บทที่ 2 เด็กน้อยในโรงเก็บฟืน [2]

2250 Words
เกือบสามวัน ซิงถิงให้เวลาว่างอันน้อยนิดสำรวจพื้นที่โดยรอบโรงเก็บฟืน และพบว่าที่โรงเก็บฟืนนี้อยู่ติดกับป่า นางจึงสามารถหาอาหารป่าจำพวกเห็ด และผลไม้ป่าประทังความหิวจากการที่ได้กินแต่หมั่นโถวแถมยังลูกเล็กไม่อิ่มได้บ้าง แต่นางก็ไม่กล้าเข้าไปภายในป่า จึงได้แต่สำรวจโดยรอบ และนางยังรู้มาอีกว่าที่โรงเก็บฟืนแห่งนี้มีเพียง ป้าหลัน ลุงหลันที่เป็นสามีของป้าหลัน และชายร่างใหญ่คนหนึ่งไม่ทราบชื่อ แต่เขาทำหน้าที่หาฟืนหาท่อนซุงมาเติมให้ภายในโรงเก็บฟืน แน่นอนว่าจากนิสัยของพวกเขาที่นางสังเกตมา ซิงถิงไม่หวังจะพึ่งใคร นางคิดแต่ว่าต้องเอาตัวรอดในยุคนี้ให้ได้ จากพื้นที่รอบโรงเก็บฟืนที่นางสำรวจมา สิ่งหนึ่งที่นางสังเกตเห็นและคิดว่าน่าจะเหมือนกับโลกหรือยุคที่นางจากมา ซึ่งนั่นก็คือ…อาหารยังไงล่ะ! มือน้อยย่างเห็ดฟางที่เก็บมาจากกองฟางเก่าแถวคอกม้าอย่างระมัดระวังไม่ให้มันไหม้เสียก่อน ไม่นานนักเห็ดก็ขึ้นสีเหลือง ส่งกลิ่นหอมชวนกินออกมาบ่งบอกว่าพร้อมที่จะลงกระเพาะของซิงถิงแล้ว แม้นางจะไม่สามารถหาเรื่องปรุงใดๆ มาเสริมความอร่อยได้ แต่ก็ถือว่าดีมากแล้วที่ยังมีอะไรกิน ในหัวของซิงถิง คิดนึกไปว่าจะดีเพียงใดหากนางจะได้ออกไปจากโรงเก็บฟืนแห่งนี้ นางอยากจะออกไปดูโลกกว้าง อยากจะไปสำรวจทุกที่เพื่อที่จะชิมอาหาร ตรวจสอบวัตถุดิบของยุคนี้ และอยากจะเข้าครัวอีกครั้งในฐานะเชฟ แค่คิดซิงถิงก็รู้สึกมีไฟลุกโชนแล้ว แต่แน่นอนว่าเรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้น นางไม่รู้เลยว่าโลกกว้างภายนอกของที่นี่จะเป็นยังไง หากจะหนีไปตอนนี้ก็เสี่ยงเกินไป เพราะร่างกายนี้ยังอายุน้อยมากนัก แถมยังผอมแห้งไม่ค่อยแข็งแรงด้วย แต่นางก็ไม่คิดท้อที่จะหาทางไปจากที่นี่ เมื่อกินจนพออิ่มท้อง ซิงถิงก็นอนหงานไปบนพื้นที่นางนำกองใบไม้แห้งมากองต่างเตียง ท่อนไม้แทนหมอน แล้วใช้ผ้าผืนเก่าเพียงผืนเดียวที่นางมีห่มกายกันลมหนาว ดวงดาวบนท้องฟ้าแลดูสว่างสดใส ทำเอาซิงถิงถึงกับนอนชมเพลินจนเผลอหลับไปในที่สุดเพราะความเหนื่อยล้าสะสม วันถัดมา ซิงถิงก็ต้องขนฟืนขึ้นเกวียนเหมือนเดิม หลังจากที่นางจัดการงานที่ป้าหลันมอบหมายเรียบร้อย นางก็มานั่งพักเอาแรงอยู่ที่ใต้ร่มไม้ริมลำธาร ซึ่งปกติแล้วจะไม่มีใครมาแถวนี้ แต่ทว่าวันนี้ไม่รู้เป็นโชคร้ายอะไร ป้าหลันถึงได้บังเอิญผ่านมา “ซิงถิง!” ป้าหลันเดินตรงเข้ามาหาเด็กน้อยร่างเล็กทันที เมื่อซิงถิงเห็นนางดูไม่สบอารมณ์ดวงตาของซิงถิงก็เบิกกว้างเล็กน้อย สมองเริ่มคิดหาทางรอดให้ตัวเองทันที “ข้าทำงานที่ท่านสั่งเสร็จแล้วนะ” ซิงถิงรีบออกตัว พร้อมลุกขึ้นยืน “เสร็จแล้ว? เสร็จไวขนาดนี้เชียว เจ้าอย่ามาโกหกหน่อยเลยรีบกลับไปทำงานเดี๋ยวนี้!” “ข้าขนฟืนขึ้นเกวียนเสร็จแล้วจริงๆ” นางยังคงยืนการ ซิงถิงคิดว่าระหว่างไม่บอกแล้วให้ป้าหลันเข้าใจว่านางอู้งานมีหวังนางได้ถูกตีจนตัวระบมอีกแน่ แต่ถ้าบอกว่าทำงานเสร็จแล้ว…อย่างมากก็โดนใช้งานเพิ่มแค่นั้น “หากท่านไม่เชื่อข้าพาท่านไปดูก็ได้” ซิงถิงเดินนำป้าหลันไปที่เกวียน “นี่ไงข้าขนเสร็จแล้ว” “ใครช่วยเจ้าห่ะ” ป้าหลันเอ่ยเสียเข้มแบบไม่พึงพอใจ ปนไม่เชื่อ “ไม่มีใครช่วยข้าหรอก ข้าขนเอง” “งั้นก็ไปตักน้ำที่ลำธารเข้าโอ่งในครัว” นางวางถังไม้ที่ถือมาลงตรงหน้าซิงถิง ซิงถิงพยักหน้ารับคำสั่งแล้วหิ้วถังไม้กลับไปที่ลำธาร นางถูกใช้งานเพิ่มตามที่คาด แต่ก็ดีกว่าถูกตีเป็นไหนๆ ซิงถิงตักน้ำขึ้นมาจนเต็มถัง แต่ก็ต้องเทออกคืนเพราะแรงของนางไม่พอที่จะยกมันกลับไป นางยกน้ำกลับไปได้เพียงแค่ครึ่งถังเท่านั้น “หวังว่าโอ่งจะไม่ใหญ่มากนะ” นางรำพึงกับตัวเองอย่างปลงๆ กับเรี่ยวแรงอันน้อยนิด ระยะทางระหว่างลำธารกับห้องครัวห่างกันพอสมควร แถมทางยังขรุขระและมีสิ่งกีดขวางทำให้ซิงถิงต้องพับความคิดที่จะเอาท่อนซุงที่ตัวเองทำเป็นรถลากมาใช้ นางใช้ตัวเองดันประตูให้เปิดออก ภายในห้องครัวมีโอ่งเก็บน้ำใบใหญ่อยู่ใบหนึ่ง ด้วยความที่นางตัวเล็กมันจึงสูงเท่าหัวซิงถิง ซิงถิงลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมาก่อนจะปีนมันขึ้นไป “…เหลือแค่ก้นโอ่งนี่ฉันต้องขนอีกกี่รอบเนี่ย” นางบ่นลำพึง “ซวยจริงๆ เลย” นางเทน้ำจากถังไม้ลงไป ระดับน้ำขึ้นมาเพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้น เห็นทีงานนี้นางต้องขนน้ำจนหมดแรงแน่ แค่คิดซิงถิงก็รู้สึกเหนื่อย นางเดินไปขนน้ำจากลำธารมาใส่โอ่ง รอบแล้วรอบเล่า จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดินน้ำก็เกือบจะเต็มโอ่ง ซิงถิงวางถังไม้ลงอย่างหมดแรงแล้วทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ที่นางยกมาปีน แขนของนางล้าไปหมด แม้จะยังไม่เต็มโอ่งดี แต่เพียงแค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว เมื่อได้แรงกลับมาคืนส่วนหนึ่ง ซิงถิงก็สำรวจห้องครัวดูอย่างอยากรู้อยากเห็น ดวงตาของนางเป็นประกายกับวัตถุดิบและเครื่องมือตรงหน้า จนรู้สึกคันไม้คันมือเอื้อมไปหยิบกระทะมาถือเล่น แล้วทำท่าจำลองทำอาหาร “อากาศเริ่มเย็นแบบนี้อยากกินต้มซุปจัง” ด้วยการที่นางไม่ได้ทานอะไรมาหลายชั่วยาม ท้องของนางก็ร้องประท้วง ซิงถิงจึงเดินไปหาป้าหลัน เพื่อขอหมั่นโถวส่วนของมื้อเย็น “ป้าหลันข้าตักน้ำใส่โอ่งเสร็จแล้ว” “อืม” “ขอหมั่นโถวให้ข้าหน่อยได้หรือไม่” “เอาไป” นางเดินไปหยิบหมั่นโถวบนโต๊ะให้ซิงถิงแล้วเอ่ยไล่นางอย่างรำคาญ “แล้วก็กลับโรงเก็บฟืนเจ้าไปได้แล้วไป” ซิงถิงรับหมั่นโถวมาไว้ในมือแล้วพยักหน้ารับ นางเดินกลับพลางคิดไปว่าวันนี้จะกินอะไรดี แม้จะหิวแต่นางก็ไม่อยากกินหมั่นโถวแข็งๆ จะกินแบบปิ้งอุ่นนางก็เริ่มรู้สึกเบื่อ… “ลองเสี่ยงไปดูดีไหมนะ” นางรำพึง “ไม่ๆ เสี่ยงเกินไป” นางส่ายหัว แล้วตัดใจไปหาเห็ดป่าเก็บมาปิ้งกินกับหมั่นโถวเหมือนเดิม ผ่านไปเกือบหนึ่งเดือน ต้นฤดูหนาวก็เริ่มมา ซิงถิงตื่นแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น ไอหนาวเย็นผ่านกระทบกายซิงถิงจนนางรู้สึกหนาวสั่น นางขดตัวกอดตนเอง แม้จะหลบลมหนาวอยู่ในโรงเก็บฟืนแต่โรงเก็บฟืนนี้ก็มีช่องลมใหญ่เกินไปทำให้แทบจะไม่กันลมหนาวให้นางได้แม้แต่น้อย เสียงฟันกระทบกันดังกึก กึก กึก ด้วยอุณหภูมิที่หนาวขนาดนี้นางคาดว่าอีกไม่กี่วันคงได้มีหิมะเป็นแน่ นางอยากจะลุกขึ้นไปยังลำธารจุดที่นางใช้ก่อไฟเพื่อหาไออุ่นให้ตัวเอง แต่ตอนนี้อีกไม่นานป้าหลันก็คงจะมาแล้ว มือน้อยกระชับผ้าที่เต็มไปด้วยรอยปะเข้าหาตัว และรอคอยเวลาพระอาทิตย์ขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ กว่าครึ่งชั่วยาม ในที่สุดป้าหลันก็มาพร้อมกับหมั่นโถวในมือสองลูก ซิงถิงมองหมั่นโถวสองลูกที่ถูกยื่นมาให้อย่างแปลกใจ แต่ก็รีบเอื้อมมือไปรับเอาไว้ทันที “เก็บเอาไว้กินกลางวันด้วยล่ะ วันนี้ข้าจะออกไปธุระ แต่กลับมาเจ้าต้องทำงานให้เสร็จเข้าใจไหม ห้ามแอบอู้!” ซิงถิงพยักหน้าตอบ นางจึงเดินกลับไป… “ลุงหลันจะออกไปด้วยหรือเปล่านะ?” หลังจากที่ซิงถิงนำหมั่นโถวไปอุ่นกินลัวนั่งผิงไฟนางก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย จึงกลับมาทำงานขนฟืนขึ้นเกวียนต่อ นางขนฟืนไปเหลือบมองทางบ้านป้าหลันไปด้วย เกือบเที่ยงวันนางก็เห็นทั้งสองขึ้นรถม้าออกไป นางรอให้ทั้งสองไปจนลับสายตา…โอกาสที่นางรอมานานตอนนี้มาถึงแล้ว ใบหน้าผอมเรียวยิ้มกว้าง ก่อนจะไปหยิบหมั่นโถว เห็ดและมันเทศที่นางบังเอิญเจอมาเมื่อวานวิ่งไปที่ห้องครัวทันที ซิงถิงไม่รอช้า นางจัดการติดฟืนที่เตาแล้วตั้งหม้อต้มน้ำทันที “อ้า…ต้มซุปจ๋าในที่สุดวันนี้ก็จะได้กินแล้ว” นางถูมือที่เย็นเฉียบไปมา มือเล็กเอื้อมไปหยิบมีดมาปลอกมันเทศออกอย่างคล่องแคล่วแม้จะไม่ได้จับมีดมานาน แล้วหั่นมันเป็นเต๋าแช่น้ำเอาไว้ ประกอบกับที่น้ำเดือดพอดี ซิงถิงมองไปรอบๆ ตัว “ขโมยนิดหน่อยคงไม่เป็นอะไรหรอกมั่ง…พวกเขาคงไม่รู้หรอก” นางหยิบรากผักชีที่ถูกล้างเอาไว้อยู่แล้วมาสองรากใส่ลงไปในหม้อน้ำเดือด ตามด้วยพริกไทยดำ และมันเทศลงไปก่อนเพราะมันสุกยาก ระหว่างที่รอให้น้ำเดือดอีกรอบ นางก็หั่นหมั่นโถวรอ เมื่อน้ำเดือดได้ที่แล้วนางก็จัดการใส่เห็ด ปรุงเครื่องปรุง กลิ่นของเครื่องเทศและมันเทศเริ่มที่จะหอมฉุยออกมา แม้ต้นซุปหม้อนี้จะเป็นการผสมที่ดูมั่วๆ แต่ด้วยฝีมือของนางแล้วมันกลับดูน่าทาน นางยกหม้อออก แล้วตักซุปใส่หมั่นโถวในชามที่นางเตรียมเอาไว้ หมั่นโถวที่ดูดซับน้ำซุปสีเหลืองทองดูพองขึ้น ด้วยความหิวกระหายซิงถิงก็รีบตักเข้าปากทันที “โอ๊ย! ร้อนๆ !” นางรีบอ้าปากเป่าระบายความร้อนออกพลางใช้มือสะบัดพัดเข้าช่วย “อ้าลิ้นพองเลย” นางทำหน้าเหยเก เพราะความตะกละของตัวเองแท้ๆ ถึงทำให้เจ็บตัว ซิงถิงตักน้ำซุปขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้นางเป่าอย่างใจเย็น เมื่ออุ่นได้ที่นางจึงค่อยๆ ซดลิ้มรส รสชาติความหอมหวานของมันเทศมันทำให้นางรู้สึกดี พลางอบอุ่นขึ้นเมื่อได้ทานของร้อน ซิงถิงตักขึ้นมาอีกครั้งหมั่นโถวที่ดูดน้ำซุปดูพองออก นางอ้าปากเล็กๆ นำหมั่นโถวคำโตเข้าปาก เมื่อนางเคี้ยวน้ำซุปก็กระจายเต็มปากนาง ความรู้สึกดีของการไม่ได้กินของอร่อยมานานทำให้นางกินจนเพลิน… แต่ถึงอย่างนั้นด้วยขนาดตัวและกระเพาะที่เล็กทำให้ซุปเหลือเกือบครึ่งค่อนหม้อ ซิงถิงนอนตีพุงที่นูนขึ้นมาเล็กน้อยเบาๆ ตั้งแต่ที่นางมายังโลกนี้ นางก็เพิ่งจะได้กินอิ่มจนพุงกางก็วันนี้แหละ ขณะที่นางกำลังมีความสุขอยู่กับในห้องครัวนั้น… “ซิงถิงนี่เจ้าทำอะไรห่ะ!” “…!” ซิงถิงสะดุ้งแล้วลืมตาขึ้นมาทันที “ละ…ลุงหลันขะ…ข้าแค่…โอ๊ย!” ขณะที่นางกำลังจะหาข้อแก้ตัว ลุงหลันก็เข้ามากระชากผมของนางแล้วดึงขึ้นอย่างแรง ทำเอาร่างเล็กผอมแห้งแทบจะลอยตามแรงดึง ซิงถิงเจ็บจนน้ำตาเล็ด “ข้าเจ็บลุงหลัน ปล่อยข้าเถอะ” นางพยายามขอร้องอ้อนวอน “นี่เจ้ากล้าเข้าครัวทำอาหารหรือห่ะ!!!” เขามองชามน้ำซุปของนางด้วยแววตาเข้มขึ้นอย่างน่ากลัวพลางกัดฟันกรอดอย่างโมโห แล้วปัดชามน้ำซุปของนางจนหล่นพื้นแตกกระจาย “เจ้าอยากให้พวกข้าซวยไปด้วยหรือไง!” ซิงถิงที่ไม่ทราบว่าทำไมลุงหลันถึงโมโหขนาดนี้ นางตัวสั่นเทา “ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าไม่ได้ขโมยอาหารพวกท่านนะ ข้าแค่ใช้เครื่องปรุงนิดหน่อยเอง โอ๊ย!” ยิ่งนางพูดอธิบายเขาก็โมโหรุนแรงมากกว่าเก่า “นี่เจ้า!!!” ซิงถิงถูกผลักให้ล้มลง ตุบ!! ซิงถิงรู้สึกมึนศีรษะชั่วขณะเพราะหัวไปกระแทกกับขอบโต๊ะ นางกุมหัวอย่างเจ็บปวดมือเล็กรู้สึกถึงน้ำเหนียวข้น และได้กลิ่นคาว…ด้วยความที่เลือดไหลลงมาถึงตาทำให้นางลืมตาข้างขวาไม่ถนัด ภาพตรงหน้าของนางที่ไม่ชัดนั่นก็คือภาพของลุงหลันที่เดินถือมีดอีโต้ย่างก้าวเข้ามาหานาง ร่างเล็กรีบขยับถอยหลังออกไปทันที “ไม่นะลุงหลัน ข้า ฮื่อ ข้าขอโทษ” นางยกมือพนมน้ำตานองหน้าด้วยความกลัว “ผู้ใหญ่โทษตัดหัว เด็กโทษคือตัดมือ” เขาไม่ฟังคำของนาง มือหนาคว้าข้อมือเล็กแล้วง้างมืออีกข้างเตรียมลงคมมีดทันทีอย่างไม่ลังเล “ไม่นะ! กรี๊ดดดดด!!!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD