คนคุมเกม

2921 Words
เช้าที่ไร้เรี่ยวแรงด้วยศึกรักที่แสนใหญ่หลวงพรากพลังจากชีวิตเธอไปจนหมด  ร่างบางเปลือยเปล่าไร้ซึ่งเสื้อผ้านอนแผ่หลาอยู่กลางเตียงเพียงลำพัง  แม้เมื่อคืนจะผ่านศึกกันมาอย่างหนักแต่เมื่อฟ้าเริ่มสว่างกวางลายพาดกลอนที่ฟัดกับแม่พญาพรานเมื่อคืนก็หายตัวไปอย่างลึกลับ  ทิ้งไว้เพียงกระดาษโน้ตหน้ากระจก ‘เจอกันพรุ่งนี้นะครับคุณประธานคนสวย’ ใบหน้าสวยเปรยยิ้มอย่างพอใจเมื่ออ่านกระดาษโน้ต เธอประคองร่างไร้เรี่ยวแรงเดินเข้าไปในห้องน้ำอาบชำระกายก่อนจะกลับมาแต่งตัวตามปกติ พลางคิดไปว่า ‘เครื่องแรงอย่างที่โม้ไว้จริงๆ’ เธอมองดูผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่  ก่อนจะนึกถึงสงครามเมื่อคืนขึ้นมาในความคิด  เหยื่อที่จับมาหาได้เป็นกวางน้อยอย่างที่เธอคิด  คีตะวันน่ะเป็นเสือร้ายตัวโตเลยทีเดียว  แถมยังเป็นเสืออดโซที่กำลังหิวกระหายในกายหญิงสาแก่ใจย่าหยาเป็นอย่างที่สุด หลังจัดการธุระตอนเช้าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว  ประธานคนสวยก็ต้องหอบสังขารที่แทบจะไม่มีแรงไปทำงานตามปกติ  ช่วยไม่ได้ก็เธอมันรนหาที่เอง  แต่ด้วยความเป็นย่าหยาที่ทุกอย่างต้องดีที่สุด การมาทำงานเช่นปกติจึงเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้  ต่อให้เริงรักแค่ไหนก็ไม่ทำให้เธอเสียการเสียงาน   “พี่หยาคะ  นี่แฟ้มที่โมเดลลิ่งส่งมาให้เลือกนางแบบกับนายแบบที่จะถ่ายแค็ตตาล็อกเล่มหน้านะคะ” ขณะที่ประธานสาวกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่หน้าคอม  เสียงของเลขาก็ทำเธอตกใจจนหลุดจากภวังค์ความคิด  ใบหน้าสวยส่งยิ้มให้เลขาก่อนจะรับเอาแฟ้มรูปนางแบบและนายแบบออกมาเปิดดู   “ขอบใจจ้ะ” เธอเงยหน้าขึ้นบอกกับเลขาก่อนจะส่งยิ้มให้อีกครั้ง  งานวุ่นวายไปหมดในหัวเธอก็ลบภาพตัวเองกับเด็กหนุ่มนั่นไม่ได้สักที ‘ถ้าไม่ได้ซ้ำ...  มันถึงกับทำงานไม่ได้เลยใช่ไหมอีย่า!!!’ เธอด่าทอตัวเองในใจ   ก๊อกๆ “ขออนุญาตครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นหลังเสียงเคาะประตู  ภาพของเด็กหนุ่มเดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้ายิ้มกริ่มอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน   “........” ย่าหยาพยายามทำตัวปกติเพราะไม่อยากเสียเชิงเพียงเพราะเสียตัวให้เด็กแค่คืนเดียว   “นี่เอกสารพี่ภณฝากมาให้เซ็นครับ...” เขาว่าก่อนจะยื่นเอกสารให้ย่าหยา   “อืม...ฝึกงานเป็นไงบ้าง” คนถามถามขึ้นทั้งที่ตายังก้มมองแต่เอกสาร “ก็ดีครับ!!  สนุก  ตื่นเต้น....และชอบมาก...” ฟังจากเสียงที่มันเย้ายวนแล้ว  คำตอบน่าจะไม่ได้หมายถึงการฝึกงานโดยตรง  คนถามวางเอกสารก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจิกตามอง “ก็ดีแล้วล่ะ ตั้งใจฝึก  เก็บประสบการณ์ไปเยอะๆ มีอะไรอีกมากที่เธอต้องเรียนรู้” “พี่ก็สอนสิ!!” “อะฮึ่ม!!! นี่เวลางานนะ แยกแยะหน่อยสิ” ย่าหยาแกล้งปรามกลบเกลื่อนความเสียอาการของตัวเอง “แล้ว...เราจะ...” “คิล!!” ถึงแม้เมื่อคืนจะประทับใจมาก  แต่ย่าหยาก็อยากควบคุมคีตะวันให้ได้ก่อน  เธอยังไม่ได้พูดเรื่องข้อตกลงกับเขา  อีกอย่างก็ไม่อยากให้มาคิดเรื่องนี้ในเวลางานด้วย  แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะเคยทำก็ตาม  แต่เพราะเธอเป็นคนคุมเกมดังนั้นเธอว่าอย่างไรเขาต้องว่าตามเท่านั้น “.......”  "เรื่องนี้..  เอาไว้คุยนอกเวลางานตกลงไหม?” ปากเรียวเป็นกระจับย้ำอีกรอบ “ครับ” เด็กหนุ่มที่ดูคึกคะนองสีหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด  เขาเพียงอยากพูดหยอกล้อกับอีกฝ่ายเท่านั้น ไม่คิดว่าการกระทำของตัวเองจะทำให้คุณประธานแสนเร่าร้อนคนเมื่อคืนหงุดหงิดขึ้นมาได้ “คืนนี้...เจอกันที่เดิมนะ” อยู่ๆ ย่าหยาก็พูดขึ้นมาแบบนั้น ด้วยแอบเห็นใบหน้าคมของคีตะวันหงอยลง   เด็กหนุ่มหันกลับมาฝืนยิ้มก่อนจะเดินออกจากห้องไป  ‘ตามอารมณ์เขาไม่ทันเลยจริงๆ’ คีตะวันแอบคิดในใจ   -ที่โรงอาหาร- คีตะวันนั่งเซื่องซึมตลอดทั้งเช้าเมื่อคิดทบทวนท่าทางของย่าหยาที่เปลี่ยนไป ไม่รู้ว่าเขาเสียท่าให้พญาพรานแล้วจริงๆ หรือเปล่า  ก่อนหน้านี้เขาเข้าใจว่าย่าหยาคงมาชอบและหวังจะสานสัมพันธ์ ไม่ใช่เขาไม่รู้ที่ถูกอีกฝ่ายรุกหนัก  แต่เพราะอยากแน่ใจก่อนว่าผู้หญิงคนนี้น่าสนใจจริงๆ  แต่ไม่ทันได้ไตร่ตรองอะไรจนดิบดีก็พลาดไปนอนกับเขาเสียแล้ว  แถมยังติดใจลบภาพคืนแสนหวานออกจากหัวไม่ได้   แล้วย่าหยาก็ดันมาเปลี่ยนไปอย่างกับคนละคนอีก  นี่เกิดมาเป็นผู้ชายแท้ๆ กลับมาโดนผู้หญิงหลอกฟันงั้นเหรอ!! “คิล นั่งเหม่ออะไรน่ะ เปิ้ลเรียกตั้งนานไม่ตอบเลย...” เสียงใสดึงเขาออกจากภวังค์ความคิด  ‘ไอ้คิลนะไอ้คิลชอบคนใสใส เขาก็ให้แค่เพื่อน พอจะไปชอบคนแซ่บๆ ก็เหมือนจะโดนเขาหลอกอีก’ พ่อหนุ่มนักศึกษาฝึกงานแอบคิดในใจเมื่อมองดูหน้าอดีตคนคุย “คิดอะไรเรื่อยเปื่อย มีอะไร” “ก็ช่วงนี้คิลดูเงียบๆไป เป็นอะไรหรือเปล่า” “เปล่านิ ปกติแอปเปิลก็ไม่ค่อยคุยกับเราอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง” คีตะวันไม่ใช่คนโง่  เขารู้ว่าที่แอปเปิลมาคุยกับเขาแบบนี้เพราะอยากจะดึงเขากลับไปเป็นตัวเลือกโง่ๆ ไว้หลอกใช้งานเหมือนแต่ก่อน “ไม่ใช่แบบนั้นนะคิล คิลก็รู้ว่าเราคุยไม่เก่ง” “เราเป็นฝ่ายชวนคุยตลอด แต่ช่างเถอะเป็นเพื่อนกันก็ดีอยู่แล้วนี่” คีตะวันไม่เคยปิดบังว่าตัวเองชอบแอปเปิล เธอเองก็รู้ดีว่าที่เขาทำดีด้วยก็เพราะเข้ามาจีบ จริงๆ คีตะวันก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจตัวเลือกหนึ่ง  แต่เพราะกลัวว่าหากเลือกไปแล้วคนอื่นๆ ที่เข้ามาจีบรู้เข้าว่ามีแฟนก็จะพาลหายกันไปหมด นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมแอปเปิลถึงไม่เลือกใครเสียที “ยอมแพ้แล้วเหรอ ไหนเคยบอกว่าจะจีบเราจนกว่าจะได้เป็นแฟนไง” “อะไรที่มันเป็นไปไม่ได้มันก็ไม่ควรไปฝืนนะ เราเพิ่งเรียนรู้เรื่องนี้” “แล้วถ้าเราอยากคุยกับคิลจริงๆ จังๆ ล่ะ” พอร่างสูงทำท่าลุกขึ้นจะเดินหนี คนตัวเล็กก็คว้าแขนก่อนจะพ่นไม้ตายใส่ เขาชะงักก่อนจะหันกลับไปสบตาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ดูใสซื่อไร้เดียงสา แต่ร้ายกาจไว้ใจไม่ได้ “เราไม่ชินเลยกับการหายไปของคิล เราไม่รู้ว่าเราเป็นอะไรเหมือนกัน” เธอพูดต่อด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ให้ตายยังไงก็ไม่ยอมเสียคนนี้ไปแน่ ถึงยังไม่รู้ว่าในอนาคตจะเลือกหรือเปล่าก็ตาม “เย็นนี้ไปส่งเรานะ” “ไม่ชอบซ้อนมอเตอร์ไซค์ไม่ใช่เหรอ” “ลองดูได้นี่ จริงไหม!!” “อืม” เมื่อตกลงกันได้อย่างนั้น แอปเปิลก็กระดี๊กระด๊าทำท่าแอ๊บแบ้วใส่คีตะวัน จนคนยืนแอบมองอยู่หมั่นไส้  ‘โดนดุแค่นิดหน่อย ถึงกับต้องไปหายายเด็กนั่นเลยหรือไง’ ย่าหยายืนมองด้วยสายตาไม่พอใจ มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าแอปเปิลน่ะใสแต่หน้า  แล้วคีตะวันก็ดูจะมีปัญหากับการแยกประเภทผู้หญิง  ถึงจะไม่ได้คิดจริงจังกับเด็กหนุ่มคนไหนแต่ตอนนี้กำลังกินอยู่ก็ไม่อยากให้ใครแย่งไปก่อนจะอิ่ม “คิล...” ระหว่างที่คีตะวันกำลังเดินคุยอยู่กับแอปเปิลย่าหยาก็เดินเข้าไปหาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ครับ?” “พี่มีเรื่องจะคุยกับเราหน่อย ว่างอยู่ไหม” “ครับ ตอนนี้ก็.....ว่าง” “เอ่อ...เรื่องมัน....” ย่าหยาแกล้งว่าพร้อมกับปลายตามองเด็กสาวหน้าใสซื่อข้างๆ คีตะวัน  เป็นเชิงบอกว่าหล่อนไม่ควรยืนอยู่นี่นะ “อ๋อ คิล...งั้นเราไปก่อนนะ มีงานค้างอยู่  เย็นนี้อย่าลืมนะ” “อืม” “.....” ย่าหยามองตามเด็กสาวไปจนลับสายตาก่อนจะกลับมาค้อนใส่ร่างสูงตรงหน้า ท่าทางไร้เดียงสาทำท่าแอ๊บแบ้วทำไมคีตะวันแยกแยะไม่ออก “พี่มีอะไร นี่มันเวลาเที่ยง ทำไมไม่เรียกไปคุยตอนบ่าย” เขาแกล้งพูดตัดพ้อเอาคืนที่อีกฝ่ายดุเขาเมื่อเช้า “ก็มันไม่ใช่เรื่องงาน เย็นนี้นัดกับพี่แล้วไม่ใช่หรือไง ...ทำไมยังไปนัดกับ....” “แอปเปิล” คีตะวันเสริมเมื่อย่าหยาเว้นวรรคนานไม่เอ่ยชื่อ “นั่นแหละ!!  ลืมนัดพี่เหรอ” “ก็แค่ไปส่งเขาที่บ้าน” คีตะวันตอบหน้าตาเฉย “ปกติมายังไง!!!  ทำไม่กลับเองไม่ได้  พิการเหรอ!!” “พี่หึงผมเหรอ!!” เด็กหนุ่มยกยิ้ม “หึงอะไร ทำไมต้องหึง อยากทำอะไรก็ทำไปสิ” “โอเค...  แล้วตกลงพี่มีอะไร” “ไม่มี ลืมไปแล้ว ไปละ!!!” คีตะวันได้แต่ยืนงุนงงมองดูร่างระหงเดินจากไป อะไรของเขานะ!!   เธอไม่มีเรื่องอะไรอยู่แล้ว....ก็แค่อยากแยกเด็กแอ๊บแบ้วนั่นออกจากเหยื่อของตัวเองเท่านั้น  ‘ไปส่งบ้านเหรอ ฝันไปเถอะ ฉันไม่ยอมให้แกสมหวังหรอก ยายเด็กเมื่อวานซืน!!!!’ LINE!!~ แอปเปิล : เรารอร้านน้ำหน้าบริษัทนะ ถึงเวลาเลิกงานไลน์จากแอปเปิลก็เด้งขึ้นมาทันที คีตะวันถอนหายใจเมื่อนึกถึงหน้าของย่าหยาที่ไม่พอใจเรื่องนี้ แต่ก็รับปากกับแอปเปิลไปแล้ว หากรีบไปส่งแล้วรีบไปหาย่าหยาก็ได้นี่  คีตะวันคิดคาดการณ์แต่ดูแล้วมันจะไม่ง่ายแบบนั้นน่ะสิ LINE!!~ พี่ย่าหยา : เจอกันที่ลานจอดรถ คีตะวันคลี่ยิ้มออกมาอย่างไม่ตั้งใจเมื่ออ่านข้อความของย่าหยา  เพิ่งจะนึกถึงเมื่อกี้ อย่างกับรู้!! พอเก็บข้าวของเสร็จคิวของไลน์ย่าหยาก็เด้งขึ้นมาบ้าง คนอย่างย่าหยาถ้ายังกินไม่อิ่มใครหน้าไหนก็มาแย่งเอาไปไม่ได้เด็ดขาด LINE!!~ พี่ย่าหยา : มาก่อนจะไปหาน้องแอปเปิล!! คนอ่านยิ่งยิ้มมากไปกว่าเดิมเมื่อเห็นข้อความจากคนแก่เอาแต่ใจ  แต่เขาก็ยอมทำตามอย่างว่าง่ายโดยไม่อิดออด  เก็บข้าวของทุกอย่างแล้วเดินไปหาย่าหยาที่รถตามที่หญิงสาวออกคำสั่ง   ร่างอรชรยืนพิงรถรออยู่ก่อนแล้วจากกระโปรงเปลี่ยนเป็นกางเกงเรียบร้อย ‘คิดจะทำอะไรของเขาอีก’ คีตะวันเดินตรงเข้าไปหาคนเอาแต่ใจด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม   “พี่มีอะไร เดี๋ยวผมก็ไปหาแล้ว ทำไมไม่รอคุยทีเดียวเลย”  “ทำไมต้องเสียเวลา ไปพร้อมกันเลยทีเดียวไง” คนสวยหันไปตอบเจ้าของรถ “พี่ไม่กลัวคนเห็นหรือไง” ก่อนหน้านี้เธอเป็นคนพูดเองแท้ๆ ว่าไม่อยากให้ใครรู้ อยากแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว “ใครจะมาสนใจ ป่านนี้ก็ทำโอทีไม่มีใครมามองหรอก” เวลานี้กำลังปลอดคน ย่าหยามั่นใจเหลือเกินว่าจะไมมีใครรู้เห็นเรื่องของเธอกับคีตะวัน “รปภ.หน้าบริษัทยังไง” “ก็เอาหมวกกับเสื้อมาให้พี่ใส่สิ!!” คนเอาแต่ใจยืนยันจะไปกับเขาให้ได้  เป็นตายยังไงก็ไม่ยอม!!  ย่าหยาคนหยิ่งทะนงหายไปไหนเสียแล้ว ทำไมถึงกลายเป็นยายแก่งอแงเอาแต่ใจไปได้ “รถพี่ก็มี ทำไมพี่ต้องให้ผมไปส่ง” “ทำไม!!  อยากไปส่งน้องแอปเปิลจนใจมันจะขาดเลยหรือไง” “พี่เป็นอะไรเนี่ย” คีตะวันว่า  เขาไม่เข้าใจเลยที่ย่าหยาเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวเย็นชา เดี๋ยวมาทำเป็นหวง สถานะตอนนี้เป็นอะไรกันก็ยังตอบไม่ได้ แต่กลับมีอะไรเกินเลยกันไปแล้ว “ไม่ได้เป็นอะไร ก็แค่ไม่อยากเสียเวลา” “ไม่เห็นจะเสียเวลาตรงไหน พี่ขับรถของพี่...และพี่อยากไปทำอะไรก็ทำไปก่อน  ผมไปส่งแอปเปิลเสร็จยังไงผมก็ต้องไปอาบน้ำอยู่แล้ว พี่ขับรถกลับเองจะสะดวกกว่าตั้งเยอะ” “มันเป็นปัญหามากใช่ไหมกับรถพี่เนี่ย!!...” มือเรียวเปิดกระเป๋าหยิบเอาเจ้ากุญแจรถตัวปัญหาออกมา ก่อนที่เธอเดินออกไปขว้างมันลงบ่อน้ำที่ไม่ไกลมากหายไปกับตา “อะ พี่ไม่มีรถแล้ว ทีนี้จะไปส่งพี่ได้หรือยัง” “......” คีตะวันพูดอะไรไม่ออก เขายืนกลั้นหัวเราะกับท่าทีเหมือนเด็กของสาวใหญ่วัยสามสิบ จะว่าตลกมันก็ตลก  แต่ทำไมเขากลับรู้สึกว่ามันน่ารักอย่างบอกไม่ถูก จะมีสักกี่คนกันที่จะได้มาเห็นเธองี่เง่าแบบนี้ “ถามว่าจะไปส่งได้ยัง ไม่มีรถแล้วเนี่ย!!” “สรุป....พี่หึงที่ผมจะไปส่งแอปเปิลใช่ไหม” “ทำไมต้องหึงด้วย ก็เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” เพราะถูกยิงตรงเกินไป คนพูดจึงได้พูดอะไรออกไปอย่างไม่ยั้งคิด   คนฟังชาวืดไปทั้งตัวด้วยเขาไม่ได้คิดว่าจะถูกพูดตรงแบบนี้ ต้องยอมรับตามตรงว่าจริงแล้วเขาก็รู้สึกดีไม่น้อยกับค่ำคืนแสนหวานของตัวเองกับย่าหยา  แต่หากว่ามันจะเป็นเพียงค่ำคืนที่คนเหงาสองคนมาระบายความใคร่ด้วยกันก็พอจะเข้าใจได้  และพร้อมจะยับยั้งตัวเองไม่ให้คิดอะไรเกินเลย “อ๋อ...อืม!! ผมเข้าใจละ” “เอ่อ...คือคิล.....” กว่าจะรู้ตัวเองว่าพูดอะไรออกไปก็จนได้เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายจืดลงไปเสียแล้ว “พี่รอผมไปส่งแอปเปิลก่อนได้ไหม แล้วผมจะย้อนมารับพี่ ผมรับปากเขาไปแล้ว ผมจะรีบไปรีบกลับ” “.....” คนถูกถามกรอกสายตาอย่างไม่พอใจ ทำไมเธอต้องรอให้เขาไปส่งเด็กนั่นก่อน “อืม....ก็ได้” เพราะเผลอปากพูดออกไปแบบนั้น  ย่าหยาเลยไม่อยากเอาแต่ใจมากนักให้แตกตื่น  กลัวจะยิ่งทำให้เรื่องมันแย่ลงไปอีก ระหว่างรอคีตะวันกลับมาย่าหยาก็เอาแต่นั่งคิดว่าจะเริ่มตกลงกับคีตะวันยังไงดี  ดูไปเด็กหนุ่มก็ไม่ได้เหมือนกับคนอื่นที่หิวเงินตั้งแต่แรก    แล้วก็ไม่ได้ดูจะอยากกินเล่นขำๆ เหมือนคนอื่นด้วย  หากไปเสนอเรื่องเงินคงไม่เหมาะเท่าไหร่ ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้ย่าหยาปวดหัว “ทำไมต้องมาเสียสมองกับเรื่องจุกจิกแบบนี้ด้วยนะ งานการก็ไม่ได้ทำ” คนสวยบ่นกับตัวเอง “รอนานไหม” ในที่สุดเด็กหนุ่มก็กลับมาเสียทีหลังทิ้งให้ย่าหยานั่งรออยู่นมนาน “ไม่เท่าไหร่” “อืม งั้นก็ไปกันเถอะ” “......” ดูจากปฏิกิริยาของอีกฝ่ายแล้วยังน้อยใจอยู่แน่  ถึงจะไม่ได้เป็นอะไรกันแต่ย่าหยาก็ยังอยากเก็บคีตะวันไว้  ถ้าเป็นคนอื่นคงถามแล้วว่าจะเอาเท่าไหร่ แต่กับคีตะวันมันไม่ใช่  “อยากกินอะไร” “ห้ะ?” คนถูกถามงุนงงกับความแปรปรวนของย่าหยาอย่างบอกไม่ถูก “ก็ยังไม่ได้กินข้าวเลยนี่ จะกินอะไรล่ะ  จะทำให้กิน” จะง้อเด็กทั้งทีมันก็ต้องโชว์ฝีมือกันหน่อย “พี่ทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอ” เด็กหนุ่มถามอย่างคับข้องใจ ดูแล้วรูปทรงไม่น่าจะสนใจงานพวกนี้เลย  ย่าหยาน่ะดูเป็นสาวสมัยใหม่ที่ไม่มีเคล้าจะสนใจงานบ้านงานเรือนแต่น้อย  แล้วไอ้การทำกับข้าวก็ไม่ใช่จะทำกันได้ทุกคน “นี่!! ยังไงพี่เป็นผู้หญิงนะ  มันก็ต้องทำได้ไม่ใช่หรือไง” “ดูแล้วไม่น่าจะได้ไง  พี่ดูเป็นเวิร์คกิ้งวูเมนแบบสาวสายบ้างาน” “รู้จักแค่ด้านเดียวอย่ารีบตัดสินสิ  มีอีกตั้งหลายด้านที่เธอยังไม่เคยเห็น” “แล้วด้านที่โยนกุญแจรถลงน้ำ...ใครเห็นมาแล้วบ้างอ๊ะ ...โอ๊ย!!” มือเรียวฟาดเข้าที่แขนคีตะวันอย่างจัง   ‘มาล้อกันได้ คิดว่าปกติเป็นแบบนี้หรือไง ทำไปยังไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำ’ ย่าหยาคิดว่าตัวเอง “งั้นตกลงแวะตลาด แล้วค่อยไปห้องพี่ใช่ไหมครับ” “อืม คิดด้วยนะว่าจะกินอะไรจะได้เลือกถูก” “ตื่นเต้นจัง จะได้ชิม......อาหารของคุณประธาน” เด็กหนุ่มลากเสียงยาวเพียงรู้เท่าทันกับคำว่าชิม  ทั้งที่ก็กินมาแล้วทั้งคืน แต่ก็ไม่รู้สึกอิ่มต่อร่างกายตรงหน้า “ปากมากแบบนี้แหละจะไม่ได้ชิม.......อะไรเลย” “อะไรนี่.....อะไรเหรอ” “อยากรู้...ก็ต้องรอดู” คีตะวันลืมเรื่องที่ย่าหยาพูดไปเมื่อก่อนหน้านี้เสียจนสนิท  คนคุมเกมยังไงก็เป็นคนคุมเกม   แค่นี้มันไม่เกินความสามารถของย่าหยาอยู่แล้ว  เหลือก็แต่ยายเด็กแอปเปิลที่ยังไม่รู้จะจัดการยังไงดี  เพราะถ้าเธอเดาไม่ผิดคีตะวันเองก็ดูมีใจให้แม่นั่นเหมือนกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD