“ ปีศาจ ปีศาจ…"
สองลูกสมุนตั้วหลงวิ่งแตกตื่นไปกลางสายฝน ปากร้องแลาแหกระเจิง หวาดหวั่นจนแทบช๊อกตาตั้งตายไปในอึดใจ
ที่แท้ทั้งคู่แอบมองสองหนุ่มสาวร่วมเสพสังวาสอยู่นอกกระท่อม เมื่อเห็นเหตุแปรเปลี่ยน ว่าพี่ใหญ่มันกลับกลายเป็นซากศพตายซาก พวกมันพลันวิ่งกระเซอะกระเซิงดั่งเห็นปีศาจจำแลง
กระทั้งพวกมันต้องมาสะดุดลงไปนอนกองกับพื้น เมื่อมีรูปเงาอ่อนช้อยสองสายโลดแล่นมาใช้ฝ่ามือกระแทกมันลงไปนอนกับพื้น
" เป็นปีศาจอันใด รีบบอกให้รู้ความ "
แม่นางชุดแดงสะบัดดาบพาดคอมัน แล้วตวาดถามด้วยความดุดัน
" ปีศาจจำแลงเป็นหญิงสาว มันกลืนกินพี่ใหญ่พวกเราไปแล้ว! "
สองศิษย์น้องของฟ่านอิงอิงล่วงรู้ทันใด ว่าปีศาจที่มันกล่าวถึงคือผู้ใด!...
เหยี่ยวเนตรคิมหันต์ขู่เข็ญพวกมันด้วยดาบคมกริบ ให้พาไปยังกระท่อมเกิดเหตุ แม้ทั้งคู่จะกลัวแสนกลัว แต่ก็ต้องยินยอมทำตามคำสั่ง เมื่อคมดาบกล้าสกิดคอมันจนมีเลือดไหลซึม
ใช้เวลาไม่นานทั้งสี่ก็เดินฝ่าฝนพร่ำมายังกระท่อมทรุดโทรม
และเมื่อสองสาวทะลวงหน้าต่างเข้าไป กลับพบเพียงซากศพแห้งกรัง ไร้เงาฟ่านอิงอิงแล้ว
" แย่แล้วเรามาช้าไปครึ่งก้าว ป่านนี้พี่ใหญ่เตลิดไปถึงไหนๆ แล้ว! "
...แม่นางชุดแดงขยี้เท้าเคืองขุ่น แวดเสียงด้วยโทสะจนลั่นกระท่อม
" พี่ใหญ่ยังคงไปไม่ไกลจากเมืองนี้หรอกพี่รอง "
น้องหงษ์น้อยที่ดูเยียบเย็นกว่า กล่าวด้วยอาการเรียบนิ่ง แววตาสุขุมครุ่นคิดราวบัณฑิตทรงปัญญา
" เหตุใดเจ้าคิดเช่นนั้นเล่า? "
" ท่านพี่จำไม่ได้รึ ว่าพี่ใหญ่กล่าวอาฆาตคุณชายลามกผู้นั้น นั่นอาจเป็นไปได้ว่าคุณชายผู้นั้นมีอะไรพิเศษ อาจมีบางสิ่งที่พี่มหญ่ปราถนา "
" เชอะ!...ชายต่ำทรามเข่นนั้นมีอันใดวิเศษ "
คิก คิก คิก…โฉมสะคราญในชุดขาวได้แต่หัวเราะขบขัน ที่เห็นอาการชิงชังผู้ชายไม่เคยเปลี่ยน สุดท้ายจึงเอ่ยตามต่อด้วยรอยยิ้มร่า
" ข้าพเจ้าว่าเราไปเฝ้ารอที่บ้านชายต่ำทรามคนนั้นเถิด ไม่ช้าไม่นานคงได้รู้ว่ามันมีอันใดวิเศษ "
" เอะ!... เจ้ารู้หรือว่าบ้านช่องมันอยู่ที่ใด? "
คิก คิก คิก หงษ์น้อยหัวร่ออีกครา ก่อนจะเบือนหน้าไปหาสองลูกน้องโจรที่นั่งตัวสั่นงันงกอยู่หน้าประตูกระท่อม
" ชายต่ำทรามนั้นแซ่เกา ดูจากอาภรณ์มันคงมีฐานะอยู่ไม่น้อย บ้านช่องมันคงใหญ่โตจนโจรป่าพวกนี้ต้องรู้ตำแหน่งที่ตั้งอยู่แล้ว "
ทั้งสองโจรพลันสะดุ้งโย้ง กลืนน้ำลายด้วยความฝืดเคืองคอนัก เมื่อรู้ว่าต้องเข้าไปพัวพันกับยอดฝีมือที่ไม่อาจรับมือ
ทว่าทั้งคู่ยังไม่วายแอบมองเรือนร่างทั้งคู่อย่างมีอารมณ์
นับว่าเป็นสันดานโจรโดยแท้!...
เหล่าโจรทั่วไปมักลักทรัพย์ ฉุดคร่าหญิงสาว
แต่กับสองโจรศิษย์อาจารย์ ที่ต้องแบกชายหนุ่มร่างเปลือยที่มีเพียงผ้าห่อหุ้ม นับว่าดูน่าขบขันนัก
ตัวผู้ถูกลักพาก็หาได้อภิรมณ์กับสถานการณ์นี้นัก มันทั้งหงุดหงิดขัดเคือง ทั้งด่าทอตัวเองที่ไม่ตั้งใจฝึกวิชายุทธให้มากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นคงไม่เสียทีสองโจรผอมแห้งนี้เป็นแน่
ร่างเกาฉีเยี่ยนถูกสะกัดจุด โดยมีเด็กหนุ่มเฮอเฮอแบกมันวิ่งมากลางสายฝน ขึ้นไปทางเหนือซึ่งเป็นแดนพงไพรรกเรื้อขึ้นเรื่อยๆ
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยามกว่าทั้งหมดจะหยุดนิ่งลง แล้วร่างมันก็ถูกปล่อยกระแทกลงพื้นดัง โครม!...
" ประมุขให้เจ้าไปชวงชิงคัมภีร์มา เหตุใดเจ้าจึงพาเอาตัวโสโครกนี้มาด้วยเล่า? "
เกาฉีเยี่ยนสะดุ้งเฮือก หันมองผู้กล่าวที่เบื้องหน้า แม้จะเห็นแน่ชัดแต่ไม่อาจจำแนกได้ว่าเป็นผู้ใดกล่าววาจากันแน่
เพราะผู้ที่ยืนอยู่คือสี่หญิงสาวในชุดดำ ที่มีผ้าปิดปากบดบังใบหน้า ซ้ำยังสวมหวกฝางปีกกว้าง จนไม่อาจเห็นดวงตาพวกนางด้วยซ้ำ
" หากไม่นำมันมาด้วยต้องนับว่าข้าพเจ้าทำภาระกิจไม่ครบถ้วนแล้ว เพราะตัวโสโครกผู้นี้นัยเป็นคัมภีร์มีชีวิต หากพวกนางไม่ต้องการ จ้าคงต้องพามันไปส่งบ้านดั่งเดืมแล้ว "
เฒ่าผ่ายผอมกล่าวทีเล่นทีจริง พลางใช้มือเดียวยกทั้งตัวของเกาฉีเยี่ยนขึ้นมายืนอย่สงง่ายดาย … บ่งบอกถึงพลังปราณของมันนับว่าไม่ต่ำทรามเลย
" แมวราตรีเหตุใดตัดพ้อง่ายดายนักเล่า? ...เราทำการค้ากันมาเนินนาน ไหนเลยจะไม่เชื่อถือความรอบครอบของท่าน "
ผู้กล่าววาจาพุ่งทะยานฝ่าสายฝนมาราวเงาภูติพราย นางล่อนร่างลงมายืนเบื่องหน้าแมวราตรี ด้วยรอยยิ้มเหี้ยมหาญดั่งขุนศึกเจนสงคราม
แม้นางจะงดงามตามแบบสาวสะพรั่งวัยยี่สิบกว่าๆ แต่ท่วงท่านางองอาจทรงอำนาจคล้ายนักรบใหญ่ ในสายตาเกาฉีเยี่ยนกลับเห็นเป็นสตรีอีกรสชาติที่ไม่ค่อยพบพานบ่อยนัก
ทันทีที่นางปรากฏตัว สี่สาวชุดดำพลันลงคุกเข่าประสานมือขึ้นคารวะ
" ท่านประมุข "
พวกนางประสานเสียงร้องเรียกพร้อมเพรียง
ทำเอาเกาฉีเยี่ยนนึกคิดขึ้นได้ว่า ทางเหนือของเมืองลั่วหยาง ทางขึ้นเขาซงซานยังมีผืนป่ากว้างใหญ่ ภายในผืนป่านั้นยังมีพรรคเร้นลับที่คนในยุทธภพยากตอแย
ไม่คาดคิดว่าประมุข 'พรรคบุปผาทมิฬ ' จะเป็นสตรีงดงามถึงเพียงนี้…
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า…ประมุขลู่ มีแต่ท่านที่นับว่ามีเหตุผลยิ่ง "...เฒ่าผอมแห้งกล่าวแย้มยิ้ม พร้อมกับยื่นมือที่มีคัมภีร์เบ่มสีแดงไปเบื้องหน้า
" ข้อตกลงของเราคือร้อยตำลึงทองสำรับหนึ่งคัมภีร์ ครั้งนึ้ท่านนำคัมภีร์มาถึงสอง ย่อมต้องเพิ่มเป็นสองร้อยตำลึงทองใช่หรือไม่! "
" นับว่าปราดเปรื่องสมเป็นประมุขโดยแท้! "
" หลิวหยก! "
ท่านประมุขเพียงเอ่ยรวบรัด โดยทันทีนั้นหนึ่งในสี่สาวก็รีบวิ่งมาพร้อมถุงทองสี่ถุงใหญ่
เฒ่าผายผอมหัวเราะร่า เมื่อได้สิ่งที่ปราถนา จากนั้นมันจึงยื่นคัมภีร์และชายหนุ่มให้เหล่านาง ก่อนจะเดินร้องเพลงงิ้วไปอย่างอารมณ์ดี
จะมีเพียงเด็กหนุ่มเฮอ เฮอ ที่หันมากล่าวลากับเกาฉีเยี่ยนเบาๆ
" รักษาตัวด้วยนะนายท่าน..เฮอ เฮอ.." มันกล่าวหน้าทะเล้น แล้วเดินตามอาจารย์มันไปอย่างอารมณ์ดีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
ทิ้งไว้แต่ห้าหญิงสาวเร้นลับ กับชายหนุ่มที่กำลังงงงัน
ส่วนประมุขพรรคเอาแต่ลูบคลำคัมภีร์เบ่มแดง ดั่งได้พบสิ่งล้ำค่าควรเมืองก็ไม่ปาน
" ท่านประมุข แล้วจะทำเช่นไรกับตัวโสโครกนี้? " หนึ่งในสี่สาวถามขึ้น
จึงทำให้ท่านประมุขปรายตามองเกาฉีเยี่ยนวูบหนึ่ง หากแววตาหน้าที่มองมาช่างแปลกประหลาด จนยากจะอ่านความนัย
" เปลืองผ้ามันออกเดี๋ยวนี้! "
คำสั่งนางทำให้ใบหน้าทั้งสี่สาวแดงซ่าน จะอย่างไรพวกนางล้วนเป็นนักรบ เอาแต่จับอาวุธฟาดฟัน เมื่อต้องมาเปลืองผ้าบุรุษ พวกนางจึงอดเอียงอายไม่ได้
ถึงกระนั้นหนึ่งในพวกนางที่กล้าหาญกว่าใคร ก็ตรงเข้ามาดึงผ้าคลุมร่างชายหนุ่ม ให้ปลิดปลิวไป แล้วทั้งสี่ก็ถอยห่างให้ท่านประมุขลู่เดินเข้ามาสำรวจร่างชายหนุ่มไปรอบๆ
จากท่าทีเฉยเมยของประมุขพรรค ที่ปรายหางตามองอย่างไร้อารมณ์ กระทั้งนางไล่สำรวจชายหนุ่มมาถึงท่อนลำแห่งความเป็นชาย ที่ยังห้อยต่องแต่งไร้อาการผงาดสู้
ทว่านางพลันต้องตาลุกโพรง มองปานสีเขียวรูปผีเสื้อที่อยู่ตรงโคนองคชาติมัน นางจับจ้องราวกับจะมองให้ทะลุไปถึงภายใน
" เป็นท่าน!...ท่านจริงๆ หรือ? ...ไซมึ้งยอดรัก! "
นางอุทานดังลั่น พร้อมกับลงคุกเข่าแล้วจับท่อนเอ็นมันขึ้นมาบลูบคลำอย่างรักใคร่ ซ้ำยังถอกหนังจนเผยให้เห็นหัวเงี่ยงแดงบานโล่
ทั้งสี่สาวเห็นพฤติกรรมของประมุขตน แล้วมีอันต้องหันหน้ามองกันอย่างลุกลี้ลุกลน สุดท้ายจำต้องคุกเข่าตาม พร้อมทั้งเฝ้ามองนางตาไม่กระพริบ
" ไซมึ้งไร้พ่าย… ท่านกลับมาหาน้องลู่แล้วจริงๆ "
นางจับท่อนลำชายหนุ่มขึ้นมาเจรจาฉอเล่ะ ก่อนจะเปิดปาก อ้าอมดุ้นองคชาติเข้าไปทั้งลำ…