ทองทิพย์อาบน้ำชำระร่างกายหลังจากออกกำลังกายเสร็จเรียบร้อย แผลที่อยู่บริเวณหน้าอกทำให้เธอรู้สึกแสบเมื่อโดนน้ำ หากแต่แผลนั้นก็ได้สร้างรอยยิ้มให้เธอเมื่อนึกถึงคนที่ทำให้มันเกิดขึ้น เสียงฮัมเพลงดังขึ้นหลังจากที่ทองทิพย์แอบนึกถึงสาวสวยเจ้าของร้านขนมหวานที่ชื่อนิมา
“ถ้ารู้ว่าเมื่อเช้าลืมทายาจะโดนดุไหมนะเรา” ทองทิพย์รำพึงกับตัวเองหลัง จากอาบน้ำเสร็จ
“สวัสดีค่ะ” นิมาอมยิ้มเมื่อเห็นชื่อของคนที่โทรมาหาเธอ
“รายงานตัวยามค่ำค่ะ” ทองทิพย์ยิ้มอายๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
“ตกลงโทรมารายงานตัวหรือคะ นึกว่า” นิมายิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ
“คิดถึงใช่ไหมคะ กำลังจะพูดอย่างนั้นหรือเปล่า” ทองทิพย์พูดดักทาง
“เข้าข้างตัวเองนะคะ นิ่มกำลังจะบอกว่านึกว่ามีธุระอะไรต่างหาก” นิมา นำนิ้วชี้นิ้วนางไขว้กันไว้เหมือนตอนเด็กๆ ที่เคยแอบ
โกหก
“ปากกับใจไม่ตรงกันบาปนะคะ ไม่เป็นไรทิพย์คิดถึงฝ่ายเดียวก็ได้ คงน่ารักไม่พอเนอะ เลยไม่มีคนคิดถึง” ทองทิพย์แอบยิ้ม
ทะเล้น
“นักเรียนนอกขี้ใจน้อยนะคะ”
“ไม่เป็นไรไม่ต้องพูดทิพย์ก็สัมผัสได้ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ ขอตัวไปอาบน้ำนอนก่อนนะคะ อยากอาบน้ำอุ่นๆ สบายๆ จะได้มานอนบนเตียงนุ่มๆ เสร็จงานปุ๊บก็นึกถึงเตียง
นอนปั๊บเลย”
“เหนื่อยมากใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นเราไปทำบุญกันวันหลังก็ได้นะคะ คุณนิ่มตื่นสายๆ หน่อยก็ได้ นอนให้เต็มที่ ไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะคะ ฝันดีนะคะ” ทองทิพย์ยิ้มรู้สึกดีที่ได้พูดคำว่าฝันดีกับนิมา คำธรรมดาๆ ทั่ว
ไป แต่คนที่เธออยากบอกทำให้คำธรรมดาๆ นั้นดูเป็นคำพูดที่พิเศษขึ้นมาทันที
“เรื่องทำบุญก็นัดเหมือนเดิมค่ะ ปกติก็ตื่นเช้ามาจัดร้านอยู่แล้ว สายๆ ก็พาคุณทิพย์ไปทำบุญที่วัดแถวนี้มีตั้งหลายวัดค่ะ นิ่ม
สบายมากเหนื่อยแค่ไหนก็ตื่นเช้าได้ เมื่อก่อนตอนเปิดร้านใหม่ๆ เหนื่อยกว่านี้ตั้งเยอะ ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง ฝันดีนะคะ” นิมาอมยิ้ม
นึกขอบคุณความห่วงใยที่ทองทิพย์มีให้กับเธอ
“พบกันพรุ่งนี้เช้านะคะ ก่อนนอนจะคิดถึงคุณนิ่ม เผื่อว่าจะมาหากันในฝัน” ทองทิพย์หัวเราะก่อนที่จะรีบวางสายในทันที
“อยากเข้าไปเหมือนกันค่ะ” นิมายิ้มกับตัวเอง แต่เสียงเคาะประตูก็ดึงเธอออกมาจากภวังค์ นารินค่อยๆ แง้มประตูเข้ามาพร้อม
รอยยิ้ม
“ยังไม่ไปอาบน้ำนอนอีกหรือคนขยัน” นารินหยอกล้อน้องสาวของเธอ
“กำลังจะไปค่ะ ขอกอดหน่อยได้ไหมคะ” นิมาอ้อนพี่สาวของเธอที่กำลังยิ้มแปลกๆ
“เดี๋ยวก่อน ยังถือโทรศัพท์อยู่ในมืออ้อนใครติดพันอยู่ใช่ไหม ถึงได้เลยมาอ้อนพี่แบบนี้” นารินยิ้มทะเล้นและยักคิ้วให้นิมา
“แอบฟังหรือเปล่าคะ พี่นา”
“เปล่าเดาเอา ตาเป็นประกายวาววับขนาดนี้ แถมยังอ้อนได้น่ารักขนาดนี้ มันแปลกอยู่นะน้องสาวพี่”
“อยากกอดจริงๆ นะคะ เดี๋ยวแต่งงานไปพี่ทัดก็เอาไปครอบครอง คงนานๆ ทีถึงจะได้กอดพี่นาอีก” นิมาทำท่าอ้อนและเข้า
สวมกอดพี่สาวของเธอซึ่งกำลังกอดกระชับน้องสาวของเธอเช่นกัน
“ไปอยู่ด้วยกันสิ พี่เป็นห่วงนิ่มนะ” นารินพูดขึ้น
“อย่าเลยค่ะ เกรงใจพี่ทัด นิ่มอยู่ได้ค่ะ” นิมาบอกกับพี่สาวของเธอ
“พี่ทัดก็เป็นห่วงเรานะ บอกให้พี่มาบอกนิ่มให้ย้ายไปอยู่ด้วยกัน ไม่อย่างนั้นเป็นห่วงแย่แน่ๆ” นารินพูดดูจริงจัง
“เอาเป็นว่าไปเยี่ยมบ่อยๆ ดีกว่าค่ะ”
“ดื้อนะ ไปอยู่ด้วยกันนะ จะได้ช่วยเลี้ยงหลานด้วย” นารินนึกขำเมื่อพูดเรื่องหลานกับนิมา
“อย่ามาบอกนะว่าท้องแล้ว” นิมายิ้มทะเล้น
“จะบ้าหรืออย่างไร เดี๋ยวตีตายเลยนะ มาล้อพี่”
“รู้ว่าพี่นาไม่ตีน้องแน่ๆ น้องน่ารักขนาดนี้ ตีได้ลงคอหรือคะ ใช่ไหม”
“ก็รู้อยู่ว่าน่ารัก แล้วก็รักมากด้วย ถึงอยากให้ไปอยู่ใกล้ๆ กัน อยู่ที่นี่กลาง คืนก็ต้องอยู่คนเดียว พี่ทัดมีบ้านหลังเล็กสองหลัง
ปลูกอยู่ใกล้ๆ เรือนหลังใหญ่อยู่เป็นสัดส่วน ไม่รู้ด้วยพรุ่งนี้ตอนไปทานข้าวกันจะให้พี่ทัดชวนแกมบังคับ พี่รู้ว่านิ่มเกรงใจพี่ทัด จะให้บังคับเสียให้เข็ด จนสุดท้ายก็ต้องยอมไปเลี้ยงลูกให้พี่ ไม่ต้องมายิ้มทำหน้าเป็นเลย ไปอาบน้ำนอนได้แล้วคนสวย ฝันดี รักเธอนะแม่ค้าขนมหวาน” นารินหอมแก้มน้องสาวของเธอก่อนที่จะออกไปจากห้องของนิมา ซึ่งกำลังมองตามพี่สาวที่กำลังปิดประตูห้องนอนของเธอ
“ถ้าพ่อกับแม่อยู่คงมีความสุขนะคะ ถ้ามีโอกาสได้เห็นหลาน” นิมายิ้มรู้สึกสุขใจขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงบิดาและมารดาของเธอ
ความอบอุ่นและความรักที่พ่อกับแม่มีให้กำลังโอบล้อมหัวใจเธอให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นในทันที ถึงแม้ทั้งบิดาและมารดาของเธอนั้นได้จาก
ไปนานแล้วก็ตาม
นิมาจัดเตรียมของถวายพระรวมถึงเครื่องสังฆทาน ดอกไม้ อาหารคาวและหวาน ซึ่งของที่ได้จัดเตรียมไว้มีจำนวนไม่น้อย นิ
มาจึงมานึกถึงเจ้ามดดำยักษ์ของทองทิพย์ซึ่งท่าทางจะช่วยขนของไปไม่ไหวแน่ จึงหยิบกุญแจรถของตัวเองนำมาใส่กระเป๋ากางเกง
ไว้ มัวแต่คิดโน่นนี่ไม่ทันได้สังเกตว่ามีคนเดินเข้ามา นิมามองเห็นเพียงแค่ชายกระโปรงสีฟ้าเข้มซึ่งปลิวไสวตามการเคลื่อนย้ายของผู้ที่เดินเข้ามา ยังไม่ทันได้เงยขึ้นมองหน้านิมาก็ทักทายและถามขึ้นก่อน เพราะคิดว่าน่าจะเป็นลูกค้าของเธอมากกว่า
“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ” ทักทายก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนที่ยืนยิ้มสวยๆ ให้อยู่
“มารับคนที่จะพาไปทำบุญค่ะ” ทองทิพย์ยิ้มสวยๆ ให้นิมา และเธอก็ถูกสำรวจเสื้อผ้าที่กำลังสวมใสอยู่ด้วยรอยยิ้มของคนที่
กำลังจ้องมองเธออยู่ในตอนนี้
“สวัสดีค่ะ น่ารักจริงวันนี้” นิมาทักทายพร้อมกับรอยยิ้มสวยๆ
“จะไปทำบุญก็ต้องเรียบร้อยหน่อยค่ะ แต่คุณนิ่มมองทิพย์แปลกๆ นะคะ ดูตลกหรืออย่างไรกันคะ” ทองทิพย์ถามเมื่อเห็นรอย
ยิ้มแปลกๆ ของนิมา
“น่ารักดีค่ะ แต่ดูแปลกตาไปหน่อย สองวันที่ผ่านมาเป็นสาวเท่ห์ วันนี้หวานน่ารักค่ะ ก็เลยดูแปลกตาไป คุณทิพย์โชคดีจริงๆ
สวมใส่อะไรก็ดูดีไปหมด”
“ปากหวานนะคะ มาค่ะ ทิพย์ช่วย” ทองทิพย์ขยับเข้าไปช่วยหิ้วของที่ถูกเตรียมไว้สำหรับนำไปทำบุญ
“เดี๋ยวก่อนค่ะ มาชุดนี้คงไม่ได้มากับเจ้ามดดำยักษ์หรอกนะคะ” นิมาเพิ่งนึกขึ้นได้
“ชุดนี้คงมาได้หรอกนะคะ วันนี้มาอย่างปลอดภัย สี่ล้อเจ้าค่ะ” ทองทิพย์ยิ้มกว้างเมื่อนึกขึ้นมาว่า ถ้าเธอนุ่งกระโปรงขี่รถ
มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ก็คงจะแปลกๆ อยู่
รถสปอร์ตสีแดงจอดอยู่ที่หน้าร้าน ทำเอาคนที่หิ้วของออกมาหยุดยืนมอง และหันไปมองสบตากับทองทิพย์ที่ยิ้มทะเล้นให้ นิ
มาทำคิ้วขมวดหันไปมองทองทิพย์อีกครั้ง
“สี่ล้อของคุณทิพย์ไปวัดคงไม่ไหวนะคะ นิ่มว่าไปรถนิ่มดีกว่าค่ะ” นิมายิ้มๆ จับมือทองทิพย์ให้เดินตามเธอมาที่รถของเธอที่
จอดอยู่ไม่ไกลจากรถสปอรต์สีแดงของทองทิพย์มากนัก
สองสาวนั่งเคียงข้างกันหลังจากถวายของให้กับพระสงฆ์ ซึ่งขณะนี้ท่านกำลังให้พรกับสองสาวที่กำลังตั้งจิตรับพร หัวใจทั้ง
สองรู้สึกสุขใจกับการได้มาทำบุญร่วมกัน แต่ก็เป็นเพียงความคิดของแต่ละคน เพราะทั้งสองไม่ได้เอื้อนเอ่ยอันใดบอกกล่าวให้กันและกันรู้ นิมาพาทองทิพย์มาที่ท่าน้ำ พร้อมกับถุงปลาช่อนและปลาดุกตัวใหญ่ที่แวะซื้อจากตลาดใกล้ๆ กับวัด เพื่อนำมาปล่อยลงในบริเวณลำคลองหน้าวัด นิมามาทำบุญที่นี่บ่อยๆ เธอจึงรู้ว่าปลาที่เธอนำมาจะอยู่รอดปลอดภัยแน่ๆ
“คุณนิ่มรู้ไหม ทิพย์ไม่ได้ทำบุญนานมากแล้วค่ะ” ทองทิพย์บอกกับนิมาที่หันมามองเมื่อได้ยินทองทิพย์บอกกับเธอ
“ต่างประเทศก็มีวัดไทยไม่ใช่หรือคะ” นิมาถาม
“ค่ะ แต่การทำบุญของทิพย์ก็ทำเพียงนำเงินไปบริจาค ไม่ได้ถวายสังฆทานหรือปล่อยนกปล่อยปลาแบบนี้ เพิ่งรู้สึกว่าได้ทำบุญจริงจังก็วันนี้แหละค่ะ” ทองทิพย์พูดดูจริงจัง
“อยู่เมืองไทยแล้ว ก็มาทำบ่อยๆ ก็ได้ค่ะ นิ่มขยันเรื่องการทำบุญจะมาเป็นเพื่อนบ่อยๆ” นิมายิ้ม เพราะสิ่งที่เธอได้พูดออกไป
เป็นการชวนให้ทองทิพย์มาทำ บุญกับเธออีกนั่นเอง
“น่ารักแสนดีขนาดนี้ อยู่เป็นโสดมาได้อย่างไรกันคะ” ทองทิพย์แกล้งถามเพราะเธอเองก็อยากรู้ว่าผู้หญิงที่กำลังนำถุงใส่
ปลาค่อยๆ เทลงไปในลำคลองนั้นมีใครคบหาอยู่หรือยัง
“เคยอกหักค่ะ เลยพักเรื่องนั้นไว้ก่อน ตั้งหน้าตั้งตาทำงานไปก่อนค่ะ”
“อกหัก พูดจริงหรือพูดเล่นกันคะ” ทองทิพย์ไม่ค่อยเชื่อนักกับสิ่งที่นิมาบอกกับเธอไปเมื่อสักครู่
“จริงค่ะ นิ่มก็ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง บางคนก็ชอบเรา บางคนก็ไม่ชอบเรา ก็คงเป็นเรื่องปกตินะคะ บังเอิญไปรักคนที่เขาไม่รัก
เราเข้าก็เลยใช้ชีวิตโสดมาจนถึงทุกวันนี้” นิมาหันมายิ้มจางๆ และสบตากับทองทิพย์ที่กำลังจ้องมองด้วยความสงสัย
“อกหักมาเหมือนกันเลย แต่สำหรับตัวทิพย์เองทิพย์ไม่ค่อยแปลกใจ เพราะรู้ว่าตัวเองเป็นคนร้าย มันก็สมควรอยู่ที่จะอกหัก
แต่อย่างคุณนิ่มนี่สิน่าแปลกใจ”
“ก็บอกแล้วว่าผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ดีๆ ร้ายๆ ปะปนอยู่ในตัวนิ่มก็คงไม่ต่างจากคุณทิพย์นักหรอกค่ะ แต่ทำไมชอบบอกว่าตัว
เองร้ายบ่อยจังเลยคะ รู้จักกันมาก็หลายวันแล้ว ยังไม่เห็นอะไรร้ายๆ ในตัวคุณทิพย์เลยนะคะ” นิมายิ้มเลิกคิ้วทำท่าสงสัย
“คงยังควบคุมได้อยู่ค่ะ” ทองทิพย์หัวเราะ นิมายิ้มๆ กับคนที่กำลังค่อยๆ ปล่อยปลาลงไปในลำน้ำ
“ไปค่ะ ไปไหว้พระในโบสถ์กัน มีคนบอกว่าพระประธานที่วัดนี้ศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหากประพฤติตนเป็นคนดีขอพรกับท่านก็จะสมความปรารถนา แต่นิ่มไม่แน่ใจนักนะคะว่าจะจริงหรือไม่ เพียงแต่ว่าได้ยินมาอย่างนั้น” นิมาจับมือทองทิพย์ให้เดินตามเธอไปที่โบสถ์ ทองทิพย์มองไปที่มือของนิมาพร้อมรอยยิ้ม
“รู้สึกเหมือนมีเจ้าของอย่างไรไม่รู้เนอะ” ทองทิพย์ยิ้มกับตัวเอง แต่คนที่ยิ้มกว้างกว่าคือคนที่กำลังกุมมือทองทิพย์และเดินนำ
หน้ามาก่อน