ยิ่งรู้จัก ยิ่งรักเธอ

3394 Words
การออกงานครั้งแรกของสมรเป็นที่น่าตื่นเต้นสำหรับทีมงาน รวมถึงเหล่าแฟนคลับที่รอคอยนักแสดงนำอีกคน "ว้าว.. วันนี้คุณพี่ดูวัยรุ่นมากเลยค่ะ" หนึ่งในดาราร่วมเข้ามาทักเธอ "พี่ว่ามันดูแปลก แต่สักพักคงชิน" พร้อมกับก้มมองเสื้อผ้าสุดติสแบบหลุดโลก สายเดี่ยวลูกไม้โชว์เนินอก ดีหน่อยที่มีแจ็คเก็ตคลุมเพื่อไม่ให้โป๊เปลือย แต่มันก็ยังเป็นแจ็คเก็ตหนังสีดำอยู่ดี กางเกงขาสั้นที่มีรอยขาดกับถุงน่องตาข่าย รองเท้าบูทส้นสูงหนังยาวขึ้นมาจนครึ่งน่อง ดูยังไงก็ไม่ใช่ตัวเอง ทั้งการแต่งหน้าทำผมอีก แทบจะจำตัวเองไม่ได้ "แต่รับรองว่าทุกคนจะต้องชอบลุคนี้ของคุณพี่ค่ะ" สมรก้าวลงจากรถตู้หน้าห้างสรรพสินค้า บริเวณสถานที่จัดงาน พร้อมกับทีมงานหลายคน ผู้คนเริ่มมารุมล้อม ทั้งยังมีแสงแฟลซ และเสียงเรียกชื่อเธอตลอด เพราะห่างหายเจอผู้คนมากมายขนาดนี้ จึงได้แต่หลบหน้าหลบตาและรีบเดินเข้างาน แบบไม่คิดทักทายใคร ต่่งจากดาราท่านอื่นที่หนุดยืนให้เหล่าแฟนคลับถ่ายภาพ บ้างก็เพื่อพูดคุยอย่างเป็นกันเอง การออกงานในวันนี้ไม่มีอะไรมาก ส่วนใหญ่ก็แค่พูดถึงงานละครที่ผ่านมา รวมถึงละครเรื่องอื่นในค่ายด้วย และถ่ายภาพหมู่ก็เท่านั้น "วันนี้น้องมิ้นท์ไม่มา แต่ขอเสียงกรี้ดต้อนรับคุณสมรครับ" เสียงพิธีกรประกาศเชิญสมรขึ้นเวที เธอเป็นคนสุดท้ายของงานในวันนี้ที่ถูกเชิญมาพูดคุย และไม่น่าเชื่อว่าจะมีเหล่าแฟนคลับที่ตามจิ้นสมรและมินตรายังอยู่จนแน่นหน้าเวที นี่เป็นปรากฎการณ์ที่เธอเพิ่งจะรับรู้ว่ากระแสของพวกเธอเป็นที่ตอบรับดีมากขนาดนี้ และบนเวทีที่มีแค่เธอและพิธีกรดูจะไม่ค่อยเป็นตัวเองเสียเท่าไหร่ ยิ่งเสียงกรี้ดยิ่งทำให้เธอสติหลุดกว่าเก่า "น่าเสียดายนะครับที่วันนี้น้องมิ้นท์ไม่มา เพราะน้องมิ้นท์เม้าท์เรื่องคุณสมรได้สนุกมาก" "หืม ปกติมีเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอคะ" "ครับ ถึงเวลาที่คุณสมรจะเอาคืนตอนที่น้องมิ้นท์ไม่อยู่แล้วล่ะครับ" "น่ากลัวนะคะ เวลาฉันไม่อยู่เลยถูกนินทา แต่มันก็เป็นเรื่องปกติ เพราะฉันก็โดนประจำอยู่แล้ว" นั่นคือเรื่องตลกร้าย ทุกคนพากันหัวเราะกับเรื่องจริงที่ออกจากปากสมร "อ้อ.. เดี๋ยวนะครับ มีสายรายงานว่าสาวขี้เม้าท์แอบมาดูคุณสมรด้วย" ทั้งบริเวณฮือฮากับสิ่งที่พิธีกรประกาศ เพราะนั่นหมายความว่าคู่จิ้นอยู่ในงานอย่างพร้อมหน้า และไม่ต้องเชิญ มินตราก็ก้าวขึ้นเวที ชุดรัดกุมตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่ได้เหมือนจะออกงาน ราวกับแค่ผ่านมาเท่านั้น ซึ่งก็อาจจริง พิธีกรเริ่มพูดคุยแข่งกับเสียงกรี้ดจากแฟนคลับไม่หยุด นั่นเพราะไม่คิดไม่ฝันว่าทั้งคู่จะออกงานร่วมกัน "นั่งใกล้เกินไปรึเปล่า" สมรส่งเสียงออกมาลอดไรฟัน ก็มินตราดันตั้งใจเบียดเข้ามาชิดอยู่ได้ "เมื่อกี้พูดว่ายังไงนะคะ" ยิ่งแล้วกันไปใหญ่ แทนที่มินตราจะขยับออกห่าง แต่ดันเข้าใกล้เพื่อจงใจกระซิบถามเธอ "ขยับออกไป" ทั้งยังแอบจิ้มไหล่คนข้างๆ ให้ห่างออกจากตัว ซึ่งมินตราก็โอเวอร์เกินจริง เธอทำเป็นหงายหลังจนสมรตกใจและต้องดึงแขนมินตราขึ้นมานั่งดังเดิม ระหว่างที่พิธีกรกำลังพูดคุยกับนักแสดงท่านอื่น พวกเธอทั้งสองก็ยุกยิกไม่หยุด โดยมีมินตราเป็นคนเริ่ม "เป็นอะไร ไม่สบายเหรอ" สมรส่งเสียงถามออกมาไม่ดังนัก เธอไม่อยากแสดงออกมาก เพราะอยู่ในที่สาธารณะ ซึ่งมันต่างจากมินตราที่ท่าทางดูสบายๆ เป็นตัวเองจนน่าโมโห แถมเสียงที่ดังตลอด มันอื้ออึงจนน่าอึดอัด "ค่ะ" ทั้งยังส่งเสียงไอออกมา แต่ใบหน้าสมรกลับดูบึ้งตึง "นี่หลอกกันใช่มั้ย" เพราะคนแกล้งป่วยดันส่งสายตากวนๆ มาให้ "ค่ะ" "ดี" สมรกัดฟันบอกอย่างคาดโทษ เธอทำอะไรมากไม่ได้ในเวลานี้ได้แต่หันหน้าหนี ไปสนใจเรื่องบนเวทีแทน ดีหน่อยที่มีคนอื่นๆ ขึ้นมาร่วมเบี่ยงเบนความสนใจ มือของมินตราเริ่มสอดมากอดประสานกันที่หน้าท้องของสมร ทั้งยังจงใจใช้คางเกยไหล่เธออีก "นี่! คนมองอยู่นะ" สมรเหงื่อตก ทั้งพยายามใช้ความนิ่งสยบความเคลื่อนไหว "ก็แฟนคลับชอบนี่คะ" มินตรากระซิบบอก สมรจึงต้องใช้สายตากวาดมองไปหน้าเวที และมันก็ชัดเจน เพราะทุกคนเองแต่รัวชัตเตอร์ บ้างก็ส่งเสียงให้มินตราหอมแก้มเธอ นี่มันบ้าชัดๆ ก็ทำไมเธอจะต้องแกล้งทำเป็นรักกันต่อหน้าคนพวกนั้น เพื่อให้คิดกันไปต่างๆ นาๆ "ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราสองคนคือคู่ขวัญกันนะคะ แต่สมัยนี้เราคือคู่จิ้นค่ะ" สมรพยักหน้าเข้าใจ "แบบนี้สินะ ใครๆ ถึงอยากให้เราออกงานคู่กัน" งานวันนี้จบลงด้วยการถ่ายรูปรวมบนเวที ซึ่งพอหลีงจากนี้ มินตราก็ลากสมรไปหาเหล่าแฟนคลับ "ถ้ายังไม่ชิน ก็แค่ยิ้มสวยๆ ให้ถ่ายรูป" มินตราช่วยแนะนำ "คนพวกนั้นเค้ารักเราอยู่แล้ว คุณป้าก็แค่ต้องเป็นตัวเอง ทำให้เค้ารักเรามากยิ่งขึ้นในแบบที่เป็นเรา ไม่ใช่เพราะสิ่งที่แสดง" "งั้นเหรอ" เธอเหมือนตอบไปงั้น เหมือนไม่ได้ตั้งใจฟังจริงๆ เพราะเอาแต่ตื่นเต้น "อ้อ มากันแล้วค่ะ" มินตราส่งสัญญาณให้สมรเตรียมตัว มินตราเป็นธรรมชาติเกินไป ทำทุกอย่างได้อย่างเป็นธรรมชาติ "หนูชอบแม่มากนะคะ" เสียงหนึ่งจากเหล่าแฟนคลับบอกกับสมร ทั้งยังยื่นบางอย่างให้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด เธอสะดุดกับคำเรียก จนต้องหันไปหามินตราอย่างต้องการตัวช่วย "พวกเราเรียกพี่สมรว่าแม่ค่ะ และพี่มิ้นท์ก็อนุญาตแล้วด้วย" มินตราได้แต่ยิ้มแหยๆ ให้สมร "ก็ดีค่ะ แบบนี้ก็ดี อยู่ๆ ก็มีลูกเป็นขโยงตอนแก่" สมรช่วยสรุปให้กับทุกคน การพบปะกับแฟนคลับแบบไม่ทันตั้งตัวนั้นก็ไม่ได้แย่สำหรับสมร เธอสามารถเป็นตัวเองได้ตามที่มินตราบอก "เสร็จแล้วพวกพี่ๆ จะกลับเลยหรือเปล่าคะ" "ค่ะ.." "เราจะไปต่อน่ะ" สมรหันควับไปที่มินตราทันที "อ๋อ คงจะไปดริ้งค์กันใช่มั้ยล่ะคะ" หนึ่งในแฟนคลับถามออกมา ซึ่งมินตราก็รีบส่งสัญญาณให้เงียบทันที เพราะดันแอบเม้าท์เรื่องสมรให้เหล่าแฟนคลับฟัง "โอ้ย! เจ็บนะคะ" มินตราร้องเสียงหลง เพราะถูกสมรฟาดไปที่แขน วันนี้หลายเรื่องแล้วที่เหล่าแฟนคลับแซวเธอเพราะมินตรา "พูดมากจริงๆ ลูกสาวคนนี้" เธอเอ่ยออกมาอย่างคาดโทษต่อหน้าแฟนๆ "งั้นก่อนที่มิ้นท์จะเจ็บตัวไปมากกว่านี้ เรามาถ่ายรูปกันเถอะค่ะ" มินตราตัดบททีเล่นทีจริง มินตราเดินกลับมานั่งบนโซฟาตัวในสุดของบาร์เหล้า พร้อมกับในมือมีแก้วสองใบ ซึ่งสมรก็ยังมองค้อนมินตราไม่เลิก "ขอโทษค่ะ แต่มิ้นท์ไม่สบายจริงๆ นะคะ" ทั้งยังจามออกมาเสียงดังลั่นจนคนทั้งร้านต้องหันมามอง รวมถึงสมรที่ตาเบิกโพลงด้วยความตกใจกับเสียงจาม แต่สักพักก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ "ไหวหรือเปล่าเนี่ย" เธอถามกลั้วหัวเราะ "จริงๆ ก็ไม่ไหว แต่พอมิ้นท์รู้ว่าคุณป้าไปงานนั้น เลยตามไปน่ะค่ะ" มินตราบอกก่อนจะย้ายที่ไปนั่งข้างสมร "ทำไมถึงไปงานนั้นล่ะคะ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อน ไม่เคย" "ป้าแค่รู้สึกว่า ป้าเอาเปรียบหนูเกินไป" "เรื่องงานหรือเรื่องของเราคะ" "เหอะ" ส่งเสียงร้องผ่านลำคอเพียงเท่านั้นก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มจนหมด ก่อนจะเอนพิงพนักด้วยท่าทางที่สบายยิ่งขึ้น "ต้องตอบแบบไหนล่ะ หนูถึงจะพอใจ" "จริงๆ ก็อยากให้เป็นอย่างหลังค่ะ" พร้อมยื่นมือไปสัมผัสที่ขาของสมร "วันนี้คุณป้าสวยและน่ามองกว่าทุกวัน" สมรจ้องมองมือมินตราก่อนจะเงยขึ้นสบตาคนข้างๆ "จะชมกันเพื่อกลบเกลื่อนความผิดล่ะสิ" "และคุณป้าก็น่ารักมากด้วยค่ะ" สมรยิ้มออกมา ก่อนจะสัมผัสที่หลังมือของมินตราบ้าง "ปากหวาน" "และคุณป้าก็น่าจูบมากด้วยค่ะ" "ก็จูบสิ" มินตราไม่รอช้า รีบขยับหน้าเข้าใกล้ทันที แต่ก็ถูกผลักจนหน้าหงาย "ทะลึ่งจริงเชียว" สมรบ่นออกมา ก่อนจะคว้าแก้วเหล้ามาดื่มอีก มินตราหันหน้ากลับมาค้อนใส่สมรอย่างงอนๆ "อย่ามองแบบนั้น! " สมรส่งเสียงดุซ้ำอย่างต้องการจะแกล้งคนตรงหน้า มินตราจึงจำต้องปรับสีหน้าให้เป็นปกติ "หมอนดุเกินไปแล้วนะคะ" น้ำเสียงงอนๆ ออกจากปากมินตรา แถมยังเอาชื่อที่แฟนคลับตั้งให้ มาใช้เรียกสมร แต่จู่ๆ สมรก็จริงจังขึ้นมา "พวกนั้นน่ารักนะ" "หมายถึง น้องๆ ผืนใบเหรอคะ" "ใช่ แล้วก็แปลกด้วย" ใบหน้าสมรตอนนี้มีแต่รอยยิ้ม "จริงๆ แล้ว ต้องเป็น เสื่อผืนหมอนใบนะ" เธอบอกสิ่งที่ถูกให้กับมินตราได้รับรู้ ทีแรกที่ได้ยินสมรก็รู้สึกตะหงิกอยู่ในใจ แต่ก็ไม่กล้าทักท้วง "มิ้นท์รู้ค่ะ เพราะมิ้นท์เป็นคนช่วยน้องๆ คิด" "หืม" "คุณป้าเป็นหมอนเพราะมาจากคำว่าสมร เพราะพวกเราไม่รู้ว่าคุณป้ามีชื่อเล่นหรือเปล่า และก็ไม่กล้าถามด้วยค่ะ" มินตราเงียบเพื่อดูปฏิกิริยาของสมร แต่เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าตั้งใจฟังมากแค่ไหนจึงพูดต่อ "คุณป้าเป็นหมอน มิ้นท์ก็เลยเป็นเสื่อให้ค่ะ และตอนแรกก็จะใช้คำว่า เสื่อผืน หมอนใบ แต่มิ้นท์รู้สึกว่าคำนั้นมันแยกเราสองคนออกจากกัน เลยกลายเป็น เสื่อหมอน ผืนใบ" "ผืนใบ" สมรพูดซ้ำคำนั้นเบาๆ อย่างใช้ความคิด "น้องๆ แฟนคลับ เต็มใจเป็นลักษณะนามให้พวกเราค่ะ เพราะรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มความเป็นเราให้สมบูรณ์" มินตราหน้าแดงทันทีหลังจากพูดจบ ก่อนจะคว้าแก้วเหล้าขึ้นดื่มอย่างแก้เขิน "หนูมิ้นท์คิดเองทั้งหมดเลยเหรอ" มินตราพยักหน้าน้อยๆ ให้อย่างยอมรับ ก็เพิ่งจะสารภาพสิ่งที่คิดแบบเป็นตุเป็นตะกับคนตรงหน้า "ช่างคิดนะ" สมรเอ่ยชมออกมาอย่างไม่จริงจังนัก "แล้ว.. เสื่อหมอน ควรจะทำยังไงต่อ ต้องจัด เอ่อ.. แฟนมีตติ้ง เหมือนที่ เอ่อ.. ผืนใบ บอกมั้ย" ก็รู้สึกกระดากอายเหมือนกันที่ต้องพูดสิ่งที่วัยรุ่นร้องขอ เพราะมันเป็นสิ่งใหม่สำหรับเธอ "อยากจัดจริงๆ เหรอคะ" มินตราถามออกมาไม่จริงจังนัก เพราะไม่ได้คาดการเรื่องนั้นมาก่อน "คุณป้ายังจำชื่อน้องๆ ไม่ได้เลยสักคน" สมรคิ้วขมวดใส่มินตรา ก่อนจะขยับเข้าใกล้ และจิ้มๆ ที่ไหล่อย่างต้องการจะเอาใจ "เรา ก็ ควร เปิด ใจ ทำ ความ รู้ จัก ทุก คน" เพราะตอนนี้ในหัวสมองของสมรคิดไปต่างๆ นาๆ เธอรู้สึกสนุกที่ได้พูดคุยกับคนหน้าใหม่ๆ ยิ่งคนที่ชื่นชอบเธอด้วยแล้ว สมรทุ่มสุดตัว "เรื่องสถานที่จัดงาน.." "นี่คุณป้าคิดไปถึงไหนต่อไหนกันคะ" ไม่ทันที่จะพูดจนจบประโยค สมรก็ถูกเบรกเสียอย่างนั้น "ก็แค่อยากดัง เป็นดาราก็ต้องอยากดังไม่ใช่รึไง" เธอเองก็เบื่อที่จะต้องพูดจาอ้อมไปอ้อมมา พูดสิ่งที่ต้องการไปเลยก็จบ "งั้นเราก็คบกันแบบจริงๆ จังๆ สิคะ จะได้ดัง" "พูดเรื่องนี้อีกแล้วนะ" สมรทำหน้าเบื่อหน่ายที่ได้ยิน "มิ้นท์เลิกกับพี่ตรีแล้วนะคะ" สมรหันมามองคนตรงหน้าอย่างเต็มตา "ป้ารู้" "แล้ว มีโอกาสที่เราสองคนจะพัฒนาความสัมพันธ์ได้มั้ยคะ" สมรเอาแต่เงียบไม่ตอบ "มิ้นท์เคยชอบพี่ตรีมากๆ แต่ตอนนี้มิ้นท์ตกหลุมรักคนอื่น และ พอรู้ตัวอีกที มิ้นท์ก็กลายเป็นคนบ้าที่เอาแต่คิดถึงคนคนนั้น" "Love cannot be found where it doesn’ t exist, nor can it be hidden where it truly does." มินตราบอกประโยคที่จำขึ้นใจกับคนตรงหน้า "รักไม่อาจค้นพบได้หากมันไม่เคยมีอยู่จริง และรักก็ไม่อาจหลบซ่อนได้หากมันมีอยู่จริง" และสมรก็เป็นคนแปลประโยคนั้น "จากหนังรักโง่ๆ เรื่อง Kissing a Fool" "มิ้นท์รู้ว่าใจเราตรงกันค่ะ มิ้นท์เห็นและรู้สึกได้" "อย่าคิดไปเองสิ" สมรเริ่มหลบสายตาของคนตรงหน้า แต่มินตราไม่ยอมแพ้ "A life without love, is no life at all! " และสมรก็ไม่หยุดปาก "ชีวิตที่ปราศจากรัก ก็เหมือนกับการไม่มีชีวิตอยู่ จากหนังเรื่อง Ever After" แม้จะหลบหน้าหลบตา แต่ก็พูดประโยคที่จำไม่มีวันลืมออกมา อย่างไม่ต้องรอให้ร้องขอ "คุณป้าก็รู้ดีนี่คะ" "มันก็แค่หนังน่ะ" สมรยังคงเลี่ยงต่อ "Find something that makes you happy, and do it." "จงค้นหาว่าอะไรทำให้คุณมีความสุข แล้วลงมือกระทำ" สมรใช้เวลาคิดไม่นาน "จากเรื่อง 24! " "The truth is what everybody accepts." "ความจริงคือสิ่งที่ทุกคนยอมรับ จากเรื่อง Twelve Monkeys" "คุณป้ายอมรับความจริงสิคะ" "แค่พูดน่ะมันง่าย ป้ายังมีคนรอบตัวต้องแคร์ รวมถึงยัยตรีด้วย " ตอนนี้ทั้งคู่กำลังถกเถียงเรื่องของตนเองโดยผ่านนประโยคยอดฮิตจากภาพยนตร์ "You can’ t live your life for other people. You’ ve got to do what’ s right for you, even if it hurts some people you love." "คุณจะใช้ชีวิตเพื่อคนอื่นไม่ได้หรอกนะ คุณต้องทำสิ่งที่ถูกต้องสำหรับตัวคุณเอง ถึงแม้ว่ามันจะทำให้คนที่คุณรักเจ็บปวดก็ตาม" สมรแปลมันออกมาอย่างติดขัด เพราะเธอเริ่มจะคิดตามกับที่พูด "จากเรื่อง The Notebook" "นั่นแหละค่ะ คือสิ่งที่มิ้นท์อยากจะบอก และ.. เรากลายเป็นคนที่เราเลือกจะเป็น" "จากเรื่อง Spider-Man" สมรบอกออกมาราวกับตั้งใจจะเบี่ยงประเด็น ซึ่งท่าทางมินตราดูไม่ค่อยพอใจนัก "I love you, I need you, I missed you! " มินตราจงใจตะโกนประโยคนั้นออกมาจนดังลั่นร้าน "เอ๊ะ! ประโยคนี้ไม่คุ้น สงสัยไม่เคยดู" แต่สมรดันไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของคนตรงหน้า "ป้าว่าหนังเรื่องนั้นคงไม่ดัง" ทั้งยังบอกออกมาตามตรง "มิ้นท์กำลังบอกรักคุณป้าค่ะ นี่ไม่ใช่หนัง แต่มันคือเรื่องจริง" มินตราโพล่งออกมา แต่สักพักก็จำต้องสงบสติอารมณ์ "เราลองคบกัน ไม่ได้เหรอคะ" "Do, or do not. There is no try. ไม่มีหรอกคำว่า ลอง มีแต่ทำหรือไม่ทำ จาก Star Wars" "แล้วคำตอบของคุณป้าคืดอะไรคะ Yes or No" สมรหัวเราะออกมาเพียงนิด ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด และพ่นออกมาช้าๆ "ป้าไม่ใช่คนดี อดีตที่ผ่านมาก็ช่างน่าอาย แล้ว หนูก็สะอาดเกินไป" "มิ้นท์ไม่ได้ชอบคนดี อดีตคงเปลี่ยนอะไรไม่ได้ และ.." มินตรายื่นมือไปกำขนมขบเคี้ยวตรงหน้าก่อนจะยัดเข้าปากจนเต็ม และจงใจทำให้มันเละไปทั้งหน้ารวมถึงเสื้อผ้าด้วย "มิ้นท์เป็นคนสกปรกนะคะ" พูดออกมาทั้งที่ยังมีของกินเต็มปาก สมรทนดูไม่ได้ต้องช่วยปัดเสื้อผ้าเพื่อไม่ให้มินตราหมดสภาพไปมากกว่านี้ "เป็นถึงนางเอก ทำไมเล่นอะไรพิเรนท์แบบนี้ เดี๋ยวใครก็มาเห็นเข้าหรอก" ทั้งยังบ่นออกมาไม่หยุด "ก็มิ้นท์อยากคบกับคุณป้านี่คะ" บอกออกมาอย่างอแง แถมยังปล่อยให้สมรช่วยปัดเศษขนมที่เลอะเทอะออกจากตัวโดยไม่ขัด "คบหาดูใจกันไปก่อน ถ้าไม่ใช่ก็แค่เลิก และมิ้นท์เป็นแฟนที่ดีมากๆ ค่ะ ไม่งี่เง่า ไม่เอาแต่ใจ มิ้นท์ร้องเพลงเพราะ แล้วก็มีงานที่มั่นคงทำนะคะ ไม่เป็นภาระแน่นอน ติดดิน กินง่าย แล้วก็.." "พอแล้ว พูดอย่างกับจะขายของ" สมรเริ่มอ่อนใจกับคนตรงหน้า "มิ้นท์พูดจริงๆ นะคะ" "ป้ารู้ แต่ขอคิดก่อน อย่าเพิ่งกวน" สมรจำต้องตัดบท ไม่งั้นมินตราคงจะพูดต่อไม่หยุดเป็นแน่ เธอนิ่งใช้ความคิดอยู่ครู่ใหญ่ตามที่บอกกับมินตรา และ "Yes" สมรบอกออกมาเสียงไม่ดังนัก เพียงคำพูดสั้นๆ แค่นั้น ก็ทำให้คนฟังแทบจะนั่งไม่ติด "พูดจริงๆ เหรอคะ! " แถมยังตะโกนถามออกมาเสียงดังลั่น สมรมองรอบตัว ก่อนจะหันกลับไปถลึงตาใส่คนที่อาการเหมือนผีเข้า "จะเปลี่ยนใจก็ตอนเสียงดังเนี่ยแหละ" ทั้งยังดุออกมาลอดไรฟัน ก็มินตรากำลังทำให้ผู้คนหันมาสนใจ  มินตราจึงต้องตะครุบปิดปากตัวเองแต่ก็ปกปิดความดีใจที่ส่งออกมาทางสายตาไม่ได้อยู่ดี "แต่ห้ามให้ใครรู้เด็ดขาด" "เป็นความลับเหรอคะ" สมรพยักหน้าให้น้อยๆ เป็นคำตอบ "งั้น.." มินตราลุกขึ้นยืน ทั้งยังคว้ากระเป๋าตัวเองมากอด "มิ้นท์ไปก่อนนะคะ" "ห ห๊ะ!" สมรอ้าปากค้าง ไม่ได้เอ่ยถามอะไรต่อ เพราะมินตราไปจากตรงนั้นจริงเหมือนที่บอก สมรกำลังงงกับท่าทางลุกลี้ลุกลน ทั้งตอนที่มินตราวิ่งแน่วออกจากร้านไป นี่เธอตัดสินใจอะไรผิดหรือเปล่า เพราะปฏิกิริยาตอบรับของมินตรามันเกิดคาดเดา แถมยังมาทิ้งกันดื้อๆ อีก "กรี้ดดดดด" ทันทีที่เข้ามานั่งลำพังภายในรถ มินตราก็ร้องกรี้ดออกมาจนสุดเสียงด้วยความดีใจ ก็ทำตัวไม่ถูก มันดีใจจนควบคุมตัวเองไม่ได้ มินตราไม่กล้าอยู่สู้หน้าสมรโดยที่อารมณ์ไม่ปกติแบบนั้น แค่การส่งเสียงดังและท่าทางบ๊องๆ ของตัวเองที่แสดงออกมาก็น่าอายจนอยากจะหยิกตัวเอง ตอนนี้มินตราแค่อยากจะดีใจให้สุดกับตัวเองเสียก่อน ไม่เสียแรงที่วันหยุด เธอเอาแต่นั่งดูผลงานการแสดงของสมร เพื่อให้พ้นผ่านความคิดถึง และอีกสิ่งที่ทำก็คือ การนั่งดูหนังโปรดในดวงใจของสมร เธอจำมันได้จากการดูรายการสัมภาษณ์ ที่ครั้งหนึ่งสมรเคยไปร่วมเมื่อสมัยยังสาว และมินตราไม่หยุดเพียงเท่าน้้น เธอจดจำและกว้านซื้อนิตยสารเก่าๆ ที่สมรเคยให้สัมภาษณ์ มินตราจดทุกอย่างที่เป็นสมร และจำทุกอย่างที่สมรชอบ การดูหนังจากดีวีดีเป็นสิ่งหนึ่งที่สมรพูดถึงในทุกครั้ง และมันคือความชอบเดียวกันกับมินตรา ส่วนประโยคต่างๆ ในหนัง ก็คือความสามารถพิเศษของสมร ที่มินตราพยายามลอกเลียนแบบ "มิ้นท์มารับค่ะ" เสียงนี้ทำลายความสับสนของสมรที่กำลังนั่งดื่มต่อลำพัง มินตราเดินกลับเข้ามาภายในร้านด้วยท่าทางปกติ ทำรวกับเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น "กลับบ้านกันเถอะค่ะ" ก็ใครจะทิ้งแฟนตัวเองให้นั่งดื่มจนเมาแอ๋ตามลำพังได้ล่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD