ซีนตบจูบของนักแสดงนำผ่านไปด้วยดี เพราะหากคนใดคนหนึ่งมีปัญหาจะต้องเริ่มถ่ายใหม่ ซึ่งนั่นหมายถึงการจูบและตบใหม่
สมรไม่อยากจะต้องเป็นฝ่ายฟาดมือไปที่หน้าใสๆ ของมินตรา หากคัทบ่อย ใบหน้ามินตราคงบวมฉึ่ง ในเมื่อมินตราเป็นผู้เสนอให้ตบจริง แล้วมีหรือเธอจะกล้าตุกติก ทั้งยังอยากให้ซีนนี้จบลงไวๆ
"ขอบคุณนะคะ ที่เล่นเต็มที่" ระหว่างความวุ่นวายในกองถ่ายละครหลังจากซีนนั้นจบลง มินตราก็เอ่ยทักทายสมรบ้าง เพราะหล่อนเอาแต่หลบหน้า หลีกเลี่ยงที่จะคุยกันแบบตรงๆ มินตราจึงต้องหาลู่ทางชวนคุยแบบที่สมรปฏิเสธไม่ได้
"ป้ามือหนักทำหนูเจ็บหรือเปล่า"
มินตราเพียงส่ายหัวเป็นคำตอบ "เจ็บแค่นี้มินท์ทนได้ค่ะ เพราะไม่งั้นปากคุณป้าเปื่อยแน่"
อยู่ๆ ใบหน้าสมรก็ขึ้นสี ก็เพราะมินตรากำลังพูดถึงซีนตบจูบแบบต่อเนื่อง เป็นซีนที่ได้ใจแฟนคลับ แต่ก็เล่นเอานักแสดงต้องหนักใจ
"พารัก คืนฝัน ซีนสาม เทคหนึ่ง แอ็คชั่น! "
'ขอโทษค่ะ หญิงขอโทษ'
พราวฟ้า ประคองหน้ากิ่งแก้วที่กำลังมีน้ำตา
แน่นอนว่าพอสั่งแอคชั่น สมรก็ปล่อยน้ำตาให้ร่วงแหมะได้อย่างสมใจผู้กำกับ
'หญิงจะทำทุกอย่างตามคุณพี่กิ่งแก้วค่ะ แต่อย่าร้องไห้เลยนะคะ'
กิ่งแก้วเงยหน้าขึ้นมองพราวฟ้า ทั้งยังพยายามจะหลบหน้าอีกครั้งเพราะไม่อยากให้คนตรงหน้าเห็นว่าเธอเป็นคนแก่ขี้แย แถมยังรู้สึกเขินอายกับสายตาที่ส่งมา
'อย่าหลบหน้ากันสิคะ'
ไม่บอกเปล่า ยังขยับหน้าเข้าใกล้ พร้อมช่วยใช้นิ้วปากน้ำตา
'แต่ถึงยังไง หญิงจะไม่ยอมแพ้เรื่องของเราหรอกนะคะ'
กิ่งแก้วจึงเงยหน้าขึ้นมองพราวฟ้าแบบไม่คิดหลบสายตา
'อย่ายอมแพ้นะคะ'
ใจหนึ่งก็ต้องรักษาหัวใจดวงน้อยๆ ของคนตรงหน้า แต่อีกใจหนึ่งก็ต้องส่งเสริมไม่ให้มีจุดด่างพร้อยในฐานะคนดูแล ความรู้สึกที่ขัดแย้งกันอยู่ภายในใจ กำลังทุบตีในเธอเจ็บปวด และต้องเลือกระหว่างความรักและความถูกต้อง และแน่นอนว่า กิ่งแก้วต้องเลือกความถูกต้อง
สายตาของทั้งสองสอดประสานกัน พราวฟ้าเคลื่อนหน้าใกล้กิ่งแก้วมากขึ้น หวังจะจูบมอบความเพื่อปลอบโยน
สมรในบทกิ่งแก้วเองก็ต้องใช้ความคิดอย่างหนัก แต่มันก็ทำให้เธอนอกบทอีกครั้ง เมื่อต้องสบสายตากับมินตรา ที่กำลังสวมบทบาทพราวฟ้า แต่เธอกำลังคิดว่าคนตรงหน้าคือมินตรา และเธอก็แพ้สายตาแบบนั้น
"คัทททททททท! "
ผู้กำกับสั่งคัท เพราะอารมณ์ของนักแสดงไม่สมจริง ทั้งสมรยังเอาแต่ถอยหนีมินตราอีก
"ขอโทษค่ะ" ซึ่งสมรเองก็รู้ตัวดี เธอเอ่ยขอโทษผู้กำกับอย่างหัวเสียกับตัวเอง ที่ไม่ได้ดั่งใจ
"ไม่เป็นไรครับๆ อีกรอบ"
อีกรอบในที่นี้คือเริ่มตั้งแต่บทพูดใหม่ และร้องไห้ใหม่ เพราะเขาต้องการอารมณ์ที่ต่อเนื่อง
"พารัก คืนฝัน ซีนสาม เทคสอง แอ็คชั่น! "
"คัททททททท! ""คัททททททท! "
"คัททททททท! "
"คัททททททท! "
และอีกหลายครั้งแบบนับไม่ถ้วน เพราะสมรยังคงแสดงแบบเดิม
"ขอคุยด้วยหน่อยครับคุณสมร" ผู้กำกับเองก็เครียดไม่แพ้นักแสดง จึงต้องขอคุยแบบส่วนตัวสมรเองก็ได้แต่คอตก อย่างโมโหตัวเอง
"ไม่ต้องหรอกค่ะ มิ้นท์จะคุยเอง" มินตรารีบขวางไว้ทันที
"ให้นักแสดงคุยกันเองมันดีหว่าไม่ใช่เหรอคะ" เธอรีบเสนอ "ขอเราอยู่ลำพัง แต่ว่า.." มินตราเดินเข้าใกล้เขาเพื่อกระซิบบางอย่าง
"อ่ะ ก็ได้" เมื่อได้ยินข้อเสนอของมินตราเขาจึงยอมแบบไร้เงื่อนไข ก่อนจะเรียกทีมงานทุกคนออกจากห้อง
สมรพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะนั่งลงที่ปลายเตียง "ขอโทษนะ ป้าเป็นตัวถ่วงให้ทุกคน"
"ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว ไม่มีใครเพอร์เฟค" พร้อมกับนั่งข้างสมรที่เอาแต่ก้มหน้า ไม่คิดสบตาเธอสักนิด
ปล่อยให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ จะได้ยินก็เพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศ
"งี่เง่านะ" แต่จู่ๆ สมรก็เอ่ยขึ้นมาก่อน พร้อมหันไปสบตาคนข้างๆ
"หืมม มิ้นท์เป็นคนแบบนั้นเหรอคะ"
"ป้าหมายถึงคุณหนูพราวฟ้าน่ะ" เธอหมายถึงบทบาทของพราวฟ้า นางเอกในเรื่องที่แแสดงโดยมินตรา "อารมณ์ร้อน ทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโต แล้วยังไม่มีเหตุผลอีก" เธอเอ่ยออกมาอย่างผ่อนคลาย
"แค่รักกันก็เป็นเหตุผลแล้วไม่ใช่เหรอคะ"
"พื้นฐานความเป็นจริง รักอย่างเดียวมันกินไม่ได้หรอกนะ" เธอบอกออกมาตามตรง "พราวฟ้าเป็นลูกคนรวย มีหน้ามีตาทางสังคม จะให้มารักกับกิ่งแก้วที่เป็นแม่นมธรรมดา ไม่มีหัวนอนปลายเท้า คงจะอับอายไปทั่วพระนคร อย่างน้อยพราวฟ้าก็ควรรักษาเกียรติบุพการี" สมรพูดทีเล่นทีจริงจนทำให้มินตราเงียบลง
"ใจแข็งนะคะ"
"เอ๊ะ! ว่าป้ารึไง"
"มิ้นท์ว่าคุณพี่กิ่งแก้วค่ะ" บอกออกมาด้วยน้ำเสียงงอนๆ "ทั้งที่ตัวเองก็รักพราวฟ้ามากแท้ๆ แต่ก็เอาแต่ปฏิเสธ แถมยังไล่ให้ไปรักคนอื่นอีก"
"ก็คนอื่นเป็นคนที่เหมาะสมไง"
"เหมาะสมยังไงแต่ถ้าไม่รักซะอย่าง มันก็ไม่ใช่ความสุข ทำไมต้องห้ามใจตัวเอง การที่เห็นคนที่รักไปรักกับคนอื่น แบบนี้คือความสุขที่แท้จริงเหรอคะ"
"ดูเหมือนหนูมิ้นท์จะอินกับบทมากไปนะ" สมรเริ่มเหงื่อตก ก็คนตรงหน้าดันแสดงสีหน้าเอาเรื่องแบบนั้นออก
"ขอโทษค่ะ ที่เป็นแบบนี้ คงเพราะตรงกับชีวิตจริงมั้งคะ"
"หืมม อย่างหนูมิ้นท์เนี่ยนะ" เธอเอ่ยออกมาทีเล่นทีจริงเพื่อไม่อยากให้บรรยากาศตึงเครียด
"คุณป้าไม่รู้สึกแบบนั้นเหรอคะ ไม่รู้สึกว่าตัวเองเสียสละเกินไปเหรอคะ"
"ไม่หรอก คิดดีแล้วถึงทำน่ะ" สมรรู้ดีว่ามินตราหมายถึงเรื่องใด เธอจึงต้องทำเป็นมั่นใจกับสิ่งที่ทำลงไป "ชีวิตคนเราไม่เหมือนในละครนะ ที่จะสมหวังไปทุกเรื่อง ขนาดนางเอกของเรื่องนี้ยังไม่สมหวังเลย"
เธอพูดโดยอ้างอิงจากเรื่องจริง ซึ่งตอนจบของละครเรื่องนี้ ไม่ใช่แฮปปี้เอ็นดิ้ง
มินตราได้ยินแบบนั้นก็ยืดตัวตรง "งั้น.. เรามาตั้งใจทำงานที่เรารักกันเถอะค่ะ" เพราะหากยิ่งยืดเยื้อ จะทำให้บรรยากาศยิ่งหน้าอึกอัด แถมจะกินเวลางานของทุกคน
"อืมม ดีเลย" สมรเองก็คิดแบบเดียวกัน ก็พวกเธอดันเอาเวลามาพูดจาไร้สาระเสียอย่างงั้น แทนที่จะตั้งใจจริงจังกับการละลายพฤติกรรม
"มิ้นท์ขอให้ทุกคนออกจากห้อง เพื่อจะได้ถ่ายฉากนี้ โดยมีแค่เราสองคนค่ะ"
"หืม.. แบบนั้นก็ได้เหรอ"
"คุณป้าเห็นกล้องสามตัวนั้นมั้ยคะ" มินตราชี้ไปที่กล้องที่ตั้งอยู่ภายในห้อง ที่มีทั้งในมุมสูง ใกล้ และไกล "เราจะแสดงต่อหน้ากล้อง โดยไม่มีคนอื่น แค่ฉากเลิฟซีนอย่างเดียว" บอกแค่นั้นก็ดึงสมรให้ลุกขึ้นตาม พร้อมช่วยจัดท่าทาง และเดินไปปรับตำแหน่งกล้องทุกตัวให้ได้องศาอย่างชำนาญ
"แบบนี้ก็ได้เหรอ" สมรเองไม่มั่นใจกับข้อเสนอของมินตรามากนัก กลัวจะออกมาแย่กว่าเดิม
"ได้ค่ะ มิ้นท์จำเทคนิคนี้มาจากหนังดังๆ ของต่างประเทศ เลยอยากมาลองใช้ดู" มินตราเดินกลับมายืนตรงหน้าสมร "มันจะช่วยให้นักแสดงกล้าปล่อยอารมณ์ออกมาได้อย่างเต็มที่โดยที่ไม่อายค่ะ"
สมรเริ่มคิดตาม ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย
"แต่ว่า.. ที่เคยเห็น มีแต่ซีนอารมณ์ ยังไม่มีเลิฟซีนนะคะ"
สมรจึงหัวเราะออกมาเพราะใบหน้าแสนจะมั่นใจเมื่อครู่ดันแปรเปลี่ยนเป็นกังวลแทน "ถ้าทำไม่ได้คงเสียหน้าแย่เลยสินะ" พร้อมเอ่ยแซว
"ค่ะ อุส่ารับปากกับผู้กำกับไว้" มินตราเริ่มมีสีหน้าละห้อย
"โถ.. น่าสงสารจริงเชียว" บอกแบบนั้นอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะยื่นนิ้วไปจิ้มที่หัวคิ้วของมินตรา เพราะตอนนี้มันขมวดเป็นปมจนนึกเอ็นดู "บอกแล้วไง ว่าอย่าทำหน้าแบบนี้ จะดูไม่สวยเอา"
'หมับ' จู่ๆ นิ้วของสมรก็ถูกรวมจับไว้แทน
"ถ้าคุณป้าไม่กล้ามองตามิ้นท์ ก็มองมาที่ปลายจมูกก็ได้ค่ะ" อยู่ๆ มินตราก็ดันเปลี่ยนโหมดเข้าเรื่องงานเสียอย่างนั้น จนสมรตามไม่ทัน "เวลาที่มิ้นท์ต้องเข้าฉากกับพระเอก มิ้นท์ก็มองที่ปลายจมูกพวกเขาค่ะ มันช่วยให้มิ้นท์ไม่เขิน แล้วก็ไม่ล่อกแล่กด้วยค่ะ"
"เทคนิคเยอะนะ" ไม่วายเอ่ยแซวคนตรงหน้า ก่อนจะเหล่มองที่มือมินตรา "ป้าพร้อมแล้ว ปล่อยนิ้วเลย" พร้อมต้องปรามบ้าง ก็เอะอะ มินตรามักจะจับเนื้อจับตัวเธอ
มินตรายอมปล่อยนิ้วสมรอย่างจำยอม "งั้นพร้อมนะคะ คิดว่ามิ้นท์เป็นพราวฟ้า และพราวฟ้าคือคนที่คุณพี่กิ่งแก้วรัก"
เทคนิคการแสดงแบบนี้ สมรเองก็ไม่ได้รู้น้อยไปกว่ามินตราเลย แต่เลิฟซีนที่ต้องมองตา เธอดันควบคุมตัวเองไม่ได้ ยิ่งเป็นคนตรงหน้าแล้วด้วย
ทีแรกก็จ้องมองที่ปลายจมูก แต่พอความเงียบและอารมณ์ของตัวละครเข้าสิงร่างก็พลันปล่อยให้สายตาไปสอดประสานกับคนตรงหน้า มันจึงทำให้สมรสมาธิแตกกระเจิง
"พารัก คืนฝัน ซีนสาม เทคยี่สิบเอ็ด แอ็คชั่น! " มินตราทำหน้าที่เป็นผู้กำกับและยังให้สัญญาณ
พราวฟ้าประคองหน้ากิ่งแก้วเข้ามาใกล้ พร้อมส่งสายตาสอดประสาน จนรู้สึกถึงความใกล้ชิดด้วยลมหายใจแผ่วเบา
ความตื่นเต้นที่มีของสมรถูกสลัดทิ้งไป นั่นคงเพราะเมื่ออยู่ลำพังแบบสองต่อสอง ปราศจากทีมงาน เธอสามารถแสดงความปรารถนาที่แท้จริงของกิ่งแก้วออกมาได้อย่างเต็มที่
ริมฝีปากบางของกิ่งแก้วเผยอออกเล็กน้อยเพื่อรอรับสัมผัสของพราวฟ้า และทันทีที่ริมฝีปากนุ่มๆ ของพราวฟ้าประทับลงมา กิ่งแก้วก็ปิดเปลือตาลง ทั้งสนองสัมผัสของพราวฟ้าด้วยการจูบตอบอย่างไม่ลังเล เป็นจูบที่ทำให้เคลิบเคลิ้มจนไม่อาจผลักไสหรือหยุดมันได้ง่ายๆ ต่างจากซีนตบจูบก่อนหน้า
มือของพราวฟ้าที่กุมใบหน้ากิ่งแก้วอยู่นั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนลงไปข้างต้นคอเพื่อจะดึงรั้งคนตรงหน้าให้เข้าใกล้ขึ้นอีกด้วยอารมณ์อัดอั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเข้าถึงอารมณ์ของพราวฟ้าได้เป็นอย่างดี หรือว่าเป็นตัวตนของมินตราเองที่จงใจมอบรสจูบที่น่าประทับใจให้กับสมร
สมรเองก็รู้สึกเข้าถึงอารมณ์ที่มินตราส่งให้เป็นอย่างดี มือที่เคยทิ้งข้างลำตัว ต้องยกขึ้นมาจับเอวคนตรงหน้า เพื่อประคองไม่ให้ร่างกายที่อ่อนระทวยและล้มลง จูบที่โหยหากันและกันของนักแสดงกำลังจะต้องจบลง เพราะหนึ่งคนอยากจะหยุดมัน สมรกำลังจะขาดอากาศหายใจจนต้องแอบบีบเอวคนต้องหน้า มินตราจึงจำต้องยอมผละออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะสบประสานสายตากันอีกครั้ง ในฐานะนักแสดงที่ต้องเล่นไปตามบท
"มิ้นท์รักคุณป้าค่ะ" มินตราบอกออกมาโดยไร้เสียง แต่มันก็พอให้สมรได้เดาออก เพราะความใกล้ชิด
สติสัมปชัญญะของสมรกลับมาทันที รู้แน่แล้วว่าที่มินตราทำกับเธอไม่ใช่เพราะอารมณ์ของพราวฟ้า แต่ด้วยความปรารถนาของมินตราเอง เธอผละออกจากการเกาะกุมของมินตราทันที ก่อนจะหันหลังให้ "ป้าว่าคงใช้ได้แล้วแหละ ไม่ต้องถ่ายใหม่" สมรรีบออกจากห้องนั้นอย่างไม่คิดหันกลับไปมอง
เป็นอันจบซีนสำคัญของวัน ไม่ต้องถามถึงความสมบูรณ์แบบของการแสดง เพราะคำตอบคือไร้ที่ติ ทั้งผู้กำกับและทีมงานต่างพากันชื่นชมเป็นเสียงเดียว หลังจากจบงานในวันนี้ สมรก็รีบกลับทันทีโดยไม่ได้ร่ำลานักแสดงร่วม เพราะเธอจงใจจะหนีงานเลี้ยงในยามค่ำคืน
สมรเปิดประตูเข้าบ้านตัวเองในยามค่ำคืนเหมือนเช่นทุกวัน แต่วันนี้มีอย่างหนึ่งที่ไม่เหมือนเดิม คือแขกพิเศษ
นั่นคือ นิรา แฟนตัวเล็กของลูกสาว ทั้งคู่มีปากเสียงกัน เธอจึงยื่นมือเข้าช่วยแบบเสียไม่ได้ ด้วยการให้ที่พักชั่วคราว ก็ใครจะปล่อยให้สาวน้อยถูกทิ้งแบบไร้ที่ไปแบบนั้น
เธอหยิบยื่นเรื่องเงิน ที่พัก รวมทั้งอาหารมื้อดึก
นิรา นั่งทานอาหารลำพังอยู่ภายในห้องอาหารได้ไม่กี่คำ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งตรงมาทางเธอ จนต้องลุกขึ้นยืนเพราะรู้สึกถึงการมาของเจ้าของบ้าน นั่นเพราะเสียงที่ได้ยินดูรีบร้อนจนตกใจ
"อยู่ที่นี่ก่อนนะหนู เดี๋ยวป้ามา" เป็นสมรที่เอ่ยคำนี้ออกมาก่อนด้วยหน้าตาตื่น นิราเองก็ทำได้เพียงกลับลงไปนั่งหน้าจานอาหารดังเดิม ไม่คิดถาม กลัวจะเสียมารยาท ทั้งเธอยังไม่ได้ไว้ใจคนตรงหน้ามากนัก หากคิดมีคำถามกับสมร อาจจะเป็นภัยแก่ตัว
"มาทำไม" เสียงนี้ออกจากปากสมร หลังจากประตูรั้วถูกแง้มเปิด แต่มันก็เปิดออกเพียงนิดเดียวให้เห็นเพียงแค่เสี้ยวหน้า ราวกับกลัวว่าคนด้านนอกจะบุกเข้ามาทำร้ายกัน
"ขอมิ้นท์เข้าไปได้มั้ยคะ" มินตราที่ยืนเกาะขอบรั้วรีบบอกทันทีด้วยสีหน้าน่าสงสาร
วันนี้อาการของมินตราดูไม่ปกติ และไม่เหมือนเดิม สมรรู้สึกได้แบบบนั้น และถ้าจะให้เดา มินตราคงจะดื่มมา
"มันดึกมากแล้วนะ ป้าอยากพักผ่อน มีเรื่องอะไรไว้ค่อยคุยกันในเวลาที่สะดวกกว่านี้"
"แต่มิ้นท์อยากคุยตอนนี้ค่ะ ให้มิ้นท์เข้าไปนะคะ"
"ไม่ได้จ้ะ" สมรเองก็ยืนยันเสียงแข็ง ทั้งยังกอดอกแน่น และส่งสายตาดุๆ ให้อีก
"ถ้าไม่ให้เข้าไปดีๆ มิ้นท์จะปีนรั้วค่ะ" มินตราดื้อดึงกว่าเดิม
"ดี งั้นก็ปีนเข้ามานะ" บอกแค่นั้นก็กดปิดรั้วอย่างไม่คิดหันไปใส่ใจ
"มิ้นท์จะปีนจริงๆ นะคะ"
ไม่วาย มินตรายังตะโกนข้ามรั้วมาอีก นั่นทำให้สมรส่ายหัวกับพฤติกรรมดื้อดึงแบบนั้น ก็เป็นถึงนางเอกดัง หากมาเที่ยวปีนเข้าบ้านคนอื่นมั่วซั่วในยามวิกาลแบบนี้ คงจะเป็นข่าวโด่งดังแน่ สมรจึงไม่กังวลกับคำขู่ของมินตรา หันหลังเดินกลับเข้าบ้านดังเดิม
ทันทีที่เข้ามาภายในบ้านก็เห็นนิรานั่งอยู่บริเวณรับแขก
"มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่าคะ" ถามขึ้นทันทีที่เห็นร่างของสมรเดินเข้ามา อย่างน้อยเธอก็เป็นคนอาศัยคนหนึ่ง หากเจ้าของบ้านมีเรื่องไม่สบาย เธออาจจะช่วยรับฟัง เพื่อให้คลายความกังวล ก็อย่างน้อยการได้ระบายออกมาก็ดีกว่าเก็บไว้คนเดียว
สมรปรับสีหน้าเป็นยิ้มแย้มทันทีอย่างต้องการจะกลบเกลื่อน "หืมม อย่างป้าเนี่ยนะจะมีเรื่องไม่สบาย" เธอเดินเข้าไปใกล้ "หนูขึ้นไปอาบเถอะ จะได้รีบนอน ป้าเตรียมห้องไว้ให้แล้ว อ้อ.. ส่วนเรื่องเงิน พรุ่งนี้ป้าจะจัดการให้"
"ขอบคุณค่ะ" บอกแค่นั้นก็ลุกขึ้นยืน
"ไม่ต้องห่วงนะ" เธอเห็นสีหน้านิราดูเกรงอกเกรงใจ จึงยื่นมือไปสัมผัสที่หัวไหล่ "ไม่ต้องเกรงใจด้วย ที่ลูกป้าทำกับหนู ป้าจะช่วยรับผิดชอบให้เอง ดังนั้นไม่ต้องคิดมาก พักผ่อนให้สบายใจ คิดซะว่าที่นี่เป็นบ้านตัวเอง จะอยู่นานเท่าไหร่ก็ได้" ทั้งยั้งช่วยดันไหล่ ให้เดินไปตามโถงยาว เพื่อจะขึ้นห้องนอนชั้นสอง
'ปั้ง ปั้ง ปั้ง' เสียงทุบประตูหน้าบ้านเรียกความสนใจให้ทั้งสองต้องหันไปดู
ทั้งยังตามด้วยเสียงของมินตราที่ตะโกนแว่วเข้ามา "มิ้นท์เข้ามาได้แล้วนะคะ เหลือแค่คุณป้าเปิดประตูให้" เธอบอกแบบนั้นและจงใจรัวทุบประตูอีกหลายที
สมรเริ่มสีหน้าถอดสี หันมาสบตากับนิรา เธอกลัวว่าเด็กสาวตรงหน้าจะรู้เรื่องลับๆ ของตนเองและมินตรา รวมถึงกลัวว่ามินตราจะรู้ว่าภายในบ้านนี้ ตอนนี้ เธอไม่ได้อยู่คนเดียว
"นั่นคุณมิ้นท์ใช่มั้ยคะ" นิราถามตาแป๋วก็เพราะทั้งเสียงที่คุ้นเคย และการแทนชื่อตัวเองแบบนั้น
"เอ่อ.. คงจะมีเรื่องสำคัญแหละเนอะ ถึงมาเอาป่านนี้" แสร้งบอกออกไป ทั้งยังส่งยิ้มแหยๆ ให้ "ป้าว่าหนูรีบขึ้นไปพักผ่อนเถอะ ขวามือห้องแรกนะ" สมรพยายามตัดรอนคนตรงหน้า การที่ทั้งคู่ต้องเจอกันคงจะไม่ดีแน่ จึงต้องเก็บนิราไปก่อน
และเมื่อเห็นว่านิราขึ้นบ้านไปแล้ว สมรจึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะหันไปค้อนใส่หน้าประตูที่กำลังเกิดเสียงดัง จากคนด้านนอก นั่นคือมินตรา ที่เอาแต่รัวทุบไม่หยุด
"เด็กกวนประสาท!" เธอบ่นออกมาอย่างคาดโทษ ก่อนจะรีบสาวเท้าไปหาตัวต้นเหตุ