คีรินทรประคองใบบุรินเข้าไปนั่งในรถ ขณะที่เธอยังคงรู้สึกอึ้งกับรสจูบเมื่อครู่อยู่ จากนั้นร่างสูงจึงเดินอ้อมไปนั่งประจำที่คนขับ
เขาหันมามองคนข้างกายที่เอาแต่นั่งก้มหน้าและกอดกระเป๋าสะพายใบเล็กไว้ ใบบุรินไม่กล้าแม้แต่จะแหงนหน้าขึ้นมาสบสายตากับเจ้าของจูบร้อนแรงเมื่อคู่
"ใบ เธอควรจะเลิกรู้สึกผิดได้แล้ว ลืมไปแล้วเหรอว่าเราไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริงๆ ฉันประกาศมาตั้งหลายปีแล้วว่าเธอไม่ใช่น้องสาวของฉัน"
ชายหนุ่มเพียงแค่พูดเพื่อให้ใบบุรินรู้สึกดีขึ้น เขารู้ดีว่าหญิงสาวรู้สึกผิด ทั้งที่ความจริงทั้งสองคนไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแม้แต่น้อย
"ถึงเราจะไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริงๆ แต่เราก็ไม่ควรที่จะทำแบบเมื่อคืนไม่ใช่เหรอคะ หรือว่าสำหรับคุณคีแล้วเรื่องพวกนี้มันไม่มีความสำคัญอะไรเลย?" หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
เธอเข้าใจว่ามันเป็นเช่นนั้น เพราะสำหรับชายหนุ่มผู้หล่อเหลาร่ำรวยสมบูรณ์แบบเช่นคีรินทร คงเริงรักกับผู้หญิงคนไหนก็ได้ตามที่ใจเขาปรารถนา
"ใครเป็นคนกำหนดว่าควรหรือไม่ควร ใช้ชีวิตให้มันสนุกบ้างสิ อย่าไปเข้มงวดอะไรมากนักเลย"
"แต่คุณคีต้องสัญญานะคะว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร แล้วก็ถ้าเป็นไปได้ใบอยากให้คุณคีลืมเรื่องเมื่อคืนไปซะ" เขาแค่นหัวเราะและหันขวับมาจ้องมองใบหน้าสวยบึ้งตึง
"จะพูดอะไรก็นึกถึงความเป็นจริงหน่อยนะใบ อยู่ๆ ฉันคงไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครหรอก แต่ถ้าจะให้ลืมเรื่องนี้มันไม่มีใครลืมได้ แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่มีทางลืมได้ เพราะฉะนั้นเธอควรทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว"
เขาพูด จากนั้นจึงยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา เห็นว่าเป็นเวลาเกือบเจ็ดโมงเช้าแล้ว จึงสตาร์ตรถและขับออกจากบริเวณลานจอดรถของคอนโดไป
บ้านบารมีบงกช
ใบบุรินเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับคีรินทร ตอนนี้เป็นเวลาเกือบแปดโมงแล้ว ทว่าคุณคีรียังคงนั่งอ่านข่าวสารจากหน้าจอสมาร์ตโฟนอยู่ หญิงสาวสังเกตบ้านเงียบผิดปกติ แปลว่าพิลันดาและฟาร่าน่าจะไม่อยู่บ้าน
"หนูใบ กลับมาแล้วเหรอลูก พ่อไม่เห็นหนูกลับบ้านเมื่อคืน ไปค้างที่ไหนมาล่ะ?" คุณคีรีถามด้วยความห่วงใยและสงสัย เพราะเห็นว่าลูกเลี้ยงเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับบุตรชายของตน
ปกติคุณคีรีไม่ค่อยจะถาม อีกอย่างใบบุรินก็ไม่ค่อยออกไปค้างที่อื่น แต่ครั้งนี้อยู่ๆ ท่านกลับสงสัย คงเพราะเห็นเธอเดินมากับคีรินทร หญิงสาวตั้งสติและเดินเข้าไปหาท่านพร้อมทั้งนั่งลงตรงโซฟาอีกตัวหนึ่ง
"เมื่อคืนใบไปค้างที่บ้านพัชมาค่ะคุณพ่อ ใบขอโทษนะคะที่ไม่ได้โทรมาบอกคุณพ่อ" ใบบุรินยกมือไหว้เป็นการขอโทษ
"ไม่เห็นจะต้องขอโทษเลยลูก หนูโตพอที่จะรับผิดชอบตัวเองได้ทุกอย่างแล้ว พ่อไม่ได้เป็นห่วงเรื่องนั้นหรอก ว่าแต่ทำไมถึงได้กลับมาพร้อมกับคีเขาล่ะ?" คุณคีรีหันไปหาบุตรชาย
"อ๋อ พอดีเราเจอกันที่หน้าบ้านนี่แหละครับคุณพ่อ ไม่ได้มาด้วยกันหรอกครับ" ชายหนุ่มแก้ต่างให้ เพราะคิดว่าใบบุรินคงไม่อยากโกหก
"เอ่อ...ถ้างั้นหนูขอตัวขึ้นไปแต่งตัวก่อนนะคะคุณพ่อ วันนี้ต้องไปมหาวิทยาลัยค่ะ" ใบบุรินกำลังจะลุกเดินไป
"เดี๋ยวสิลูก" แต่คุณคีรีกลับอยากคุยเรื่องการทำงานของหญิงสาวให้ชัดเจนเสียก่อน เพราะตอนนี้คีรินทรก็อยู่ด้วยกันพร้อมหน้า
"ค่ะคุณพ่อ"
"พ่อขอคุยเรื่องฝึกงาน เรื่องที่คีอยากให้หนูใบไปเป็นเลขาของเขา
ใบบุรินใจคอไม่ดีเมื่อบิดาพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันทำให้หญิงสาวไม่อยากไปทำงานกับคีรินทรแล้ว จึงได้แต่ภาวนาในใจ ขอให้คุณคีรีไม่อนุญาตให้ตนไปทำงานกับบุตรชายของเขา
"พ่อจะให้หนูใบมาทำงานเป็นเลขาของคีเขานะ หนูใบเก่งอยู่แล้ว ฝึกงานอีกหน่อยพ่อเชื่อว่าหนูจะเป็นเลขามืออาชีพได้อย่างแน่นอน" คำพูดของคุณคีรีทำให้คีรินทรยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
"ขอบคุณครับคุณพ่อที่เชื่อมั่นในตัวใบ" ชายหนุ่มขอบคุณแทนใบบุริน ทว่าหญิงสาวกลับยังคงอึ้งอยู่
"แต่คุณพ่อคะ หนูขออนุญาตปฏิเสธได้ไหมคะ หนูขอไปฝึกงานกับคุณคาลล์ก่อนสามเดือนตามที่คุณพ่อเคยแนะนำไว้ตั้งแต่แรก จากนั้นหนูค่อยจะกลับมาเป็นเลขาให้คุณคี...ได้หรือเปล่าคะคุณพ่อ"
คีรินทรหันขวับมาจ้องมองใบหน้าสวยทันทีที่หญิงสาวพูดเช่นนั้น เขารู้ดีว่าการที่ใบบุรินปฏิเสธทำงานกับตนเพราะต้องการที่จะหลบหน้ากันก็แค่นั้น
"ใบ แต่ที่นี่เป็นบริษัทของคุณพ่อนะ แล้วเธอก็เป็นลูกสาวคนหนึ่งของคุณพ่อด้วย ไม่คิดที่จะอยู่ช่วยงานบริษัทหน่อยเหรอ?"
ชายหนุ่มพูดด้วยความโกรธ จนคุณคีรีแปลกใจกับอาการของบุตรชาย เพราะไม่เคยเห็นคีรินทรมีอารมณ์เช่นนี้
"คี ทำไมถึงพูดกับน้องเขาแบบนั้นล่ะ หนูใบเขาบอกว่าไปฝึกงานกับคาลล์แค่สามเดือน จากนั้นก็จะกลับมาเป็นเลขาให้แกอยู่ดี"
คุณคีรีปรามบุตรชายเล็กน้อย เพราะความจริงเขาอยากให้ไปบุรินไปฝึกงานกับทางโรงแรมคาลล์ฟิลลิปส์ตั้งแต่แรก และตอนนี้ก็ยังคงมีความต้องการเช่นนั้น
"แต่ใบไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปทำงานกับคนอื่นเลยนะครับคุณพ่อ"
"จำเป็นสิ อย่างที่พ่อเคยบอก ว่าการที่หนูใบไปฝึกงานกับคุณคาลล์มันผลดีต่ออนาคตของหนูใบ และที่สำคัญหนูใบกับคุณคาลล์อาจจะเริ่มต้นคบหาดูใจกันเร็วๆ นี้ก็เป็นได้"
คีรินทรแค่นหัวเราะทันทีเมื่อบิดาพูดเช่นนั้น ใบบุรินจะไปคบหาดูใจกับคาลล์ได้อย่างไร ในเมื่อเมื่อคืนเธอเป็นของเขาแล้ว
"ผมไม่เห็นด้วยครับ"
"แต่พ่อเห็นด้วยกับสิ่งที่หนูใบเขาเลือก แล้วเราก็ควรเคารพการตัดสินใจของหนูใบ เพราะฉะนั้นหนูใบจะไปฝึกงานกับคุณคาลล์จนครบสามเดือน แล้วจากนั้นค่อยจะกลับมาเป็นเลขาคี"
คำพูดของคุณคีรีเหมือนจะเป็นเอกฉันท์ เพราะเมื่อพูดถึงการเคารพการตัดสินใจของคนอื่นทำให้คีรินทรจำเป็นต้องยอม
ใบบุรินรู้สึกโล่งใจพี่บิดาอนุญาต เธอยังไม่พร้อมที่จะทำงานกับพี่ชายแสนร้ายกาจคนนี้ และเวลาสามเดือนก็พอจะช่วยให้หญิงสาวได้อยู่ห่างจากเขาบ้าง
"ขอบพระคุณคุณพ่อมากนะคะที่เข้าใจ งั้นหนูขอตัวขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะคะ" ใบบุรินพูดแล้วจึงลุกขึ้นเดินไปยังห้องนอนชั้นสอง คีรินทรได้แต่มองตามหลังหญิงสาวด้วยแววตาขุ่นเคือง
"แล้วนี่ทานมื้อเช้ามาหรือยังลูก?" คุณคีรีรู้ดีว่าบุตรชายไม่เห็นด้วยจึงชวนคุยเรื่องอื่น
เพราะใบบุรินได้ตัดสินไปแล้ว ในฐานะคนเป็นพ่อ เมื่อส่งลูกๆ เรียนจบแล้วก็อยากให้ทุกคนได้ตัดสินใจเรื่องอนาคตด้วยตัวของพวกเขาเอง
"ยังเลยครับ แล้ววันนี้คุณพ่อจะเข้าบริษัทหรือเปล่าครับ?"
"วันนี้ไม่ได้เข้า พ่อต้องไปตัดชุดแต่งงาน" คีรินทรแทบไม่อยากฟังเรื่องแต่งงานอันใหญ่โตนี้
ยิ่งเห็นบิดาแต่งงานหลายครั้งเขายิ่งรู้สึกว่าตนอยู่ห่างไกลจากการมีชีวิตครอบครัว หากการแต่งงานคือการใช้ชีวิตคู่ที่มีความสุขแล้วเหตุใดถึงมีการเลิกราและแต่งงานใหม่อีกครั้งแล้วครั้งเล่า
อีกอย่างคีรินทรก็ไม่เคยอยู่ในความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์แบบกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน จึงไม่เข้าใจถึงการใช้ชีวิตร่วมกับใครสักคนหนึ่ง
"ครับ ตามสบายครับคุณพ่อ"
"ช่วงนี้พ่อน่าจะยุ่งๆ เรื่องจัดงานแต่งงาน ยังไงก็ฝากคีดูแลเรื่องงานที่บริษัทด้วยนะ อ้อ พรุ่งนี้กรณ์ก็กลับมาจากอเมริกาแล้ว แกจะได้ไม่เหนื่อยมาก"
คุณคีรีหมายถึงบุตรชายคนเล็ก กรณ์ดำรงตำแหน่งรองประธานบริหาร แม้เขาจะอายุเพียงแค่ยี่สิบห้าปี แต่กรณ์ทำงานในบริษัทของครอบครัวตั้งแต่เรียนจบจึงค่อนข้างที่จะเก่งงานทุกอย่าง
"ดีเลยครับ ผมมีหลายเรื่องที่อยากจะถามกรณ์อยู่พอดีเลย อ้อ คุณพ่อครับ ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ" คีรินทรบอกบิดาแล้วจึงเดินไป
เขากระวนกระวายใจอย่างที่ไม่เคยเป็น จึงอยากคุยเรื่องฝึกงานกับใบบุรินให้รู้เรื่อง ร่างสูงรีบสืบเท้ายาวเดินขึ้นบันได และเดินตรงไปยังห้องนอนของใบบุรินทันที