“ว่าแต่เราชื่ออะไร?” พยายามชวนคนข้างๆคุย เพื่อลดบรรยากาศน่าอึดอัด
“ชื่อแพรค่ะ” แพรวิภาหันไปตอบ ชื่นชมความสวยบนใบหน้าหญิงสาวที่ดูมีอายุมากกว่าเธอ
“ชื่อจริง?”
“แพรวิภาค่ะ”
“พี่หมายความว่าชื่อจริงชื่อแพรเหรอ ที่นี่เขาไม่ค่อยใช้ชื่อจริงกันหรอกนะ เปลี่ยนชื่อดีไหม เดี๋ยวพี่ตั้งให้”
แพรวิภาไม่ได้ฟังที่ลิลลี่พูดเลย เพราะเธอมัวแต่มองตามหลังร่างสูงใหญ่ไป เผลอสบดวงตาคู่คมเข้าในตอนที่เขาหยุดคุยกับพนักงาน ก้มหลบสายตาไม่ทัน จึงเห็นว่าเขาทำหน้าดุ ริมฝีปากหยักสวยขยับขึ้นลงเป็นคำสั่ง ว่าให้ตั้งใจทำงานซะ จากนั้นเขาก็เลิกสนใจเธอ
“ชื่อโรสดีไหม?”
“คะ? อ่า แพรไม่ชอบกุหลาบค่ะ ขอเป็นชื่ออื่นได้ไหมคะ”
“อ่าวเหรอ งั้นชื่อเดซี่ไหม ภาษาดอกไม้ของมัน หมายถึงความหวังและการเริ่มต้นใหม่ พี่ไม่รู้หรอกนะว่าเหตุผลที่แพรมาอยู่ที่นี่คืออะไร แต่เชื่อเถอะว่ามันดีที่สุดแล้ว ที่ได้อยู่ใต้การปกครองของคุณแดน”
ใบหน้าสวยมองไปยังผู้ชายเจ้าของชื่อ แววตาคู่สวยเปี่ยมไปด้วยความรู้สึก คุณแดนคนนั้นคงเป็นที่ชื่นชมของคนที่นี่ แพรวิภาเองก็รู้สึกขอบคุณเขาไม่น้อยที่ช่วยเธอไว้ ซ้ำยังให้ทำงานใช้หนี้ แทนที่จะใช้ร่างกายเหมือนที่ไอ้เสี่ยคนนั้นต้องการ
“ค่ะ ใช้ชื่อนั้นก็ได้ค่ะ”
“โอเค เราไปแต่งหน้า แล้วเริ่มงานกันเถอะ”
แพรวิภาเดินตามสาวรุ่นพี่ไป เมื่อเดินมาถึงจนห้องๆหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายๆห้องพัก หญิงสาวพนักงานใหม่ก็ถูกลิลลี่ไล่ให้ไปล้างหน้า เมื่อล้างหน้าเสร็จก็ถูกบังคับให้นั่งอยู่บนเตียง หญิงสาวมากฝีมือจัดการแต่งหน้าให้แพรวิภาด้วยความช่ำชอง ใช้เวลาไม่นานเธอก็ยื่นกระจกไปให้สาวรุ่นน้องดู
“คุณแดนตาไม่ถึงของดี แพรว่างั้นไหม”
ชื่อนั้นทำให้แพรวิภารู้สึกหน้าร้อนแปลกๆ หวนคิดถึงดวงตาสีดำสนิท ยามที่เขาใช้มันลากสำรวจร่างกายตัวเอง ใบหน้าที่สะท้อนให้เห็นผ่านกระจกเงา ขึ้นสีแดงเรื่อไม่นานก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ลิลลี่ถึงกับหลุดหัวเราะ แต่ไม่นานก็วางสีหน้าเป็นเย็นชา
“ชื่นชมได้นะ แต่รักไม่ได้ หรือถ้ารักไปแล้วก็ต้องซ่อนไว้ให้ลึกสุดใจ คุณแดนไม่เหมาะจะเป็นที่รักของใครหรอกจ๊ะ เขามีคนในใจอยู่แล้ว อย่าให้รูปลักษณ์หล่อเหลานั้นหลอกได้เชียว”
เตือนรุ่นน้องคนสวยด้วยความหวังดี หรี่ดวงตาสำรวจใบหน้าหวาน รู้สึกแปลกใจแต่ยังซ่อนความสงสัยไว้
“อ่า ค่ะ แพร คือฉันจะจำไว้ค่ะพี่ลิลลี่”
“อื้อ งานของเราคือช่วยพี่ดูแลลูกค้าวีไอพี ที่นี่ไม่สนับสนุนให้พนักงานนอนกับแขก แต่มันก็มีแหละคนที่หวังรวยทางลัด ถ้าเราอยากทำพี่ไม่ห้าม แต่พี่ขอเตือนว่าพวกผู้ชายที่นี่ ไม่ได้หวังอะไรมากไปกว่าร่างกายของเราหรอก พอมันเบื่อมันก็ทิ้ง”
แววตาคู่สวยดูหมองหม่นลงมาก ก่อนจะกลับมาเป็นปกติในเวลาเพียงไม่นาน ผู้หญิงที่สูงมากกว่า 175 เพราะรองเท้าส้นแหลมปรี๊ด เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า จากนั้นก็เดินกลับมาหาแพรวิภาพร้อมชุดใหม่
“พี่ว่าเราใส่ชุดแบบนี้น่าจะทำงานได้สะดวกกว่า”
หญิงสาวคลี่ยิ้มด้วยความรู้สึกขอบคุณ เมื่อชุดที่ลิลลี่ให้มานั้น เป็นชุดเดรสสายเดี่ยวรัดรูปสีแดงสด เธอทาบมันเข้ากับตัวเพื่อวัดความยาว เมื่อเห็นว่ามันยาวจนเกือบถึงหัวเข่า ก็ระบายยิ้มกว้างขึ้น
“ห้องน้ำอยู่ทางนั้น เปลี่ยนเสร็จแล้วเราจะเริ่มงานกันเลย”
“ค่ะ”
เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อย ลิลลี่ก็พาตัวแพรวิภาเข้าไปในห้องๆหนึ่ง ในห้องนี้มีเขตแดนซึ่งเป็นเจ้าของสถานที่นั่งรวมอยู่กับเหล่านักเล่น เขามองไปยังหญิงสาวเพียงเล็กน้อย จากนั้นก็หันกลับมาสนใจกิจกรรมที่ทำ หญิงสาวไร้ประสบการณ์ทางด้านนี้ ได้แต่ยืนนิ่งให้ผู้ชายหลายคนจ้องมองสำรวจร่างกาย
“เด็กใหม่เหรอครับคุณเขตแดน?” ผู้ชายที่นั่งอยู่ซ้ายมือเขตแดนถาม
“อืม” ชายหนุ่มตอบรับสั้นๆ
“คนนี้…ได้ไหมครับ?” ผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านขวาถามบ้าง พลางส่งสายตาแปลกๆไปให้แพรวิภา
“คนนี้ไม่ได้ค่ะ อย่าทำให้น้องใหม่ของลิลลี่กลัวสิคะ”
ลิลลี่พูดเสียงหวาน ส่งสายตาปลอบโยนไปให้สาวรุ่นน้อง ขยับนิ้วมือเรียกให้แพรวิภาเดินไปหา ชี้มือไปยังเก้าอี้ว่างซึ่งอยู่ด้านซ้ายมือของคุณเขตแดน “ไปนั่งข้างคุณแดนก่อนแล้วกัน แล้วคอยจับตาดู ว่าพี่ทำอะไรบ้าง”
“อ่า ค่ะ”
หญิงสาวหุ่นเย้ายวนเดินไปนั่งบนเก้าอี้ว่าง พยายามจับตาดูสิ่งที่ลิลลี่ทำ แต่สายตาผู้ชายทุกคนที่จ้องมองมายังเธอ มันทำให้รู้สึกประหม่าและไม่มีสมาธิ ซ้ำตัวตนของคนเจ้านายยังรบกวนสุดๆ แม้เขาจะไม่พูดและมองมาที่เธอเลย แต่มันก็ให้ความรู้สึกกดดันอยู่ดี
หมับ!
“อุ๊ย!”
“ผิวเนียนจังเลย”
แพรวิภาตาโต ก้มมองมือบนต้นขาของตัวเอง มองซ้ายขวาเพื่อหาตัวช่วย แต่ทุกคนทำเหมือนมองไม่เห็นความผิดปกติของเธอ เจ้านายที่นั่งอยู่ขวามือปรายตามอง ออกคำสั่งผ่านริมฝีปากที่ขยับขึ้นลงนิดๆ ว่าให้อดทน ริมฝีปากสวยกัดลงแน่น
งานที่นี่มันเป็นแบบนี้สินะ!
พรึ่บ!
“อยะ!”
ริมฝีปากเผยอขึ้นร้องห้าม และหุบฉับลงเมื่อดวงตาสีดำขวับตวัดมอง มือเล็กพยายามหยุดมือที่เลื่อนขึ้นมาสูง จนแทบจะหายเข้าไปในชายกระโปรง ดวงตาคู่หวานคลอน้ำ ทั้งที่คิดไว้แล้วว่ามันคงไม่พ้นเรื่องแบบนี้ แต่พอเอาเข้าจริง เธอกลับรับมือมันไม่ได้
“อยากได้ตังไปกินหนมไหมครับ”
“มะ ไม่ ไม่เอาค่ะ”
“พี่จ่ายหนักนะ”
มือข้างนั้นเลื่อนสูงขึ้นทั้งที่เธอขืนมันไว้ เมื่อเขาเลื่อนมาจนถึงขอบกางเกงชั้นใน ก็สอดนิ้วมือเข้าไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวผละถอยหลังเพื่อหนีแต่พนักเก้าอี้ขวางทางอยู่ พยายามมองไปทางขวามือเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่สิ่งที่ได้มีเพียงสายตาเย็นชาจากคนเป็นนาย
“อึก! อย่านะคะ ได้โปรด”
น้ำตาหยดลงอาบสองแก้ม คนที่เห็นมันพากันหัวเราะใส่ ลิลลี่มองไปยังสาวรุ่นน้องด้วยความเวทนา ริมฝีปากสวยกดลงพลางส่ายหน้าช้าๆ เหมือนบอกว่าชะตากรรมในที่แห่งนี้ ก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่ชอบแค่ไหนก็ปฎิเสธอะไรไม่ได้
พรึ่บ!
“อ๊ะ อย่า อื้อ!”
หญิงสาวคว้าท่อนแขนของคนเป็นเจ้านายไว้ ส่ายหน้าปฎิเสธสัมผัสจากนิ้วมือของหนุ่มอื่น ที่กำลังลูบไล้อยู่กลางจุดอ่อนไหวของเธอ ยิ่งแสดงท่าทางหวาดกลัว คนทำยิ่งได้ใจเคลื่อนไหวนิ้วมือเร็วขึ้น แพรวิภาจิกเล็บลงบนท่อนแขนใหญ่ เกลียดทั้งคนกระทำ โกรธทั้งคนที่ไม่ยอมช่วยเหลือเธอ
พรึ่บ!
“อ๊ะ!”
อยู่ดีๆร่างของเธอก็ลอยหวือขึ้นจากเก้าอี้ และถูกวางลงบนตักกว้างของเจ้านายหนุ่ม หญิงสาวซบใบหน้าแดงก่ำลงบนอกกว้าง ปล่อยน้ำตารินไหลพลางสะอื้น รอบตัวที่เคยคึกครื้นเงียบสนิท เธอไม่ได้ยินเสียงพูดคุยกันเลย สิ่งที่ได้ยินมีเพียงเสียงสะอื้นของตัวเอง และเสียงหัวใจของเจ้านาย ที่เต้นในจังหวะปกติ
“เป็นแบบนี้ เมื่อไหร่จะใช้หนี้กูหมด”
“ขะ ขอโทษค่ะ”
“เห้อ! ลุกขึ้น!”
ร่างเย้ายวนลนลานลุกขึ้นจากตักแกร่ง ร่างสูงหยัดยืนเต็มความสูง คว้าข้อมือเล็กลากออกไปจากห้องวีไอพี ลากผ่านผู้คนมากมายมาหยุดอยู่หน้าลิฟต์ รอเพียงไม่นานลิฟต์โดยสารก็เปิดให้เข้าไป เขากำข้อมือเธอไว้แน่น เอื้อมมือไปกดหมายเลขชั้นบนสุดของอาคาร ยืนอยู่ด้านในเพียงไม่นานลิฟต์ก็หยุดนิ่งอยู่ที่ชั้นบนสุด