#วันจันทร์สีชมพู 3

839 Words
#วันจันทร์สีชมพู 3 “พี่ซีลูก อาจะล้ม” ฉันบอกหลานเจือเสียงขบขัน และยิ่งไม่กล้าขยับเมื่อซีนเด็กชายวัยสามขวบเดินเตาะแตะมากอดขาอีกข้างของฉันไว้ ทั้งสองหัวเราะเอิ้กอ้าก อย่างสนุก ฉันก็ดุไม่ลงหัวเราะไปกับความน่ารักของหลานทั้งสองคน “มาลูก ให้อานั่งก่อน” เฮียเดินเข้ามาอุ้มลูกคนเล็กไปฉันย่อตัวอุ้มซีแล้วพาเดินไปนั่งที่โต๊ะขืนยืนนานกว่านี้ได้ล้มจริง ๆ แน่น “อาวันจันทร์ อามันเดย์ ซีต้องเรียกอะไรอะครับ” ซีเอียงหน้าถามอย่างสงสัย พี่สะใภ้หัวเราะเบา ๆ กับความขี้สงสัยของลูกชายตัวเอง “เรียกอามันเดย์ก็ได้ครับ เพราะหนูคือคนพิเศษของอา” ฉันหยิกแก้มหลานชายด้วยความมันเขี้ยวหนึ่งทีเบา น่ากัดมากไอ้เจ้าแก้มกลมของอา “ได้ครับอามันเดย์” “หิวหรือยัง ไปกันเลยไหมเดี๋ยวจะดึก” “ได้ค่ะ” ร้านส้มตำไก่ย่างอาหารอีสานแซ่บ ๆ เป็นร้านประจำของเรา หลานตัวน้อยชอบไก่ย่างร้านนี้มาก ฉันเองก็ชอบ เธิร์สเดย์ก็ชอบ แต่วันนี้เธิร์สเดย์มาไม่ได้เพราะมีซ้อมแข่ง เดี๋ยวฉันจะกินเผื่อเองนะ และเมนูสุดฮิตของเราถูกสั่งไปแล้วเรียบร้อย ระหว่างนั่งรอก็คุยเล่นกันไปเรื่อยเปื่อย เสียงหลานชายถามนั่นถามนี่เจี๊ยวจ๊าวไปหมด ตอนนี้เริ่มจะปวดหูนิดหน่อยแล้วล่ะ “อามันเดย์ครับ” “ครับลูก ว่าไง” ฉันก้มหน้ามองหลานชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กำลังแกว่งขาไปมาอย่างน่ารัก รวมถึงแววตาที่ดูสนอกสนใจนั่นด้วยที่ทำให้อดที่จะเอ็นดูไม่ได้ “พรุ่งนี้ซีไปหาอาได้ไหมครับ ซีจะอยู่กับอาทั้งวันเลย” “พรุ่งนี้วันอะไรลูก หนูต้องไปโรงเรียนไม่ใช่เหรอ” “วันเสาร์ครับ นะครับ ซีอยากอยู่กับอา” คนตัวเล็กอ้อนด้วยท่าทีแสนน่ารัก “อยากอยู่กับอาหรืออยากมากินขนมกันนะเนี่ย” ฉันเอ่ยแซวอย่างรู้ทัน พอได้ยินแบบนั้นหลานชายก็หัวเราะลั่นเมื่อถูกจับทางได้ “งั้นพรุ่งนี้ให้พ่อมาส่งที่ร้านอานะครับ” “เย้!!” “งั้นฝากพาไปตรวจฟันที่คลินิกข้าง ๆ ด้วยนะ ไม่ยอมไปที่เดิมเพราะหมอดุ” “ได้ค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูพาไปเอง” มื้อเย็นเกือบจะดึกของเราผ่านไปอย่างเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความอร่อย ฉันแยกกับพี่ชายที่หน้าร้านอาหาร มุ่งตรงกลับคอนโดทันทีอย่างอ่อนเพลีย เมื่อถึงห้องก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนชุดพร้อมนอน พรุ่งนี้หลานจะมาหาแต่เช้า เวลามีวันหยุดหลานมักจะมาอยู่ด้วยทั้งวันไม่ก็มีพี่ชายของฉันมาอยู่มาเล่นด้วย หนักหน่อยก็จะมีทั้งเฮีย ทั้งเธิร์สเดย์มานั่งเฝ้าที่ร้าน กลัวฉันเหงาหรือกลัวฉันคิดมากก็ไม่รู้เหมือนกันนะ จังหวะที่กำลังจะเคลิ้มหลับ โทรศัพท์ที่วางอยู่ข้าง ๆ ก็ส่งเสียงเรียกเข้ามา ฉันค่อย ๆ ควานมือหาจนเจอและรับสายในทันที “สวัสดีค่ะ” (สวัสดีครับ ผมหมอที่อยู่คลินิกข้าง ๆ ร้านคุณนะครับ) หมอ? หมอไหนล่ะทีนี้ ฉันจำไม่ได้แล้วน่ะสิ “เอ่อ ขอโทษค่ะ จำไม่ได้” (ไม่เป็นไรครับ ที่หมอติดค่าเครื่องดื่มไว้ พรุ่งนี้หมอจะเอาไปให้นะครับ) อ๋อ หมอคนนั้นนั่นเอง “อ้อ ได้ค่ะ พรุ่งนี้ร้านเปิดคุณหมอเอามาให้พนักงานที่ร้านได้เลยค่ะ...” (แล้วคุณเข้าร้านกี่โมงครับ?) “อันนี้ไม่มั่นใจค่ะ ถ้าไม่เจอเรา คุณหมอจ่ายกับพนักงานได้เลยนะคะ” ฉันกลัวว่าเขาจะรอนานเพราะฉันเองก็ไม่รู้จะเข้าร้านตอนไหน อีกอย่างจ่ายกับใครก็ได้ทั้งนั้นแหละ ไม่จำเป็นต้องจ่ายกับฉันแค่คนเดียว (งั้น พรุ่งนี้ถ้าเข้าร้านช่วยโทรหาหมอหน่อยนะครับ) “อ่า แบบนั้นก็ได้ค่ะ” (ขอบคุณครับ จะนอนหรือยังครับ?) เขายังถามต่อ “กำลังจะนอนค่ะ” (งั้น...ฝันดีนะครับ) เอ่ยจบสายก็ถูกตัดไปทันที ได้แต่มึนงงกับการกระทำของปลายสาย “อะไรของเขากัน ไม่เห็นจะเข้าใจเลย” ฉันบ่นพึมพำตามหลัง หลังจากที่วางสายจากคุณหมอคลินิกข้าง ๆ เอาละ คิดอยู่นานก็ไม่ได้คำตอบ เอาละฉันไม่ควรคิดเรื่องน่าปวดหัวแล้ว นอนพักได้แล้วมันเดย์ พรุ่งนี้จะได้สดชื่นและมีแรงทำงาน คิดได้แบบนั้นก็รีบรั้งผ้าห่มมาคลุมร่างตัวเองไว้ก่อนจะหลับตาลงเบา ๆ สิ่งที่เป็นจุดยึดเหี่ยวให้ฉันคลายเรื่องทุกข์ใจหรือเศร้าหมองได้นอกจากครอบครัวก็การที่ได้นอนหลับพักผ่อนนี่แหละ ฉันคิดว่ามันเป็นวิธีการกลายเครียดอีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลดีเลยทีเดียวล่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD