#วันจันทร์สีชมพู 7

984 Words
#วันจันทร์สีชมพู 7 เรื่องใหญ่เกิดขึ้นจนได้ เมื่อพี่สะใภ้ป่วยกะทันหันทั้งท้องเสียแล้วอาเจียนในตอนเช้าหลังจากทานมื้อเช้าไป เฮียไชน์ถึงกับกุมขมับเพราะหลานคนหนึ่งอยู่กับฉันส่วนอีกคนก็งอแงจะมาหาพี่ชาย พี่สะใภ้ก็ต้องไปหาหมอ ฉันรีบสรุปเรื่องราวให้เฮียเก็บเสื้อผ้าของหลานใส่กระเป๋าและรีบมาส่งหลานที่ร้านจากนั้นค่อยรีบพาพี่สะใภ้ไปโรงพยาบาล ไม่รู้ว่าพี่สะใภ้แพ้อะไรถึงมีอาการแบบนั้น คิดแล้วก็เป็นห่วงอยู่ไม่น้อย “ซีน หิวไหมครับ กินอะไรหรือยังลูก” ฉันถามซีนที่ตอนนี้นั่งกอดแขนพี่ชายนิ่ง ๆ บนโซฟา คงจะงอนที่ซีมาหาฉันตอนเช้าแล้วทิ้งให้ตัวเองนอนอยู่บ้านนั่นแหละ “หนูไม่หิวครับ” “วันนี้มีใครอยากทำขนมกับอาไหมนะ?” “ทำ!!” สองแสบชูมือพร้อมกัน จากที่ซีนงอน ๆ อยู่ก็เริ่มตื่นเต้น ซีเองที่ตื่นเต้นไม่ต่างจากน้องชาย เอาเป็นว่าเราจะเริ่มทำขนมกันแล้วล่ะแต่เหมือนจังหวะที่จะพาหลานเข้าครัวต้องชะงักไปเมื่อลูกค้าที่เข้าร้านมาเรื่อย ๆ ต่างเอ็นดูแวะเวียนมาถ่ายรูปกับหลานชายฉันอย่างตื่นเต้น อย่างกับแมวกวักเลยล่ะหลานฉันตอนนี้ รออยู่นานเมื่อไม่มีคนถ่ายรูปฉันจึงพาหลานไปทำขนมที่ห้องครัวหลังร้าน “กดแบบนี้นะครับ ระวังอย่ากดมือตัวเองไปกับพิมพ์นะลูก” ฉันสอนหลานกดพิมพ์ลงบนแป้งคุกกี้ที่ฉันเตรียมไว้ สองตัวแสบต่างกดพิมพ์อย่างขยันขันแข็ง บอกว่าจะทำไปให้พ่อกับแม่เขากินกันน่ะ น่าเอ็นดูมาก ๆ เลย ฮื่อ หลานใครกันทำไมน่ารักแบบนี้ “คุณวันจันทร์คะ มีคนมาหาค่ะ” เสียงพนักงานในร้านเอ่ยเรียกเมื่อฉันหายเข้ามาภายในโซนอบขนมนานหลายนาที “ใครคะ?” “คุณหมอพิงก์ค่ะ” “อ๋อ นกมาดูขนมให้พี่หน่อยนะ” “ได้ค่ะ” “สองแสบปะ เราไปล้างมือกัน ถ้าเสร็จแล้วพี่นกจะเรียกพวกเราเข้ามาแต่งหน้าคุกกี้เอง” “ครับ!” ใช้เวลาไม่นานก็ล้างมือเช็ดมือเสร็จ เมื่อออกมาข้างนอกก็เจอกับคุณหมอนั่งรออยู่ที่โซฟาที่ถูกจัดไว้ให้ลูกค้านั่ง รวมถึงรอบ ๆ ร้านที่มีลูกค้านั่งจับจองที่กันจนเต็มทุกที่ ซึ่งแปลกมากเพราะเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ลูกค้าจะมานั่งเยอะอ่ะ ไม่ว่าวันนี้จะเป็นวันอะไรลูกค้าจะเยอะเวลาเดิมนั่นคือสี่โมงเย็นไปจนถึงร้านปิดแต่นี่เพิ่งจะเที่ยงครึ่งเอง แปลกมาก ๆ “มีอะไรหรือเปล่าคะคุณหมอ” ฉันถามด้วยความสงสัยทันทีหลังจากที่เดินออกมาจนถึงโซนร้านที่ใช้รับรองลูกค้า อีกอย่างเขาก็มารอสักพักแล้วด้วยกลัวจะมีเรื่องด่วนอะไร “เปล่าครับ เที่ยงแล้วเลยจะมาชวนไปกินข้าว” ลืมไปเลย ว่ายังไม่ได้พาหลานไปกินข้าวเที่ยง “อ้อ ค่ะ แปบหนึ่งนะคะ” บอกคุณหมอที่มาชวนไปกินข้าวก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มาถือไว้จากนั้นก็เดินไปชวนหลานชายทั้งสองคนที่เกาะตู้กระจกใส ๆ มองดูเค้กในตู้อยู่ ด้านหลังเป็นลูกค้าที่มองมาแล้วยิ้มระคนเอ็นดูหลานตัวแสบทั้งสองคนของฉัน “ซี ซีน ไปกินข้าวกันครับ” “ซีอยากกินกุ้ง” “ซกินกินกุ้งด้วย” “ได้ครับ เดี๋ยวอาพาไป” “เดี๋ยวพี่อุ้มหลานให้” คุณหมอพิงก์ย่อตัวอุ้มซีนส่วนมืออีกข้างก็จับมือซีแล้วพาเดินออกจากร้าน เราไปกินมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ เป็นร้านที่ติดเครื่องปรับอากาศนับว่าดีมาก ๆ เลยล่ะ เพราะหลานฉันขี้ร้อนทั้งสองคนเลย อยู่กลางแดดนานเหงื่อท่วมตัวทันตาเห็น คงเหมือนเราสามพี่น้องที่ขี้ร้อนกันทุกคน ฉันสั่งอาหารไปสามสี่อย่างรวมถึงเครื่องดื่ม ระหว่างนั่งรออาหารหลานทั้งสองคนก็นั่งดูการ์ตูนที่ถูกเปิดจากโทรศัพท์เครื่องสวยของคุณหมอ ทั้งสามคนตั้งใจดูมากเห็นแล้วจนต้องยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้เลย นาน ๆ หลานจะนิ่ง พอนั่งไปสักพักเฮียไชน์ก็โทรเข้ามาอย่างกับรู้เวลาว่างของฉันและหลาน “ค่ะเฮีย ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง” (มีทั้งข่าวดีและไม่ดี) ปลายสายบอก “ยังไงคะ” (ซ้อเราอาหารเป็นพิษคาดว่าน่าจะเป็นเพราะเมื่อวานกินมะยงชิด) “แล้วเป็นยังไงบ้างคะ หมอว่าไง” (หมอให้ดูอาการต่อสักคืนก่อน ตอนนี้หลับไปแล้วล่ะให้น้ำเกลืออยู่) “ข่าวร้ายผ่านไป ข่าวดีล่ะคะ?” เอ่ยถามเฮียไชน์ต่อ มือก็ดึงทิชชูไปซับมุมปากให้หลานที่อ้าปากค้างเมื่อเห็นอาหารมาเสิร์ฟ เวอร์ไม่มีใครเกินจริง ๆ (เราจะมีหลานเพิ่มอีกคนแล้วนะ) “ฮะ? จริงเหรอ อีกคนจริง ๆ เหรอ” (ใช่ ที่กินของแปลก ๆ ไปเพราะแพ้ท้องนั่นแหละ เฮียก็เพิ่งมาสังเกต แต่ว่ายังไงคืนนี้ฝากหลานอยู่ด้วยทั้งสองคนเลยนะ ไหวไหม เฮียจะเฝ้าเมียที่โรงพยาบาล) “ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา บอกซ้อดูแลตัวเองดี ๆ นะคะ แล้วนี่จะมาบอกสองแสบเองไหม” (ครับ เดี๋ยวเฮียบอกเอง วางสายแล้วนะจะไปอวดม๊ากับป๊า) “ฮ่า ๆ ๆ ได้ค่า มีอะไรโทรมานะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD