#วันจันทร์สีชมพู 6
“น้องซี เชิญห้องตรวจที่สามค่ะ”
“ครับ!” ซีขานรับเสียงเรียกของพี่พนักงานต้อนรับ เราเดินจับมือกันไปจนถึงห้องตรวจที่มีหมายเลขสามติดอยู่ เปิดเข้าไปก็จะเป็นเตียงที่ถูกออกแบบเพื่อการใช้งานด้านทันตกรรมโดยเฉพาะ และมีเครื่องมืออะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด ซีบีบมือฉันแน่นเมื่อเราเดินเข้าไปในห้องตรวจ มีผู้ช่วยทันตะยืนเตรียมของอยู่ เธอมองหน้าฉันกับหลานแล้วส่งยิ้มให้เล็กน้อย
“ตัวเล็กขึ้นเตียงเลยค่ะ” ผู้ช่วยคนนั้นเอ่ยบอกซี ฉันอุ้มหลานไปนั่งบนเตียงตรวจแต่ยังไม่ได้ขยับไปไหนเมื่อหลานจับมือฉันแน่น คงจะกลัวนั่นแหละ ต่างจากก่อนหน้านี้ลิบลับเลย ฉันยืนให้หลานจับมืออยู่อย่างนั้น พยายามทำตัวให้เล็กที่สุดไม่ยื่นมือหรือแขนไปโดนอะไรในห้อง กลัวโดนดุนี่นา
“น้องชื่อซีใช่ไหมครับ...” เสียงทุ้มหนึ่งดังขึ้นฉันเงยหน้ามองก็พบว่าเป็นคุณหมอผู้ชายที่เพิ่งเข้ามาในคลินิกได้ไม่นานก่อนจะเรียกชื่อซีไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ
“ครับ หนูชื่อซี” ซีแนะนำตัวกับคุณหมอ คนเป็นหมอหัวเราะน้อย ๆ ก่อนจะเดินไปหยิบถุงมือมาสวม แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรมากกว่านั้น คนที่หายเข้าไปด้านในตั้งแต่พาซีไปส่งให้ฉันพร้อมกับบอกน้ำหนัก ก็เดินเข้ามาในห้องตรวจ ที่เดินไปมาได้สะดวกเพราะบริเวณด้านหลังห้องตรวจเปิดโล่งสามารถเดินผ่านไปมาหากันได้ทุกห้องตรวจ
“พลไม่ต้องเดี๋ยวทำเอง” คุณหมอพิงก์เอ่ยบอกคุณหมอที่กำลังจะสวมถุงมือเพื่อตรวจซี
“เคสนั้นเพิ่งเสร็จนี่”
“ใช่ แต่เดี๋ยวดูเคสนี้เอง”
“อะไรกัน งงนะเนี่ย หรือว่า...” ท้ายประโยคคุณหมอคนนั้นเหล่ตามองฉันเล็กน้อยแล้วหันกลับไปมองคุณหมอพิงก์
“อย่าเยอะพล เดี๋ยวเขากลัว ไปดูเคสใหม่ได้แล้ว”
“ครับ ๆ คุณหมอพิงก์ เดี๋ยวกระผมจะดูเคสใหม่ครับ แต่ขอเงินเดือนเยอะ ๆ หน่อยนะครับ”
“แค่นี้ยังไม่เยอะอีกเหรอ?” คุณหมอพิงก์เอ่ยถามตามหลังคุณหมอคนนั้นไปพร้อมกับส่ายหน้าขำ
“ไงครับคนเก่ง กลัวไหม?” คุณหมอพิงก์เอ่ยถามซีพลางเดินไปหยิบถุงมือมาสวม
“กลัวครับ”
“อาหมอทำไม่เจ็บหรอกนะครับ ซีบ้วนปากด้วยยาฆ่าเชื้อก่อนนะครับ เสร็จแล้วบ้วนลงที่อ่างข้าง ๆ นะ พี่ครับเอายาให้น้องหน่อย” ซีรับแก้วมาจากพี่ผู้ช่วย พอบ้วนปากเสร็จก็นั่งรอ
“ซี อาต้องปล่อยมือก่อนนะ เดี๋ยวอาจะยืนใกล้ ๆ หนูไม่ต้องกลัวนะ” ฉันบอกหลานเสียงนุ่ม มือข้างหนึ่งยกลูบผมอย่างเอ็นดู เด็กที่พูดจาเจื้อยแจ้วก่อนหน้านี้หายไปแล้วเหลือแต่เด็กชายขี้กลัว หึหึ น่าเอ็นดูจริงเชียว
“อาจะไม่แอบกลับใช่ไหมครับ”
“ไม่ครับ อยู่จะยืนอยู่ตรงนี้ ใกล้ ๆ ซีเปิดผ้าออกจะเจออาเลย”
“ก็ได้ครับ”
“เดี๋ยวอาหมอจะชวนอามันเดย์คุยเองนะครับ ซีจะได้ยินเสียงอามันเดย์ด้วย ดีไหมครับ” คุณหมอพิงก์เสนอ
“ดีครับ!” นี่ก็เห็นดีเห็นงามไปกับเขาเสียหมดทุกอย่างจริง ๆ
“ซีนอนลงบนเตียงครับ อาหมอขอปรับเตียงหน่อยนะ” ฉันขยับออกมายืนห่างจากคุณหมอ กลัวจะขวางการทำงานของเขา คุณหมอหยิบผ้าคลุมสีม่วงคลี่คลุมหน้าเล็กของซีไว้ เหลือเพียงช่องปากเท่านั้น
“ทำไมไม่มีเสียงอามันเดย์เลยครับ” คนตัวเล็กเริ่มท้วงเมื่อฉันยังเงียบ
“อายังอยู่ครับ หนูไม่ต้องกลัวนะ”
“เอาละครับ อาหมอจะเริ่มชวนอามันเดย์คุยแล้วนะครับ ซีอ้าปากกว้าง ๆ นะครับ” คุณหมอเริ่มตรวจช่องปากของซีช้า ๆ อย่างไม่เร่งรีบ ฉันเองก็คอยยืนดูอยู่ไม่ห่างกลัวหลานจะงอแง แม้จะมั่นใจว่าหลานจะไม่เป็นแบบนั้นก็ตาม
“มันเดย์อายุเท่าไหร่นะ” เขาเริ่มชวนฉันคุยอีกครั้งเมื่อนึกขึ้นได้
“ยี่สิบสามค่ะ”
“เด็กกว่าผมตั้งสี่ปีเลย แล้วนี่เปิดร้านกาแฟนานหรือยังครับ”
“เพิ่งเปิดเมื่อสามเดือนที่แล้วเองค่ะ”
“ว่าอยู่ทำไมเพิ่งเคยเห็น” ระหว่างคุยกับฉันเขาก็ตรวจฟันซีไปด้วย เก่งมาก ๆ เลยล่ะ คุณผู้ช่วยที่ยืนอยู่ก็ยิ้มกริ่มเขินอายยังไงชอบกล
“แล้ววันนี้จะกลับกี่โมงครับ”
“น่าจะดึกหน่อยค่ะ”
“รอผมด้วยได้ไหม วันนี้ผมเลิกสองทุ่มเดี๋ยวไปหาที่ร้าน”
“ติดรถกลับด้วย?” ฉันถาม
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ”
“ก็ได้ค่ะ”
“อ่า เจอฟันผุหนึ่งซี่นะครับ ยังไม่เยอะมากอุดไว้ก่อนไหม?” หลังจากตรวจเสร็จคุณหมอก็ให้ซีลุกนั่งและบ้วนปากอีกครั้ง
“อุดเลยก็ได้ค่ะ ซีครับหนูมีฟันผุนะ อาจะให้คุณหมออุดให้หนูเลยนะครับ”
“เจ็บไหมครับ?” ประโยคคำถามนั้น ซีหันมาจ้องคุณหมอ ดวงตาวาวของหลานทำให้ฉันอยากจะเข้าไปอุ้มหลานแล้วพาวิ่งกลับบ้าน ไม่ไหวเลย ใจคนเป็นอามันเจ็บเมื่อเห็นหลานกลัว
“ไม่ครับ อาหมอจะทำเบา ๆ นะครับ อยากให้อามันเดย์มาจับมือไว้ตอนทำไหม”
“ครับ จับมืออามันเดย์” หลานยืนยัน คุณหมอเลยสั่งให้พี่ผู้ช่วยหาเก้าอี้มาให้ฉันนั่งและจับมือหลานชายไว้ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็เริ่มอุดฟันให้กับซี ใช้เวลาอยู่นานพอสมควรกว่าจะเสร็จ ซีงอแงบอกว่าเมื่อยปากตอนที่คุณหมอบอกให้อ้านาน ๆ แล้วยังทำท่าปวดกรามให้ดูอีกด้วย ทำเอาคุณหมอกับผู้ช่วยหัวเราะไปตาม ๆ กัน
“เย็นนี้รอก่อนนะครับ เดี๋ยวกลับพร้อมกัน”
i
“ค่ะ”
“เดี๋ยวหมอเดินไปส่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ใกล้ ๆ เอง ทำงานเถอะ ไปครับซีลาคุณหมอกับพี่ ๆ หรือยัง”
“ซีไปแล้วนะครับ สวัสดีครับ บ้ายบายครับ”
mage