หญิงร้ายชายรัก... ( nc + )
แสงจันทร์นวลเลื่อมพรายหัวงนภาราตรีดั่งมีมนต์
ธารดาราทอประกายวับวาว ราวอัญมณีล้ำค่า ประดับประดาท้องฟ้าให้อวลไอเสน่หารัญจวน ประหนึ่งแสงนวลนั้นมีแรงเร่งกระตุ้นใจผู้คนให้กระสันหามนตราแห่งอลธกาล ราวแมงเม่าบินเข้ากองไฟ
เหล่าชายมากรักนับร้อยนับพัน ไหนเลยจะหวาดกลัวกองไฟอันอำไพชนิดนี้…
หนึ่งในผู้มากรัก ต้องนับ ' เกาฉีเยี่ยน ' จัดอยู่ในอันดับต้นๆ แห่งความสำส่อนได้อย่างภาคภูมิ
กับบรรยากาศอันน่าอภิรมณ์ในราตรี มีรึมันจะอยู่กับเย้าเฝ้ากับเรือนให้ระคายเคืองอารมณ์
เกาฉีเยี่ยนเสริมแต่งกายด้วยอาภรณ์เนื้อไหมสีเขียวอ่อน ประดับประดาเครื่องทอง คล้องหยกเขียวขจีไว้ที่สายรัดเอว เป็นรูปลักษณ์ที่สมกับฉายา ' เทพบุตรมรกต ' อันระบือกระฉ่อนไปทั่วลั่วหยาง
ชายหนุ่มจ้าวสำอางค์ทอดท่าร่าง เร่งฝีเทัาด้วยวิชาตัวเบาสายพรต โลดลิ่วทิ้งห่างชายรับใช้ชุดเทาหกนาย ที่กำลังถือหีบสัมภาระวิ่งตามมันด้วยความเหนื่อยหอบ
เกาฉีเยี่ยนมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกของเมือง ที่ซึ่งมีทะเลสาบเสี้ยวจันทร์ทอดกายรอคอยหนุ่มสาวมาพอดรักรัญจวนใจ
ณ กลางบึงน้ำสีเขียวขจี ยังมีเก๋งแปดเหลี่ยมหลังน้อย ห้อยระย้าโคมทรงกลมทอแสงเรืองรองอาบไล้ไปทั้งแปดทิศ
เก๋งน้อยว่างามตระการ ยังเทียบไม่ได้กับสตรีงามที่อยู่ภายใน
โฉมสะคราญเรือนร่างอวลเสน่ห์ กำลังร่ายรำโดยไร้เสียงดนตรี นางเคลื่อนขยับท่วงท่าอ่อนช้อยงดงาม นวลละไมไปกับจันทราล้อแสงลูบไล้นาง
อาภรณ์สีม่วงอ่อนที่นางสวมใส่ ทั้งบางเบา ทั้งมีน้อยชิ้น จนเผยเนินอกขาวสล่างดั่งเย้ยหิมะให้ละอาย
เพียงเห็นจากที่ไกลตา เกาฉีเยื่ยนก็มีอันกระชุ่มกระชวยขึ้นอักโข ร่างกายมันเหมือนจะตึงเขม็งแข็งขันไปทุกสัดส่วนในบัดดล
หัวใจมันดีดดิ้นพล่าน ผลักดันร่างให้เร่งเผ่นโผนไปตามทางเดินหักมุมเลี้ยวแปดหยักด้วยความว่องไว
เพียงอึดใจ เกาฉีเยี่ยนพลันมายืนยิ้มหวาน โปรยปรายเสน่ห์ แบบที่อิสตรีเห็นเป็นต้องระทกระทวย
" คุณหนูอิงอิง มาร่ายรำเดียวดายใต้เงาจันทร์เช่นนี้ ออกจะเงียบเหงาไปกระมั้ง "
มันกล่าวด้วยความมั่นอกมั่นใจ ประหนึ่งเชื้อพระวงศ์ใหญ่มาโปรดประชาชน
แม่นางอาภรณ์ม่วงเผยรอยยิ้มพริ้มพราย ดวงตากลมโตของนางวับวาวพราวเสน่ห์ ริมฝีปากอวบอิ่มทาสีชาดดั่งกลีบกุหลาบ ขยับเม้มจีบปากจีบคอตอบด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
" หากไร้ผู้รู้ใจ ไม่ว่าจะอยู่เดียวดาย หรือแวดล้อมด้วยคนนับร้อยนับพัน ยังนับว่าเงียบเหงาเช่นกัน "
" ถูกต้องดั่งคุณหนูกล่าว ….มิน่าเหตุใดข้าพเจ้าจึงหงอยเหงาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เพราะไม่เคยพบพานคนรู้ใจนี่เอง? "
...ชายหนุ่มโปรยยิ้มพราว พลางเดินเข้าใกล้หญิงสาว จนได้กลิ่นหอมละมุนโชยชายจากร่างกายนาง
" คิก คิก คิก คุณชายเกาล้อเล่นหนักไปแล้ว …ผู้คนล้วนเล่าขานว่าท่านขโมยหัวใจหญิงสาวไปทั่วลั่วหยาง เหตุใดยังว่าหงอยเหงาอีก " นางเยื่องย่างชมดชม้าย โบกผ้าบางในมือให้ลูบไล้ลำคอชายหนุ่ม จนมันสยิวกายขนลุกชัน
" เสียงร่ำลือเล่าขานล้วนเลื่อนลอย จะเที่ยงแท้แน่นอนเท่าเนื้อหนังได้อย่างไร? "...
ชายหนุ่มกล่าวพลางเอื้อมมือโอบเอวหญิงสาว อีกมือพลันดีดนิ้วให้คนใช้ทั้งหก ที่มายืนรอคำสั่งที่ปลายทางเดิน
พอได้รับสัญญาณ พวกมันทั้งหกต่างกุลีกุจรวิ่งมาจัดเตรียมโต๊ะที่กลางเก๋งน้อย ให้กลับกลายเป็นโต๊ะอาหาร ที่มีทั้งสุรากับแกล้มและผลไม้สุกปลั่ง
" ท่านนี่ช่างมักมากนัก แม้แต่ในราตรีรัญจวนใจ ยังไม่วายหาอาหารโอชารสมาปร่นเปรอชิวหา "
นางซบอกชายหนุ่มขณะกล่าวออดอ้อน โดยไม่ใยดีกับสายตาของคนรับใช้ทั้งหกแม้แต่น้อย
" อาหารใดไหนจะเลิศรสเท่าท่านอีกเล่า คุณหนูอิงอิง "
เกาฉีเยี่ยนกล่าวเสียงเครือ พลางประคองกอดนาง ให้เนื้อนุ่มนิ่มสัมผัสเนินอกอวบอิ่มถูไถกับอกมัน จนรู้สึกแข็งขันขึ้นมาทันตา
ความกระสันซ่านกระตุ้นให้คุณชายสูงศักดิ์ก้มหน้าประกบจูบริมฝีปากนางดูดดื่ม
คุณหนูอิงอิงก็ร่านราคะไม่ยิ่งหย่อน นางส่งลิ้นชุ่มกิเลสชอนไชเข้าไปในโพรงปาก แล้วตวัดพัวพันดั่งคู่อสพิษหื่นกระหาย
โดยนางยังใช้มือน้อยไล่ลูบคลำไปทั่วร่างกายระหง จนมากำกุมท่อนลำขนาดเคื่องที่หว่างขามัน
" อุ๊ย!..ท่านพกพาทวนวิเศษมาด้วยรึ คิก คิก…" นางถอนริมฝีปากจากการจุมพิต หันมากระซิบยั่วเย้าที่เล่นที่จริง
ชายหนุ่มหัวเราะเหอะหะด้วยความภาคภูมิใจ ก่อนจะกล่าวสำราญอารมณ์
" ไม่เพียงมีทวนวิเศษ ข้าพเจ้ายังมีคัมภีร์เลิศล้ำที่ท่านปราถนามาด้วย "
มันกล่าวกระเส่า พลางล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ หยิบเอาคัมภีร์ปกสีแดงสด ที่หน้าปกเขียนด้วยตัวหนังสือสีทอง มีใจความว่า " คัมภีร์ร้อยกามา "
คุณหนูอิงอิงดวงตาลุกโพลง เมื่อเห็นคัมภีร์สีแดงสดในมือมัน ราวกับพบอัญมณีมีค่าควรเมืองก็ไม่ปาน
นางรีบโน้มตัวคว้าคัมภีร์เล่มนั้น ทว่าชายหนุ่มกลับชูมือสูงพร้อมถอยห่าง จนตัวนางล้มร่างทับมันเต็มแรง ทั้งคู่พลันกอดก่ายกันบนพื้น ที่มีผ้านุ่มนิ่มปูไว้คอยท่า
" ท่านชอบกลั่นแกล้งข้าพเจ้านัก ใยไม่ให้ข้าพเจ้าหยิบยืมดูสักครา? "
...นางยันร่างขึ้นจากตัวชายหนุ่ม หากใบหน้ายังห่างกันไม่ถึงคืบ ลมหายใจยังลดผะผ่าวบนใบหน้าชายหนุ่ม จนมันรู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาทั้งกาย
" ไม่ต้องเสียเวลาชมมองหรอกคุณหนู ข้าพเจ้าจดจำมันได้ขึ้นใจหมดสิ้นแล้ว 72 ท่ากามา ข้าพเจ้าล้วนเชี่ยวชาญหมดสิ้น หากท่านปราถนาจะเห็นท่าใด ข้าพเจ้าจะแสดงให้ท่านสัมผัสกับตัวเอง "
มันกล่าวด้วยแววตากลิ้งกรอก พร้อมกับเอื้อมมือตรงเข้าขย้ำก้นงามงอนที่ทับบนร่างมันอย่างย่ามใจ
" ท่านนี่เป็นคนไร้ย่างอายยิ่ง บ่าวไพรท่านอยู่เนืองแน่นปานนี้ ยังกล้าทำรุ่มร่ามอีก " นางกล่าวเสียเครือ พลางแหง่นหน้าไปยังคนรับใช้ทั้งหก ที่กำลังก้มหน้าก้มตาเหนียมอาย
" การแสดงที่ไร้ผู้คนชมดู ออกจะไร้รสชาติยิ่ง "
มันกล่าวคึกคนอง พลางเอื้อมมือมาปลดผ้าคาดอกของนางลง ปลดปล่อยให้ปทุมถันอวบอิ่มนวลผ่องออกมาโอ่อวดสายตา
" ท่านช่างเป็นชายโฉดนัก! "...
นางกล่าวด้วยรอยยิ้มร้าย ขณะเคลื่อนตัวขึ้นไปใช้ปทุมถันขาวผ่องแกว่งสะบัดตบซ้าย ตบขวาใบหน้าชายหนุ่มไปมา
" ชายโฉดย่อมต้องเคียงคู่กับหญิงชั่วแล้ว! "
มันกล่าวพลางใช้ปากประกบดูดหัวนมสีชมพูระเรื่อของนาง อีกมือก็คว้าเคร่นครึงเต้างาม
มันทั้งเลียสลับขบเม้มหัวนมนาง จนหญิงสาวครางกระเส่าในลำคอ
" อืม ม ม …คุณชายเกา …ท่านใช้ลิ้นเก่งเหลือเกิน…"
" ยังมีอย่างอื่นที่ข้าใช้เก่งกาจกว่าลิ้นอีก ท่านปราถนาลองดูหรือไม่? "
มันพลันเงยหน้ามาจากเต้านมนาง พลางกล่าวด้วยแววตาเหี้ยนกระหือรือ
" แล้วใครไปว่าอะไรเล่า "...
นางกล่าวด้วยแววตาเจิดจ้า ก่อนจะก้มลงไปจูบชายหนุ่มด้วยอารมณ์ซ่านสยิว
ความหื่นกระหายของชายหนุ่มถาโถมจนมันพลิกตัวจับนางนอนแนบกับพื้น แล้วเร่งดึงถอดอาภรณ์เบาบางสีม่วงอ่อนให้หลุดลอดออกจากร่างกาย เผยให้เห็นส่วนสัดเปลือยเปล่าผิวขาวอมชมพู สวยสล่างกลางแสงจันทร์ส่อง
" เจ้างดงามเหลือเกิน คุณหนูอิงอิง " มันครางกระเส่า พลางปลดเปลืองเสื้อผ้าตัวเองออกจนเปลือยเปล่าไปทั้งร่าง
ท่อนลำที่ชี้โด่เปล่งประกายกระสันซ่าน จน
หญิงสาวตาลุกโพลง
ยิ่งเห็นถนัดชัดตาว่าตรงโคนท่อนเอ็นมันมีปานรูปผีเสื้อสีเขียวอ่อนๆ นางยิ่งกระหยิ่มยิ้มอยากให้ผีเสื้อโบยบินเข้ามาในร่องรูนางเต็มที
ชายหนุ่มไม่ปล่อยให้นางรอคอนนานนัก มันปล่อยเอ็นสวาทเข้าโยนีนางพรวดเดียวมิดลำ แล้วมันเด้งซอยซ้ำๆ ย้ำๆ ด้วยความเมามันกระสันอารมณ์
ชั่วอึดใจมันจับขานางยกชี้กว้าง กระหน่ำซอยพลาง ก้มมองสองอวัยวะโรมรันจนน้ำหล่อลื่นไหลเปรอะกลีบแคมนาง
" กระบวนท่านี้เรียกว่า ยกพายชมธารน้อย…ท่านชอบหรือไม่คุณหนูร่านราคะ!..ซูส ส ส ส! "
ชายหนุ่มร้องคราง พลางบรรยายท่าร่วมรักจากคัมภีร์ โดยช่วงเอวยังเร่งซอยกระหน่ำท่อนเอ็นเข้าร่องรู ราวหิวกระหายมาแรมปี
" ซี ส ส ส ส….เสียวจริงๆ คุณชายขา า า …ข้าเสียวเหลือเกิน…แรงๆ แรงๆ เลยคะยอดรัก!...ซีส ส ส …."
นางครวญคร่ำ ดิ้นพล่าน เอวล่อนส่ายรับแรงกระแทกกระทันโดยไร้ความครั่นคร้ามใดๆ
" อู๊ ย ย ย… ถ้ำสวรรค์ท่านบีบรัดดีแท้!...ข้า ข้า…ข้าจะออกแล้ว. ".
ชายหนุ่มครสญครางราวกับวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง..
เสี้ยวอึดใจที่มันใกบ้ถึงสรวงสวรรค์ ไม่คาดคิดว่าจะบังเกิดเสียงหวานแวว เข้ามาขัดจังหวะกลางคัน
" ห้ามผู้ใดหลั่งเข้าไปในตัวนาง! "...
ซุ่มเสียงนั้นผุดพรายมาพร้อมเงาร่างสีแดงสลับดำ พุ่งโฉบเฉี่ยวมาคว้าร่างเปลือยชายหนุ่ม ให้ลอยละลิ่วพรากจากความเมามัน
" โอ้ย ย ย!...นี่มันอะไรกัน! "
คุณชายเการ้องแตกตื่น ขณะร่างร่วงกระแทกกับพื้นเจ็บระบ่ม
แต่แล้วมันต้องแตกตื่นเพิ่มเป็นเท่าทวี เมื่อพบว่าหญิงสาวที่มันเพิ่งเสพสม พลันพลิกตัวราวสายลมหอบ
แล้วนางกลับตวัดข้อมือที่มีกำไลสีทองสวมใส่ ส่งประกายสีทองวิบวับพวยพุ่งไปทั่ว
ทว่าประกายสีทองกลับต้องกระเด็นกระดอนต่างทิศ เมื่อพบว่าเงาร่างสีแดงนั้นคือหญิงสาวผู้ถือสองดาบรูบทรงประหลาด สะบัดต้านเข็มทองได้ทุกท่วงท่า
แม้คุณชายเกาจะหลุดรอดจากภัยเข็มทอง แต่คนใช้ทั้งหกต่างถูกเข็มทองพวยพุ่งใส่ จนพวกมันล้มขม่ำไปหมดสิ้น
" ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านก่อกรรมทำเข็ญมามากเกินพอแล้ว สมควรตามพวกเรากลับไปรับผิดกับอาจารย์เถิด "
มีอีกเสียงลอยรอดมากับเรือนร่างอ่อนช้อย ในชุดขาวสล่าง
เกาฉีเยี่ยนมองจนตะลึงลาน หญิงสาวชุดแดงดำว่างามแล้ว ยังเทียบไม่ได้กับแม่นางชุดขาว ที่งามสะคราญปานหยาดฟ้ามาดิน
…แม้นางจะถือกระบี่ยาวคมกริบ กลับไม่คมคายเท่าเนตรน้องนาง….
" คิก คิด คิก…สองศิษย์น้องเจ้าปีกกล้าขาแข็งดีแล้วหรือ ถึงคิดมาต่อแยกับข้า! "...
นางหัวร่อร่าไร้ความยำเกรง ขณะพลิ้วกายคว้าผ้ามาพันตัวไว้หลวมๆ แล้วลอยตัวลงมายืนเผชิญหน้ากับสองหญิงสาวอย่างห้าวหาญ
" ซวยแล้วมั้ย!...ดันเข้าไปค้องเกี่ยวกับนางมารเสียได้ "
เกาฉีเยี่ยนอุทานในใจ ขณะเห็นประกายวูบวาบเกลื่อนฟ้าราตรี…