บทที่ 6 เข้ากันไม่ได้
รถสปอร์ตสีเหลืองดำแล่นเข้าจอดหน้าร้านอาหารกึ่งบาร์แบบ open air ที่เขาเห็นในวิดีโอคอล ด้วยความเร็วของรถบวกกับร้านที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่เขาจึงมาถึงที่นี่ภายในครึ่งชั่วโมง
พลั่ก! ว้าย! เสียงกำปั้นแข็ง ๆ ของเคลลี่ถูกซัดเข้ากับใบหน้าของชายหนุ่มที่นั่งกอดอยู่กับคนรักของเขา ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของนาราและลูกค้าที่อยู่ข้างในร้าน
“เคล! หยุดนะ ทำบ้าอะไรเนี่ย”
เสียงของนาราดังขึ้นพร้อมกับผลักตัวของเคลลี่ให้ออกจากผู้ชายคนที่โดนเขาต่อยลงไปนอนกองอยู่กับพื้น
“มันต้องเป็นเคลหรือเปล่าที่ต้องถามนาราว่านี่มันเรื่องบ้าอะไร ทำไมถึงมานั่งกอดอยู่กับไอ้นี่ เมื่อกี้นารายังโทรไปบอกรักเคลอยู่เลยนะ อธิบายมาสิ”
น้ำเสียงสั่นด้วยอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความเดือดดาล
“เตชินเป็นแฟนใหม่ของนาราเอง”
“แฟนใหม่? แล้วเคลล่ะ เมื่อกี้นารายังบอกรักเคลอยู่เลยนะ มันหมายความว่ายังไง”
จากที่กำลังโมโหสุดขีด เขาก็หน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อคนรักของตัวเองพูดออกมาได้อย่างเต็มปากว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอตอนนี้นั้นคือแฟนใหม่
“จริง ๆ ก็สักพักแล้วแหละ นาราคิดว่าเราเข้ากันไม่ได้หรอก ความคิดบางอย่างมันก็ต่างกันเกินไป แต่นารายังไม่กล้าบอกเคลเพราะกลัวว่าเคลจะเสียใจ”
“กลัวว่าเคลจะเสียใจ หึ.. แล้วที่ทำอยู่ตอนนี้เคลไม่เสียใจหรือไงวะ!”
ความเจ็บปวดมันอัดแน่นอยู่ในอก มือกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ข้าวของและโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าถูกเขาถีบล้มกระจัดกระจาย ก่อนที่จะเดินออกจากร้านไป
นาราเป็นผู้หญิงที่เขารักมาก และวาดฝันอนาคตหลังเรียนจบไว้อย่างสวยงาม แต่สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะจบทุกอย่างลงด้วยคำว่าเราเข้ากันไม่ได้
“เข้ากันไม่ได้ห่าอะไร เข้ากันจนไม่รู้กี่ท่าต่อกี่ท่า”
เคลลี่พูดออกมาด้วยความอัดอั้นกับเหตุผลที่เขาพึ่งได้รับ ทำให้เพื่อนที่ถูกโทรตามมานั่งดื่มย้อมใจเป็นเพื่อนต้องนั่งฟังเขาระบายความทุกข์ไปด้วย
“ไอ้เคล มึงก็เบา ๆ หน่อย เดี๋ยวขับรถกลับไม่ไหว”
นีโอเพื่อนสนิทที่ถูกโทรปลุกกลางดึกนั่งอยู่ข้าง ๆ คอยห้ามปรามเพื่อนที่ยังยกแก้วที่มีน้ำสีอำพันอยู่ข้างในเข้าปากไม่หยุด
“มึงไม่ใช่กู มึงไม่รู้หรอกว่าเสียใจขนาดไหน”
“ไอ้เคล กูรู้ว่ามึงเจ็บแล้วก็เสียใจ แต่มึงจะเมาจนแทบไม่มีสติแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย ผู้หญิงน่ะหาใหม่เอาก็ได้เยอะแยะ”
แม้เพื่อนจะพยายามปลอบยังไง แต่ดูเหมือนคนที่พึ่งถูกแฟนบอกเลิกมาจะไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น
“ผู้หญิงหาไม่ยากน่ะกูรู้ แต่ที่ยากคือกูรักนารามาก มากจนไม่คิดว่ากูจะรักใครได้ขนาดนี้อีก”
คำตัดพ้อออกมาเรื่อย ๆ พร้อมกับเหล้าที่ถูกยกกระดกเข้าปากแก้วแล้วแก้วเล่า
“เออ ๆ รักก็รัก ไว้ให้มึงทำใจได้เดี๋ยวก็ดีขึ้นเองแหละ”
เมื่อคำปลอบใจไม่เป็นผล นีโอก็ปล่อยให้เพื่อนตัวเองนั่งดื่มไปเรื่อย ๆ ส่วนตัวเองก็ต้องนั่งฟังเคลลี่บ่นระบายความในใจอย่างไม่มีทางเลี่ยง
“ไอ้เคล มึงขับรถไหวจริง ๆ ปะเนี่ย กูล่ะไม่ค่อยไว้ใจ”
นีโอถามขึ้น เมื่อเขาทั้งสองคนออกมาจากคลับหลังจากนั่งดื่มกันมาร่วมสามชั่วโมง เพราะดูจากการเดินเซไปเซมาของเพื่อนสนิทแล้วท่าทางน่าเป็นห่วง
“ไหว ๆ มึงกลับบ้านไปได้เลย แล้วเจอกันวันจันทร์”
เคลลี่ตอบกลับเพื่อนพลางทำท่าโบกมือไล่ เมื่อเห็นว่าเขาดึงดันไม่ยอมให้ไปส่ง นีโอก็ได้แต่เดินไปเอารถของตัวเองขับกลับบ้านไป
รถสปอร์ตวิ่งด้วยความเร็วบนท้องถนน ตอนนี้สายตาของเคลลี่เหมือนจะพร่ามัวเพราะความเมา ที่เขายังขับได้ตรงทางโดยไม่เฉไปเฉมานั่นอาจจะเป็นเพราะความเคยชินกับตัวรถ หรืออาจจะเป็นแค่เพียงความโชคดีที่เขาไม่ขับไปชนใคร
แสงจากไฟคู่หน้ารถสาดส่องยังถนนในหมู่บ้าน เมื่อประตูรั้วเปิดออกเขาก็เลี้ยวเข้าไปจอดด้วยความเร็ว
เอี๊ยด! เพล้ง!
“เฮ้ย เสียงอะไรวะ”
ตะวันที่กำลังนอนหลับอยู่ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีเสียงดังมาจากทางบ้านของเคลลี่ เธอจึงค่อย ๆ แง้มประตูระเบียงออกมาดู แสงไฟที่ส่องสว่างอยู่ในบริเวณที่จอดรถทำให้เธอต้องตกใจ เมื่อรถของเขาจอดอยู่ในรั้วบ้านแต่ชนเข้ากับกระถางต้นไม้แตกระเนระนาดไปหมด
“ตายหรือเปล่านั่น”
ตะวันรีบวิ่งลงมาจากห้องนอนแล้วตรงไปยังบ้านข้าง ๆ ที่มีลูกชายของเพื่อนสนิทพ่ออาศัยอยู่ ขาเล็กก้าวเดินช้า ๆ เข้าไปข้างในเขตรั้วบ้านสำรวจไปรอบ ๆ คันของรถต้นเหตุ แต่พอส่องดูข้างในตัวรถกลับไปพบใครอยู่ในนั้น เมื่อหันมองสำรวจไปมาก็เห็นประตูบ้านเปิดแง้มอยู่
“เข้าไปดูเพื่อให้แน่ใจว่ายังไม่ตาย คงจะไม่โดนด่าหรอกมั้ง”
จากสภาพเละเทะภายนอก ทำให้เธออดที่จะเข้าไปดูข้างในบ้านไม่ได้ อย่างน้อยก็ให้ได้รู้ว่าเจ้าของรถคันที่จอดอยู่ไม่เป็นอะไรก็ยังดี หรือถ้าเป็นอะไรก็จะได้เรียกรถพยาบาลได้ทัน
“พี่เคล อยู่ไหนอะ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
ตะวันเรียกชื่อคนที่ตัวเองตามหาด้วยเสียงที่ไม่ดังมากนัก อีกอย่างเธอเองก็กลัวว่าถ้าโวยวายจะทำให้บ้านหลังอื่นตื่นตระหนกตกใจไปด้วย
สองขาเล็กก้าวเดินสำรวจไปรอบ ๆ ชั้นแรกของบ้านเพื่อตามหาเคลลี่ แต่เมื่อเดินจนทั่วทุกมุมก็ยังไม่เจอแม้แต่เงา
“หรือจะอยู่ข้างบนแล้ว”
เธอพูดกับตัวเองเบา ๆ แล้วก็ค่อย ๆ เดินขึ้นบันไดตรงไปยังชั้นบนที่มีห้องนอนของเขาอยู่
“พี่เคล พี่เคล อยู่ไหนอะ ไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม”
ตะวันพยายามเรียกชื่อเขาอีกครั้ง แต่ก็ยังไร้เสียงตอบกลับเช่นเคย จนเธอมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนของเขา มือเล็กเกาะกุมอยู่ที่ลูกบิดประตูก่อนที่จะเปิดออกอย่างช้า ๆ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นคนที่ตัวเองกำลังตามหานอนแผ่หลาอยู่บนพื้นห้องเหมือนคนที่หมดสติ
“อี๋ กลิ่นเหล้าแรงขนาดนี้ นี่ไปกินหรือไปอาบมากันแน่เนี่ย พี่เคล พี่เคล ได้ยินหนูหรือเปล่า”
ปากก็บ่นไปเมื่อรู้ว่าที่คนตรงหน้านอนเหมือนไม่ได้สติเพราะเมาเหล้า ไม่ใช่ว่าบาดเจ็บอย่างที่เธอเข้าใจ ส่วนปลายนิ้วเรียวก็สะกิดลงที่แขนของเขาเบา ๆ เพื่อเช็คดูว่ายังไม่ตาย
“หืม..ใครน่ะ นาราเหรอ นารากลับมาหาเคลแล้วใช่ไหม นารายังรักเคลใช่ไหม”
เคลลี่พูดขึ้นเมื่อเปลือกตาคมเปิดขึ้นมาเห็นตะวันที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แต่ด้วยความเมาทำให้เขาเห็นใบหน้าของเธอเป็นใบหน้าของนาราแฟนสาวที่พึ่งบอกเลิกตัวเองไป
“พะ พี่เคล นี่หนูเอง ตะวันไง ไม่ใช่แฟนพี่นะ”
ร่างเล็กต้องเขยิบถอยหนีเมื่อคนเมาหยัดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วกำลังคืบคลานเข้ามาหาเธอเรื่อย ๆ เธอถอยร่นจนแผ่นหลังชนเข้ากับเตียงนอน และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เคลลี่มาถึงตัวเธอพอดี