ยุติสงคราม(2)

1185 Words
เยี่ยนหรงหันกลับไปมองอย่างเฉยชา "มีเหตุผลให้ฆ่าข้าโดยชอบธรรมแล้ว ท่านดีใจมากกระมัง" ที่รีบรุดมาหานางถึงที่นี่ ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการฆ่านางแล้วยังจะมีเหตุผลอะไรได้อีก ภายในใจคนผู้นี้คงโห่ร้องยินดีจวนเจียนคลั่งแล้ว กับองค์ชายรองเวยเจี๋ยนั้นนางมีความสัมพันธ์ที่เรียกได้ว่าแย่ถึงที่สุด ที่ผ่านมาด้วยเห็นแก่เทียนตี้นางจึงยอมอ่อนข้อให้คนผู้นี้มาตลอด แต่เวลานี้เทียนตี้ป่วยหนัก องค์ไท่จื่อบาดเจ็บจนตาทั้งสองข้างบอดสนิท เรื่องราวทั้งหมดจะต้องเกี่ยวกับเวยเจี๋ยไม่มากก็น้อยแน่ ไม่มีความจำเป็นที่นางจะต้องยอมถอยให้อีก "น้องสาวข้ายังคงฉลาดหลักแหลมเช่นเคย" เวยเจี๋ยสาวเท้าเข้าใกล้เยี่ยนหรงมากขึ้นเรื่อยๆ ในมือบังเกิดกระแสพลังสีขาวเทาหมุนวนเป็นเกลียวคลื่น เริ่มจากขนาดเล็ก และค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นอย่างชัดเจน "ที่ผ่านมาข้าเห็นแก่เทียนตี้จึงยอมให้ท่านมาตลอด แต่วันนี้เห็นทีไม่จำเป็นแล้ว" เยี่ยนหรงเรียกกระบี่เฟิงหวาออกมาอีกครั้งเพื่อต่อสู้ชี้ขาดกับเวยเจี๋ย มิคาด ยังมิทันได้ลงมือ รอบด้านกลับมีเทพอีกสามองค์ปรากฏตัวออกมาล้อมนางไว้ เทพพวกนี้นางรู้จัก ชายที่มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลา ร่างสูงตระหง่าน ทั้งยังสวมอาภรณ์สีแดงเพลิง ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายคุกคามราวเปลวเพลิงที่ลุกโชนคือแม่ทัพไร้พ่ายเผ่าเฟิ่งหวง ‘ซืออวิ๋นเสียง’ หญิงงามที่มีรอยปานรูปดอกมู่ตานอยู่บนหน้าผากคือเทพธิดาบุปผา 'ซิ่วเหยา' อย่าได้ประมาทว่าใบหน้านี้ของนางงดงามน่าทะนุถนอม เพราะความอำมหิตของนางนั้นเป็นที่เลื่องลือในหมู่เทพ ถึงกับกล่าวกันว่าหากนางใช้อาคมบุปผาสังหารกับผู้ใด คนผู้นั้นย่อมไม่มีทางรอดชีวิต สุดท้ายคือเทพผู้มีแววตาชั่วร้ายเจ้าเล่ห์ตลอดเวลา 'เกาฉือ' เทพชั้นผู้น้อยที่คอยเป็นวัวเป็นม้ารับใช้องค์ชายรองเวยเจี๋ยอย่างถวายชีวิต เยี่ยนหรงมองไล่มาจนถึงเกาฉือ สีหน้านางก็ฉายแววรังเกียจอย่างไม่ปิดบัง เทพผู้นี้เคยทำให้สัตว์ภูตของนางถูกฆ่า เมื่อก่อนยังใส่ร้ายนางสารพัดเพื่อเอาใจเวยเจี๋ย นายกับบ่าวต่ำช้าไม่แพ้กัน ยิ่งมองยิ่งรู้สึกสะอิดสะเอียน จึงละสายตาไปทางอื่น ซืออวิ๋นเสียงประสานมือคารวะก่อนเอ่ยทำลายความเงียบ "แม่ทัพสวรรค์เยี่ยนหรง เลื่อมใสมานาน ข้านามซืออวิ๋นเสียง น่าเสียดายที่เราต้องมาพบกันด้วยสถานการณ์เช่นนี้" "เหตุใดต้องพูดให้มากความ รีบฆ่าปีศาจนี่เสียจะได้รีบกลับ" ซิ่วเหยาเชิดหน้าขึ้นอย่างอวดดี และปรายตามองเยี่ยนหรงอย่างดูถูก เตรียมร่ายอาคมบุปผาสังหารใส่ปีศาจที่เลือดโชกไปครึ่งร่างอย่างไร้เมตตา เวยเจี๋ยเห็นมีผู้มาใหม่จึงรั้งพลังในมือกลับอย่างเงียบๆ และแสร้งตีสีหน้าลำบากใจอย่างรวดเร็ว "เยี่ยนเยี่ยนน้องข้า ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาสังหารเจ้าหรอก กลับไปกับข้า เสด็จพ่อจะต้องมีวิธีช่วยเจ้าแน่" เขายื่นมือข้างหนึ่งมาตรงหน้าเยี่ยนหรงอย่างอ่อนโยน ราวกับพี่ชายผู้แสนดีที่พร้อมให้อภัยน้องสาวผู้ผิดพลาด เยี่ยนหรงมองเวยเจี๋ยอย่างเย็นชา นางรังเกียจคนตีสองหน้าเช่นนี้ที่สุด "ไม่จำเป็นต้องเสแสร้ง หากต้องการฆ่าข้าก็อย่าเสียเวลาพูดให้มากความ" กล่าวจบกระบี่เฟิงหวาสีเงินเย็นเยียบก็แยกจากหนึ่งเล่มเป็นเจ็ดเล่มรายล้อมอยู่รอบตัวเยี่ยนหรง ทั้งปกป้องผู้เป็นนาย และคุกคามศัตรูในเวลาเดียวกัน นางจดจ้องแต่เพียงเวยเจี๋ย มิได้มีท่าทีอยากทำร้ายเทพอีกสามองค์ที่เหลือแม้แต่น้อย "ข้าเห็นว่าสติสัมปชัญญะนางยังอยู่ครบ ยังไม่ถึงขั้นถูกอัคคีนิลกาฬกลืนกินดวงจิตจนคลุ้มคลั่ง ไม่จำเป็นต้องสังหาร" ซืออวิ๋นเสียงยังคงยืนนิ่งมิได้เรียกอาวุธประจำกายออกมา "องค์ชายรองและท่านแม่ทัพซือแม้มีความเมตตา แต่พวกท่านเคยคิดหรือไม่ว่าหากปล่อยเสือเข้าป่าไปย่อมไม่เป็นผลดี ตอนนี้แม้อัคคีนิลกาฬจะยังไม่กลืนกินดวงจิต แต่ผู้ใช้อาคมนี้อย่างไรก็ไม่มีทางรอดจากการถูกกลืนกินดวงจิต มิสู้กำจัดนางตั้งแต่ยังมีโอกาส ปีศาจอย่างไรก็มิเคยมีจิตบริสุทธิ์อยู่แล้ว" เกาฉือพูดสิ่งที่อยู่ในใจของเวยเจี๋ยแทนเจ้านาย เขาคือสุนัขรับใช้ที่แท้จริง ยินยอมทำเรื่องใจแคบแทนเวยเจี๋ยตลอดมาโดยไม่เคยปริปากบ่น สนทนากันไม่นาน เหล่าเทพอีกนับร้อยก็ตามมาถึงที่ที่ทั้งห้าคนยืนอยู่ เมื่อมาถึงก็ต่างเรียกร้องให้ฆ่าเยี่ยนหรงเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ทุกคนต่างรู้ว่าผู้ที่สามารถใช้อัคคีนิลกาฬได้มีแต่ปีศาจชั้นสูง และปีศาจพวกนั้นก็ถูกฆ่าล้างจนสิ้นในสงครามเทพปีศาจแล้ว หนึ่งพันห้าร้อยปีให้หลังกลับปรากฏครึ่งเทพปีศาจเยี่ยนหรงที่ใช้อัคคีนิลกาฬได้ เหล่าเทพไหนเลยจะไม่หวาดระแวง การฆ่านางเพื่อกำจัดอัคคีนิลกาฬให้สาบสูญไปจากโลกถือเป็นหนทางที่ดีที่สุด เสียง 'ฆ่า' ดังกึกก้องไปทั่วฟ้า เยี่ยนหรงยืนเดียวดายอยู่ท่ามกลางวงล้อมเหล่าเทพที่เห็นพ้องว่านางสมควรตาย หันมองไปรอบด้านกลับเห็นเพียงแววตาที่มีแต่ความเกลียดชัง ดูถูก และหยามเหยียด ไม่มีใครที่มองมาด้วยความเป็นมิตร รักใคร่ ชื่นชม หรือแม้แต่ความเห็นใจเพียงน้อยนิดก็ไม่มี นางหลับตาลงหันกายไปรอบๆ เพื่อซึมซับความเกลียดชังเหล่านั้น ให้พวกมันจมลึกเข้าไปในหัวใจที่เหนื่อยล้าเต็มทน หนึ่งพันห้าร้อยปีที่ผ่านมาไม่เคยมีวันไหนที่ไม่เดียวดาย ไม่เคยมีวันไหนที่ใจนางยิ้มเหมือนกับใบหน้าที่แสร้งทำออกมา ไม่เคยมีวันไหนที่ได้เฉียดใกล้คำว่าความสุข ไม่เคยมี นางเหนื่อยล้ามามากแล้ว ไม่อยากทนอีกต่อไปแล้ว ฝืนมาจนถึงตอนนี้ก็เพียงพอแล้ว ดวงตานางหม่นแสง ไร้เรี่ยวแรงจะยืนหยัดเข้มแข็งต่อไปได้อีก แม้รู้ว่าเรื่องราวเหล่านี้อย่างไรก็ต้องเกิด แต่พอได้ประสบเข้าจริงๆ กลับไม่สามารถเลี่ยงความรู้สึกมากมายเหล่านี้ได้ เดิมนางก้มหน้าก้มตายอมให้เทพองค์อื่นด่าทอ ดูถูก อย่างไม่เคยคาดหวังว่าจะได้การยอมรับ ไม่เคยอาฆาตแค้น แต่แล้วครู่หนึ่งกลับเกิดความคิดที่ไม่เคยมีมาก่อนแวบเข้ามาในหัว เทพพวกนี้ช่างน่าตายยิ่งนัก...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD