” เขาถามด้วยน้ำเสียงนุ่มทว่าหนักแน่น ก้าวเดินมาหาร่างบางทีละก้าว เช่นเดียวกับเธอ ที่ถอยร่นหนีอสูรร้ายอย่างเขาชนิดก้าวต่อก้าวเช่นกัน
“ปรางค์ไม่ได้ตั้งใจค่ะ ปรางไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ปรางค์แค่พูดเล่นๆ กับเพื่อนค่ะ” น้ำเสียงของเธอเริ่มสั่นเครือ เท้าเล็กที่เดินถอยหลังหยุดนิ่งเมื่อแผ่นหลังชิดติดกับผนังห้อง หมดหนทางหนี หากแต่เสือตัวใหญ่ยังคงก้าวมาเธออย่างมั่นคง ดวงตาที่มองมานิ่งมีกระแสไฟวิ่งแล่นอยู่ในดวงตาสีเขียวนั้นตลอดเวลา
“เธอบอกว่าคนชื่อเสือต้องดุๆ สมกับชื่อ ไม่เหมือนแมวเหมือนหนูที่ต้องคอยวิ่งหนีเสือ ฉันเป็นเสือแล้วเธอเป็นอะไรสาวน้อย แมวหรือว่าหนู” เขาพูดเมื่อยืนประชิดตัวเธอ มือหนาเท้าไปที่กำแพงกักกันร่างบอบบางไว้ หัวใจของปรางค์รวีแทบจะกระเด็นออกมาจากร่างกาย ใบหน้าของเขายามชิดใกล้ ดวงตาคู่นั้นที่มองมา ริมฝีปากที่ขยับเขยื้อนพูด มันทำให้เธอนิ่งงัน ร่างกายไม่สามารถเขยิบไปไหนได้ นิ่งราวกับถูกสาบก็ว่าได้
“ว่าไง ไม่ได้ยินที่ฉันถามเหรอ ฉันถามว่าถ้าฉันเป็นเสือแล้วเธอจะเป็นอะไร แมวหรือว่าหนู”
วิตโตริโอถามอีกครั้งเมื่อเห็นเธอนิ่งงัน แล้วเผลอจ้องมองดวงหน้าของปรางค์รวี เธอสวยและน่ารัก ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่มองมาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก หวาดหวั่น หากแต่เจิดจรัสพร่างพรายเป็นประกายสดใสในบางครั้ง หัวใจของคนที่มองกระตุกวูบ หวามไหวในร่างกายเป็นอย่างมาก เมื่อสายตาของเขาหลุบต่ำลงมองคอเสื้อของเธอ สิ่งที่เขาเห็นคือก้อนเนื้อสองก้อนที่แนบชิดบดเบียดอยู่ในเสื้อในสีสวย
ฉับพลันนั้นความคิดบางอย่างก็แวบเข้ามาในหัว ความคิดนั้นคือ วิธีลงโทษสาวน้อยตรงหน้าที่กล้าพูดพาดพิงเขาจนเขาหยิบยื่น แทนวิธีเดิมที่ตั้งใจไว้ มือหนายกขึ้นสูงใช้หลังมือไล้ไปที่แก้มนวลเบาๆ เธอเบี่ยงหน้าหนีสัมผัสจากเขา ใบหน้าหวานใสแดงเรื่อ มือบางกระชับที่คอเสื้อ เมื่อเห็นสายตาของเขาโลมเลียที่เนินอก
“ปรางค์ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นหนูหรือแมว”
เธอตอบเสียงเบาเจือสั่น ขยับเท้าเพื่อเบี่ยงตัวหนีร่างหนาที่คุกคาม แต่มือใหญ่ก็จับท่อนแขนเล็กไว้มั่น ก่อนจะรั้งร่างงามเข้ามาประชิดตัว
“ฉันจะบอกให้ก็ได้ว่าเธอเป็นอะไร เธอเป็นนางแมวไง นางแมวยั่วสวาท”
วินาทีต่อมาร่างของปรางค์รวีแข็งดุจหิน เมื่อเรียวปากทาบทับกลีบปากนุ่มอย่างรวดเร็วโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว เขาบดเคล้าปากแนบแน่น เคลียคลอสร้างความรัญจวน ใช้ความชำนาญแยกปากของเธอแล้วสอดลิ้นเข้าไปพัวพันแลกรัดลิ้นนุ่ม ที่ตื่นเต้น ตื่นกลัว ประหม่า ร่างกายสาวสั่นยามที่ลิ้นหนาเสาะแสวงหารัดเกี่ยวกับลิ้นบางอย่างเร่าร้อน สมองของเธอชาไปหมด ไม่มีสติหลงเหลืออยู่ ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะขัดขืน ยืนอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มแปลกหน้าที่ฉกฉวยจูบแรกไปซึ่งหน้า ทำให้เธอมึนงง สับสน อ่อนแรงไร้การต่อสู้ ยืนนิ่งให้เขาหาความหวานจากปากของเธอเป็นเวลานาน
ความเร่าร้อนและเรียกร้องจากจูบของเขา ส่งผลให้ร่างกายสาวสั่น หัวใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ร้อนรุ่มไปทั่วร่าง กระแสอะไรบางอย่างวิ่งไหลวนผ่านลิ้นหนาที่เกี่ยวพันลิ้นนุ่ม ส่งผ่านมาทางลำคอไหลอาบดั่งสายน้ำตกที่ไหลออกมาจากภูเขาสูง กระทบกับภายในร่างกายจนความเย็นแปรสภาพเป็นความร้อน มันวูบวาบ อย่างที่ปรางค์รวีไม่เคยพบเจอมาก่อน ลิ้นสากใหญ่ยังคงสำรวจหาเกล็ดความหวานจากปากของเธออย่างต่อเนื่อง ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด หญิงสาวรู้สึกว่ากำลังหายใจไม่ออก ออกซิเจนในร่างกายเหลือน้อยเต็มที เลือดในร่างหมุนเวียนช้าลง สมองของเธอหยุดการทำงาน ดวงตาที่ปรือสลัว เริ่มมีความมืดมิดมาเยือน
วิตโตริโอจูบเธอด้วยความกระหายซ่าน ริมฝีปากสีชมพูของเธอช่างนุ่มราวกับครีมนม ความหวานจากปากของเธอเหมือนน้ำผึ้งสดที่ดื่มกินจากรวงผึ้ง ทั้งหอมและหวานยิ่งดื่มกินยิ่งกระชุ่มกระชวย มีพลังขึ้นมาอย่างร้ายเหลือ กลีบปากนุ่มของเธอช่างวิเศษจริงๆ ร่างกายของเขาตื่นตัวทีละนิด คราแรกตั้งใจแค่ลงโทษเธอด้วยการจูบ แต่เมื่อความหวานที่เขาได้รับทำให้เขาคิดที่จะทำอย่างอื่นเพิ่มเติมขึ้นมา
“เฮ้ย!” เสียงห้าวร้องแสดงความตกใจ เมื่อเธอคอพับคออ่อน ร่างกายทรงตังยืนไม่ได้ ดีที่ว่าเขากอดเธอไว้ ไม่เช่นนั้นคงรูดตัวลงไปนอนที่พื้น
วิตโตริโอรีบช้อนอุ้มร่างของคนเป็นลมไปยังโซฟา วางร่างเล็กอย่างนุ่มนวล มองใบหน้างามยามหมดสติอย่างเพลิดเพลิน เขาหัวเราะออกมาเบาๆ ส่ายศีรษะกับท่าทางของหญิงสาวไร้เดียงสาตรงหน้า