คีรินทร บารมีบงกช ชื่อนี้ที่กำลังสร้างความตื่นเต้นให้กับพนักงานภายในสายการบิน เพราะวันนี้เป็นวันแรกที่เขาเข้ามารับตำแหน่งประธานบริหาร 'บัวหลวงแอร์ไลน์'
ใบหน้าหล่อคมเข้มสมวัยสามสิบปี คีรินทรไม่ยักมีอารมณ์ขัน เขาจำใจกลับจากอังกฤษ เหตุผลเพราะ 'คุณคีรี' บิดาของเขากำลังจะแต่งงานใหม่
การแต่งงานครั้งนี้ของบิดาเป็นการแต่งงานกับภรรยาคนที่ห้า งานจะจัดขึ้นในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า และตนต้องขึ้นดำรงตำแหน่งประธานบริหารสายการบินตามที่ได้กำหนดไว้แล้ว
"สวัสดีครับท่านประธาน เรียนเชิญที่ห้องประชุมครับ" คาม คาริม เป็นเลขาหนุ่มที่คีรินทรเลือกมากับมือ เขาเดินออกมาต้อนรับท่านประธานคนใหม่ตั้งแต่หน้าบริษัท
คามเข้ามาทำงานในบริษัทตามคำสั่งของเจ้านายซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของตนได้สามเดือนแล้ว โดยมีจุดประสงค์เพื่อเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของทุกคนที่นี่ โดยเฉพาะพฤติกรรมคนจากครอบครัวของว่าที่ภรรยาใหม่คุณคีรี
"จำเป็นต้องเป็นทางการขนาดนี้เหรอวะ นายเป็นเพื่อนฉันนะ" คีรินทรระคายหู อยู่ๆ เพื่อนสนิทกลับพูดคุยกับตนด้วยท่าทางถ่อมเนื้อถ่อมตัว
"จะให้เรียกคุณคีว่าไอ้คีต่อหน้าพนักงานคนอื่นๆ คงไม่เหมาะมั้งครับ" คามติดตลก แล้วเดินนำหน้าเจ้านายไปยังลิฟต์
"แล้วตกลงว่าที่แม่เลี้ยงฉันเป็นยังไงบ้าง มีใครติดสายห้อยตามเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยอีกหรือเปล่า" คีรินทรเอ่ยถามทันทีที่ประตูลิฟต์ปิดลง
"คุณพิลันดายังดูสาวสวยมากครับ รวมๆ แล้วดูเป็นผู้ดี อ่อนน้อมถ่อมตัว ไม่เจ้ากี้เจ้าการ ดูแลคุณคีรีเป็นอย่างดี แต่ผมมีโอกาสสังเกตแค่ตอนที่เธอเข้ามาช่วยงานในบริษัทเท่านั้น ก็เลยไม่รู้ว่าเนื้อแท้จะเป็นยังไงกันแน่"
คามพูดถึง'พิลันดา' ว่าที่แม่เลี้ยงคนที่สี่ของคีรินทร หรือภรรยาคนที่ห้าของคุณคีรีนั่นเอง
"ใครมันจะกล้าออกฤทธิ์ต่อหน้าคนอื่นๆ แบบนั้น ฉันคงจะต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองอีกหลายอย่าง"
คีรินทรรู้ดี ว่าผู้หญิงทุกคนที่แต่งงานกับบิดาของตนก็เพราะความร่ำรวยเท่านั้น เขาจึงมักจะตั้งแง่คิดลบกับภรรยาคนใหม่ของบิดาเสมอ
"คุณพิลันดาพาลูกสาวเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยครับ เธอชื่อฟาร่า อายุยี่สิบเอ็ดปี ยังเป็นนักศึกษาอยู่เลย" คีรินทรเหยียดยิ้มมุมปากหลังจากที่ฟังเท่านั้น
พิลันดาช่างไม่ต่างกันกับบุษบาภรรยาคนล่าสุดของบิดา ที่เมื่อหกปีก่อนนางแต่งงานกับบิดาของตนและได้พาลูกสาววัยเพียงสิบห้าปีเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยเช่นกัน แต่ตอนนี้ก็เป็นเวลาสองปีแล้วตั้งแต่ที่นางเสียชีวิตไป
ทว่าใบบุรินลูกสาวของนางก็ยังคงอยู่ในบ้านบารมีบงกช อยู่ในฐานะลูกเลี้ยงที่คุณคีรีอุปการะเลี้ยงดู
"แล้วใบล่ะ เขาเป็นยังไงบ้าง?" คีรินทรอดที่จะถามถึงใบบุรินไม่ได้ เพราะเมื่อหกปีที่แล้วเขาเองก็อายุเพียงแค่ยี่สิบสี่ปี
ตอนนั้นคีรินทรรู้สึกเกลียดชังบิดาที่แต่งงานใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า จึงพาลเกลียดชังใบบุรินที่เป็นลูกสาวของภรรยาใหม่ไปด้วย ชายหนุ่มกำลังคิดถึงเรื่องในอดีตเมื่อหกปีที่แล้ว
'แม่เธอแต่งงานกับพ่อฉันเพราะต้องการแค่สมบัติของเขาก็เท่านั้นแหละ ไม่มีผู้หญิงคนไหนจริงใจกับพ่อฉันสักคนหรอก ไม่งั้นพ่อฉันคงไม่ต้องแต่งงานใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า'
'ทำไมคุณคีถึงว่าแม่ใบแบบนั้นล่ะคะ คุณแม่รักคุณท่านจริงๆ นะคะ' ใบบุรินอธิบายสีหน้าเศร้า แม้เธอจะยังเป็นเด็กที่ไม่รู้จักความรักด้วยซ้ำ แต่คีรินทรกลับมองหญิงสาวด้วยแววตาเกลียดชัง
'จำไว้นะใบบุริน การที่เธอย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้กับแม่ของเธอ มันทำให้ฉันตัดสินใจย้ายไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ไว้เธอกับแม่ย้ายออกจากบ้านหลังนี้เมื่อไหร่แล้วฉันจะกลับมา!'
นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่คีรินทรเคยพูดต่อหน้าใบบุรินเมื่อหกปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้เขายังจำคำพูดของตัวเองได้ทุกคำ
ชายหนุ่มรู้ข่าวว่าคุณบุษบาจากไปเมื่อสองปีที่แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้กลับมาร่วมงานศพเพราะตอนนั้นยังคงมีอคติ
ต่อมาภายหลัง คีรินทรได้รับรู้เรื่องราวที่แท้จริงจากคุณอาของตนเอง ว่าตลอดระยะเวลาที่คุณบุษบามาอยู่ที่นี่ นางเพียงแค่หวังพึ่งใบบุญของคุณคีรีในการส่งเสียใบบุรินเรียนหนังสือเท่านั้น
บุษบาไม่เคยต้องการสมบัติอื่นใดเลย ไม่เคยซื้อข้าวของราคาแพง ไม่เคยใช้เงินฟุ่มเฟือย แตกต่างจากภรรยาคนก่อนๆ ของคุณคีรีโดยสิ้นเชิง
"โตเป็นสาวอายุยี่สิบเอ็ดปีแล้วครับ สวยสะพรั่งอย่างกับดารา เรียนเก่งนิสัยดี จนตอนนี้กลายเป็นลูกรักของคุณคีรีเลยก็ว่าได้ครับ" คามพูดด้วยรอยยิ้ม ราวกับภูมิใจนำเสนอใบบุรินเป็นอย่างมาก
"หึ! สวยอย่างกับดารา เคยเห็นเหรอ?" คีรินทรเลิกคิ้วถาม เป็นจังหวะที่ประตูลิฟต์เปิดออกพอดีเมื่อขึ้นถึงชั้นผู้บริหาร ทั้งสองคนจึงเดินตรงไปยังห้องประชุม
"ครับ เธอเข้ามาช่วยงานที่บริษัทบางครั้งโดยเฉพาะวันที่มีประชุม เหมือนเข้ามาฝึกงานเตรียมพร้อมนั่นแหละครับ วันนี้ก็มาเหมือนกัน" เช่นนั้นก็แปลว่าอีกไม่กี่นาทีคีรินทรจะได้มีโอกาสพบกับใบบุรินอีกครั้งในรอบหกปี
"ไม่เห็นรู้มาก่อนว่าคุณพ่อพาลูกเลี้ยงเข้ามาทำงานในบริษัทด้วย"
"คุณใบเธอเรียนอยู่ปีสี่แล้วครับ คิดว่าพอเรียนจบก็น่าจะเข้าทำงานที่สายการบินเลย"
"เขาบอกแบบนั้นเหรอ ว่าเขาอยากทำงานในบริษัทของเรา"
"คุณใบไม่ได้บอกหรอกครับ แต่ผมเชื่อว่าคนอย่างคุณใบเธอกตัญญูและรู้จักตอบแทนบุญคุณผู้มีพระคุณ"
"แล้วเขายังอาศัยอยู่ในบ้านคุณพ่อหรือเปล่า?"
"ครับ ก็ยังคงอยู่ในบ้านคุณคีรีนั่นแหละครับ ต่อไปคุณคีก็น่าจะได้เจอกับเธอทุกวัน"
"แล้วใครบอกว่าฉันจะอยู่บ้านล่ะ ฉันจะอยู่คอนโดข้างนอก ที่บ้านวุ่นวายจะตาย ทั้งพ่อทั้งเมียใหม่ทั้งลูกใหม่ลูกเก่า น่าเบื่อ" คีรินทรคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตอยู่คนเดียว เขาจึงซื้อคอนโดใกล้ที่ทำงานไว้เรียบร้อยแล้ว
คามเข้าใจคีรินทรเป็นอย่างดี เขาพยักหน้าเห็นด้วยและพาเจ้านายเดินเข้าไปภายในห้องประชุม โดยมีผู้บริหารฝ่ายต่างๆ รอต้อนรับอยู่แล้ว
คุณคีรีคลี่ยิ้มเมื่อบุตรชายเดินเข้ามา เขายืนอยู่กับว่าที่ภรรยาใหม่ และยังมีผู้หญิงหน้าตาสวยสง่างามคนหนึ่งยืนอยู่ด้วย คีรินทรพอจะจำได้ ว่าเธอคือใบบุรินนั่นเอง
แต่ใครจะไปคิดว่าหญิงสาวจะสวยมากถึงขนาดนี้ สวยเกินกว่าที่เขาจินตนาการไว้ตอนคุยกับคามก่อนหน้านี้เสียอีก
"ผมขอแนะนำบุคคลที่ทุกท่านน่าจะรู้จักดีอยู่แล้ว คีรินทร บารมีบงกช ลูกชายของผมจะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานบริหารตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป"
คุณคีรีประกาศทันทีที่บุตรชายเดินมาจนถึงเก้าอี้ประจำตำแหน่ง ชายหนุ่มยกมือไหว้เหล่าผู้บริหารทุกคนด้วยสีหน้าราบเรียบ ก่อนจะชำเลืองมองไปยังใบบุรินอีกครั้งหนึ่ง
ใบบุรินหลบสายตาพี่ชายต่างสายเลือดทันทีที่เขามองมา แม้เวลาจะผ่านมาหกปีแล้ว แต่เธอกลับจำเรื่องราวในอดีตได้ขึ้นใจ
ใบบุรินมั่นใจว่าคีรินทรยังคงเกลียดชังตนอยู่ ขณะที่ชายหนุ่มจำใจละสายตาจากหญิงสาว เมื่อบิดาได้กล่าวคำเริ่มต้นการประชุมขึ้นเสียก่อน...