บทที่ 3

1469 Words
บทที่ 3 หมั่นไส้ /ที่นาราได้ข่าวมามันจริงหรือเปล่าเคล/ เสียงหวานถามมาตามสายทันทีที่เคลลี่กดรับโทรศัพท์ เหลือบมองดูนาฬิกาก็เพิ่งจะ 8 โมงเช้า ทำไมแฟนสาวถึงได้โทรมาตอนนี้ /เรื่องอะไรเหรอนารา เคลไม่เห็นรู้เรื่องเลย/ น้ำเสียงงัวเงียบตอบออกไปพร้อม ๆ กับหยัดตัวลุกขึ้นนั่งบนที่นอน /ก็เรื่องที่ว่าเคลกำลังกิ๊กกับเด็กปี 1 คณะเดียวกันน่ะสิ ใครต่อใครพูดกันให้ทั่วไปหมดว่าเคลกับเด็กนั่นนั่งรถไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด/ เรื่องที่นาราถามนั้นเขาฟังแล้วก็ไม่ตกใจเท่าไหร่ เพราะพึ่งเปิดเทอมมีกิจกรรมใหม่ ๆ เข้ามาหลายอย่างเลยทำให้ยังไม่ได้เจอหน้าเธอมาเกือบอาทิตย์แล้วตั้งแต่มหาวิทยาลัยเปิด คงจะมีข่าวแว่วไปเข้าหูเธออยู่บ้างเรื่องที่ตัวเองต้องไปรับไปส่งตะวัน /นารา ถ้าเรื่องนั้นสบายใจได้เลย ยัยเด็กตะวันนั่นเป็นลูกของเพื่อนสนิทพ่อเคล แล้วบังเอิญย้ายมาอยู่ข้างบ้านเมื่อไม่นานนี่เอง พ่อเคลเห็นว่าเด็กนั่นยังไม่มีรถก็เลยให้เคลไปรับไปส่งก่อน/ เคลลี่อธิบายเหตุการณ์ไปตามความเป็นจริง อีกอย่าง ในสายตาของเขาไม่เคยมองตะวันเหมือนอย่างมองนาราเลยสักครั้ง มันจะไปกิ๊กกันได้ยังไง /เคลพูดจริงนะ/ หญิงสาวปลายสายยังคงถามย้ำเพื่อความแน่ใจ /จริงสิ เคลรักรานาแค่คนเดียวนะ เอางี้ งั้นเลิกเรียนเคลไปรับนาราดีไหม แต่ต้องพาตะวันไปด้วยนะเพราะเคลต้องมาส่งยัยนั่นที่บ้านน่ะ/ /ก็ได้ นาราเชื่อเคลก็ได้ ถ้างั้นเย็นนี้นารารอเคลที่หน้าตึกนะ/ /ได้เลยครับ/ หลังจากวางสายเคลลี่ก็รีบลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะไปมหาวิทยาลัย วันนี้เขานัดตะวันไว้ 9 โมงเช้าเพราะทั้งคู่มีเรียนตอน 11 โมง 9 โมงเช้า “ตรงต่อเวลาก็เป็นนี่” ตะวันพูดขึ้นเมื่อเธอยัดตัวเองเข้ามานั่งในรถของเคลลี่เรียบร้อย เพราะตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา ไม่ว่าเขาจะนัดเธอไว้กี่โมง หรือเธอนัดเขาก็ตาม ไม่เคยมีสักครั้งที่เคลลี่จะมาตรงเวลา “เป็นแค่คนอาศัยรถคนอื่นมีสิทธิพูดด้วยเหรอ” ดวงตากลมโตเหลือบมองคนที่ประจำอยู่ที่นั่งคนขับด้วยสายตาที่ไม่พอใจ ผู้ชายอะไรปากเสียชะมัด.. “ถ้างั้นหนูไปพูดกับลุงคาร์ลดีกว่าว่าพี่มารับหนูช้าทุกวัน เกือบจะทำให้หนูไปเรียนสายตลอด” คำขู่ของคนตัวเล็กทำเอาเขาต้องตวัดสายตาคมกริบลงมามองอย่างหัวเสีย ก็เพราะพ่อของเคลลี่เอ็นดูตะวันยิ่งกว่าอะไร ถ้าขืนรู้ว่าเขามารับเธอสายตลอดมีหวังโดนบ่นจนหูชา “เย็นนี้โทรบอกพ่อกับแม่เธอด้วยว่าจะกลับช้านิดหน่อย” “ทำไมอะ” “แล้วทำไมต้องอยากรู้เหตุผล” “เอ้า! หนูก็ต้องมีเหตุผลไปบอกพ่อกับแม่หรือเปล่าว่าทำไมถึงกลับช้า เผื่อพี่มีแผนจะพาหนูไปฆ่าทิ้ง พ่อกับแม่จะได้ตามหาได้ทันเวลา” เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มเจ้าของรถตวัดหางตามามองคนที่นั่งข้าง ๆ ด้วยความหงุดหงิด ตั้งแต่เธอย้ายมาอยู่ข้างบ้านชีวิตเขาก็ไม่เคยได้พบเจอความสงบอีกเลย “ฉันจะไปรับแฟน เธอก็ต้องไปด้วย ไปส่งแฟนฉันเสร็จแล้วค่อยกลับบ้าน” “อ๋อ..ติดหญิงนี่เอง” ตะวันมักจะชอบกวนให้เขาโมโหอยู่ตลอด บางครั้งก็ไม่อยากถือสา แต่บางครั้งก็อยากเขกหัวลงไปแรง ๆ สักที “จะติดใครมันก็เรื่องของฉัน ดีกว่าผู้หญิงอย่างเธอก็แล้วกันแหละ ชาตินี้จะมีคนมาจีบหรือเปล่าก็ไม่รู้ อายุ 19 แต่ตัวเท่าเด็กประถม เห็นโตอยู่อย่างเดียวนั่นแหละ” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยสายตาเอาเรื่อง แต่ตะวันกลับเห็นว่าเคลลี่กำลังจ้องมองบางส่วนในร่างกายของเธออยู่ ซึ่งไม่ใช่ใบหน้า “ลามก มีสิทธิ์อะไรมามองนมคนอื่น” ตะวันพูดขึ้นพร้อมกับใช้มือขึ้นมาปิดส่วนนูนของร่างกายตัวเองเอาไว้ “ก็มันเด่นกว่าส่วนอื่น” ระหว่างทางตะวันกับเคลลี่ก็เถียงกันไม่หยุดจนมาถึงมหาวิทยาลัย ร่างเล็กเปิดประตูลงจากรถด้วยความเร็วแสงแล้วก็เดินกระทืบเท้าปึงปังเข้าไปในตึกคณะ ส่วนทางด้านชายหนุ่มดูท่าจะชอบใจที่วันนี้สามารถยั่วโมโหเธอได้สำเร็จ 4 โมงเย็น “ใครให้เธอนั่งตรงนี้ ลงไปนั่งเบาะหลังนู่น บอกแล้วไงว่าฉันจะไปรับแฟน” เสียงทุ้มพูดจาไม่เข้าหูคนฟังพูดขึ้นเมื่อเห็นตะวันนั่งลงบนที่นั่งข้างคนขับ “ชิ ทำตัวน่าหมั่นไส้ชะมัด” “ถ้าเธอว่าฉันอีก ฉันจะให้เธอกลับเอง” ตะวันบ่นมุบมิบกับตัวเองเพียงเบา ๆ แต่ว่าคนข้าง ๆ กลับหูดีขึ้นมาซะงั้น “ถ้านาราขึ้นมาบนรถแล้วก็ช่วยนั่งเงียบ ๆ สงบปากสงบคำด้วยนะ ถ้าไม่อย่างนั้น..” “ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะให้เธอกลับเอง รู้แล้วล่ะน่า ย้ำอยู่ได้” สองคนนั่งรอนาราอยู่ในรถสปอร์ตสีดำเหลืองของเคลลี่ ไม่นานหญิงสาวผู้เป็นที่รักของชายหนุ่มก็เดินนวยนาดมาขึ้นรถ ตะวันมองดูนาราอย่างไม่ละสายตา เธอทั้งสวยและเซ็กซี่ ไม่แปลกที่คนอย่างเคลลี่จะไปหลงรักเธอ จะว่าไปสองคนนี้ถ้าดูจากภายนอกก็เหมาะสมกันดี แต่ถ้าภายในแล้ว ไม่น่ามาหลงกลอิตานี่เลย “ชื่อตะวันเหรอจ๊ะ” นาราถามขึ้นระหว่างทางที่กำลังไปส่งเธอที่บ้าน “ใช่ค่ะ ชื่อตะวันค่ะ” ตะวันตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าตอนที่พูดกับเคลลี่อย่างเห็นได้ชัด “ตะวันจ๊ะ รู้ใช่ไหมว่าเคลลี่กับพี่ เราสองคนเป็นแฟนกัน” คำถามของหญิงสาวทำเอาตะวันชักไม่แน่ใจว่าจุดประสงค์คืออะไรกันแน่ แต่เธอก็พยายามเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ “รู้ค่ะ พี่เคลบอกหนูแล้วว่าพี่นาราเป็นแฟนพี่เคล” เธอตอบไปตามความเป็นจริง แต่เหมือนมีแวบหนึ่งที่ตะวันเห็นใบหน้าสวย ๆ นั้นยกยิ้มมุมปากอย่างคนที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้าเธอนัก “รู้แล้วก็ดีจ้ะ แล้วพี่ก็จะบอกไว้อีกอย่างนะ ว่าเคลเขารักพี่มาก ผู้หญิงคนอื่นนี่หมดสิทธิ์ที่จะมาแย่งเลยล่ะจ้ะ” ฟังมาถึงตรงนี้ทำให้ตะวันเริ่มมั่นใจว่า ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างคนขับนั้นกำลังคิดว่าเธอจะไปแย่งอิตาพี่เคลนี่มาจากเธอ “หนูว่าพี่นาราไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คงไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากจะสร้างเวรสร้างกรรมติดตัวเหมือนพี่แล้วล่ะค่ะ โดยเฉพาะหนู” พูดเสร็จตะวันก็เบือนหน้าหนีมองออกไปนอกหน้าต่างรถแทน ปล่อยให้เคลลี่พูดสงบสติอารมณ์ของแฟนสาวที่กำลังจะเดือดใส่เธอแทน “คืนพรุ่งนี้อย่าลืมมารับนาราตามนัดนะเคล” เมื่อรถจอดหน้าคอนโดใจกลางเมือง นาราก็พูดกับแฟนหนุ่มก่อนที่จะลงจากรถ “ไม่ลืมแน่นอน พรุ่งนี้นาราแต่งตัวสวย ๆ รอเลยนะ” เมื่อร่ำลากันเสร็จตะวันก็ย้ายมานั่งข้างหน้าคู่คนขับแทน รถของเคลลี่วิ่งด้วยความเร็วเท่าไหร่ก็แน่ใจ แต่มันเร็วมาก เร็วกว่าทุกวันที่ตะวันเคยนั่ง จนเธอต้องเอ่ยปากทักท้วง “นี่พี่จะขับเร็วอะไรขนาดนี้ เบา ๆ ลงหน่อย มันน่ากลัวรู้มั้ย” “แล้วใครใช้ให้เธอไปต่อปากต่อคำกับนาราล่ะ” อ่อ..ที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่นี่คือโมโหที่เธอไปต่อล้อต่อเถียงกับแฟนสาวสุดเอ็กซ์ของตัวเองสินะ “แล้วใครใช้ให้แฟนพี่พูดจาไม่เข้าหูก่อนล่ะ หวงอย่างกับหมาหวงกระดูก ไม่รู้ใครมันจะไปอยากได้ กวนตีนขนาดนี้” “ตะวัน!” คนตัวเล็กไม่ได้ใส่ใจกับการที่เขาตะคอกเรียกชื่อเธอเลยสักนิด คนอย่างตะวันไม่ใช่ว่าอยากพูดอะไรก็พูด เพียงแต่ว่าเธอเป็นคนไม่ยอมคนแค่นั้นเอง คติประจำตัวก็คือดีมาดีกลับ ร้ายมาร้ายกลับ 10 เท่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD