"สวัสดีครับน้อง ๆ พนักงานใหม่ทุกท่าน" ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาได้กล่าวทักทายพนักงานใหม่ที่นั่งอยู่ จนเต็มห้องประชุมใหญ่ของบริษัท
และทุกคนต่างก็ลุกขึ้นทำความเคารพ เพื่อเป็นมารยาท
"ทำไมหน้าเหมือนกันจังวะ"
"ใช่ ๆ ความหล่อระดับร้อยเท่ากันเลย" เพื่อนหลายคนที่อยู่ในห้องเดียวกันต่างก็หันมาพูดคุย เพราะผู้ชายที่ชื่อคันศร หน้าเหมือน...
"ฉันตกใจหมดเลย นึกว่าพี่ธนูสามีเธอ" พอเห็นสายตาคันศรมองมาที่ช่อชบา..แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้จักช่อชบาเลยด้วยซ้ำ เอมอรก็เลยแอบสงสัยหันไปกระซิบถามเจ้าตัว
ช่อชบาไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมา เธอถึงกับตะลึง..ไม่สิ..จะเรียกว่าช็อกเลยก็ว่าได้
ใช่เขาจริงไหม..คงไม่ใช่..หรือว่าใช่? ตอนนี้ความคิดในหัวของช่อชบากำลังตีกันให้วุ่น
"ผมขอแนะนำตัวอีกครั้งนะครับ ผมชื่อคันศร เกียรติ์วรกุล ส่วนตำแหน่งน้อง ๆ คงจะทราบกันแล้ว" แล้วคันศรก็พูดอะไรอีกหลายต่อหลายอย่างเกี่ยวกับระบบการทำงานในบริษัทนี้ สายตาของเขามองกวาดไปทั่วพนักงานใหม่ แต่ก็ไม่ได้ไปหยุดอยู่ที่ใครเป็นพิเศษ
"ขอบคุณค่ะคุณคันศร" พอจบคำบรรยายของผู้บริหารใหญ่แล้ว ผู้จัดการทั่วไปก็พูดและทำความเข้าใจให้กับน้อง ๆ พนักงานใหม่อีกครั้ง ส่วนคันศรนั้นก็เดินออกจากห้องประชุมไป
"เขาจำเธอไม่ได้เหรอ" เอมอรยังไม่ทิ้งความสงสัยนั้น
ช่อชบาไม่พูดอะไรออกมาอีกตามเคย และเธอรู้ดีว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้คงเป็นประเด็น ให้เพื่อน ๆ เหยียบย่ำเธอได้อีกครั้ง
ตอนนี้จะถอดใจก็ไม่ได้แล้ว เพราะคำว่าอยากจะสร้างเนื้อสร้างตัวแค่คำเดียว ไม่อยากให้แม่ต้องไปทำงานร้านเนื้อย่างกลับดึกๆ ดื่นๆ แบบนั้นอีกแล้ว เพราะเธออยากให้แม่มาอยู่บ้านดูแลยายที่เดินไม่ได้มากกว่า..
เราต้องอดทนได้สิ ทนให้ได้นะช่อชบา.. หญิงสาวได้แต่พูดให้กําลังใจตัวเอง เพราะถ้าจะออกไปจากที่นี่ ต้องได้เริ่มต้นหางานใหม่ คงไม่พ้นต้องไปเป็นลูกจ้างร้านเนื้อย่างเหมือนเดิมแน่
"โอ้ยยยสะใจว่ะ" พอท่านผู้ใหญ่ทั้งหลายออกจากห้องประชุมไปแล้ว คนที่พูดขึ้นมาแบบสะใจมากที่สุดก็คือนิสา
"เธอสะใจอะไรนิสา" ลูกหาบก็พูดสอดแทรกขึ้น
"เธอจะไม่ให้ฉันสะใจได้ยังไงมยุรี เธอไม่เห็นเหรอว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ท่าทางของเขารู้จักเพื่อนรักของเราไหมล่ะ" ประโยคต่อมานิสาจงใจมองมาที่ช่อชบา ตอนนี้เธอกำลังลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อที่จะออกจากห้องนั้น..
แต่ช่อชบาก็ไม่ได้สนใจ เพราะรู้ดีว่าเธอต้องเจออะไรบ้าง
"คอยดูนะ ฉันจะเหยียบมันให้จมธรณีไปเลย" พวกเพื่อน ๆ เริ่มทยอยออกจากห้องประชุมไป นิสาก็พูดกับมยุรีด้วยสายตาที่อาฆาตแค้น
"จัดให้หนักเลยจ๊ะเพื่อนรัก" มยุรีต้องเป็นหน่วยเสริมอยู่แล้ว เพราะจะแตกแถวไม่ได้ ถ้าไม่งั้นได้กลายเป็นหมาหัวเน่าแน่
เที่ยงวันเดียวกัน..
พอทุกคนออกมาจากห้องประชุมก็เที่ยงพอดี
และบริษัทนี้มีโรงอาหารอยู่ด้านหลัง หรือถ้าใครอยากจะออกไปทานรอบนอกก็มีร้านค้าเรียงรายไว้รอต้อนรับพนักงานนับหมื่นของบริษัท..อีกหลายร้าน
ที่พนักงานเยอะ เพราะอีกส่วนหนึ่งจะเป็นโซนของโรงงาน ที่ใช้ผลิตชิ้นงาน ทั้งพนักงานออฟฟิศและสาวโรงงานต่างก็ใช้โรงอาหารร่วมกัน
"ชบามานั่งตรงนี้" เอมอรกวักมือเรียกช่อชบา
ที่จริงช่อชบาไม่อยากจะไปนั่งหรอก แต่ที่นั่งค่อนข้างหายาก เธอก็เลยได้ถือข้าวราดแกงที่เพิ่งสั่งซื้อมา เดินไปนั่งข้างเอมอร
"ทำไมสั่งแบบข้าวราดล่ะ ทำไมไม่แยก" เพราะเพื่อนๆ ทุกคนต่างแยกข้าวและกับข้าวออกจากกัน เพราะมันจะดูมีราศีขึ้นกว่าสาวโรงงานหน่อย
"ฉันสะดวกกินแบบนี้" มันคือคำตอบของช่อชบา ถ้าราดมาเลยราคาจะถูกกว่าแยกอีกเท่าตัว
"ยังไงดารินก็ไม่ได้มาทำงานกับเราที่นี่แล้ว เธอกับฉันมาสนิทกันดีไหม..แบบเป็นบัดดี้กันนะ" เอมอรพยายามที่จะคุยกับช่อชบาให้มากที่สุด
"แล้วแต่เธอสิ" ช่อชบาคุยกับเอมอรแบบตะขิดตะขวงใจ แต่ดีกว่าที่จะไม่มีใครคุยด้วยเลย
พอทานข้าวเสร็จทุกคนต่างก็รีบกลับมาที่ห้องทำงาน
นิสาหาจังหวะที่จะแกล้งช่อชบาให้ได้ แต่ก็ไม่คิดอยากจะให้ออกจากงาน เพราะถ้ายังทำงานอยู่ด้วยกัน ก็ยังจะแกล้งช่อชบาได้อีกนาน
และจังหวะนั้นก็มาถึง งานที่หัวหน้าสั่งให้รองหัวหน้าเอาไปแจกจ่ายให้กับลูกน้องในแผนก ได้ถูกหอบไปที่โต๊ะของช่อชบาคนเดียว
"งานกองนี้เธอช่วยเคลียร์ให้มันเสร็จภายในวันนี้นะ" พอว่างงานกองนั้นลง นิสาก็หยิบออกมาอีกไม่กี่แฟ้ม เพื่อติดมือไปให้คนอื่นพอได้มีงานทำ
"เธอจะให้ฉันช่วยไหมชบา" เอมอรกระซิบถาม
"ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันทำเอง" ช่อชบารีบหยิบแฟ้มเอกสารพวกนั้นขึ้นมาเปิดดู
โชคดีที่มันเป็นแค่งานตัวเลข บวกลบคูณหารให้ตรงตัว หญิงสาวคิดว่าคงจะทำเสร็จก่อนเลิกงาน ถ้าไม่เสร็จก็จะทำล่วงเวลานิดหน่อย
หลายวันผ่านมา
ช่อชบาก็ยังโดนเหมือนเดิม โดยที่หัวหน้าแผนกก็รู้ แต่ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวเท่าไหร่ เพราะดูเหมือนว่าคนที่ถูกแกล้งจะรับไหว
"วันนี้เธอจะไม่ได้กลับเย็นอีกเหรอชบา"
ช่อชบาเงยหน้าขึ้นมองว่าใครเป็นคนถาม เพราะส่วนมากจะเป็นเอมอร แต่เสียงที่ถามไม่ใช่
"ไม่เป็นไรหรอก กลับค่ำเราก็ได้โอทีเพิ่ม" ช่อชบาไม่สะทกสะท้านอยู่แล้ว เพราะยังไงเธอก็รอรถเมล์เที่ยวที่ว่างที่สุด
>>{"เห็นไหม ฉันบอกแล้วเห็นมันทำแบบชิวมาก"} คนที่แอบเดินไปถาม มารายงานมยุรี ส่วนมยุรีโทรมารายงานนิสาอีกที
ที่ต้องโทรมารายงานเพราะตอนนี้นิสาเลิกงานออกมาจากบริษัทแล้ว และตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนรถกับวัลลภ
{"ค่อยคุยกันใหม่"} นิสาชิงวางสายไปก่อน เพราะไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ให้วัลลภได้ยิน
"ใครโทรมา"
"จะใครล่ะ ก็ไม่มยุรีนั่นแหละ"
"มีเรื่องอะไรกันอีก"
"เรื่องของผู้หญิงน่าา..นายไม่ต้องสนใจหรอก"
วัลลภไม่ได้มาทำงานที่เดียวกับนิสา เพราะเขาติดทำงานช่วยครอบครัวอยู่ แต่วัลลภก็รู้ว่าช่อชบามาทำงานที่นี่เหมือนกัน และเรื่องที่สองสาวคุยกันคงไม่พ้นเรื่องช่อชบาแน่
วันต่อมา..
"คุณเนตรนภา ทำไมงานที่ให้ไป ถึงส่งช้าทุกวันเลยล่ะ"
"ท่าน!" เนตรนภาตกใจ เพราะคนที่มาตามงานเองก็คือคุณคันศรผู้บริหารระดับสูงของบริษัทนี้
"นภา..เอ่อ..นภา" เนตรนภามือไม้สั่นไปหมด เพราะคันศรเป็นผู้ชายที่เนตรนภาปลื้มมาก..ปลื้มมานานแล้วด้วย
"ไม่ต้องตกใจหรอกครับ พอดีวันนี้ผมอยากจะมาดูการทำงานของน้องๆ ด้วย ก็เลยแวะมาถามเรื่องเอกสารที่สงสัย"
แล้วคันศรก็ชวนเนตรนภาออกมาเดินดูงาน
"นั่น!" ตั้งแต่วันที่ปฐมนิเทศพนักงานใหม่ ก็เพิ่งเจอหน้าเขาอีกครั้ง เพราะเขาเป็นถึงผู้บริหารระดับนี้ คงไม่มาดูงานด้วยตัวเอง
"นิสาแกดูนั่นสิ" มยุรีรีบเดินมาหานิสาที่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่ง เพื่อให้มองดูผู้ชายที่เพิ่งจะเดินมา
"น้องๆ พนักงานทุกคนคะ วางงานแป๊บหนึ่ง วันนี้คุณคันศรแวะมาดูงานกับพวกเรา" พอจบคำพูดของเนตรนภา คนที่กำลังวุ่นทำงานอยู่ก็ได้เงยหน้าขึ้น
หลายคนมองกลับไปดูช่อชบา อยากจะรู้ว่าทั้งสองมองสบตากันไหม แต่ก็ไม่..ดูเหมือนว่าจะเป็นช่อชบามากกว่า ที่มองเขาแบบตาไม่กระพริบเลย
"ใครมีอะไรสงสัยเกี่ยวกับงาน อยากจะถามผมโดยตรงก็ถามมาได้นะครับ"
"ฉันอยากจะถามค่ะ" คนที่อาจหาญจะถามก็คือนิสา ผู้ที่ไม่กลัวใคร
"ครับ" คันศรก็มองไปตามเสียงที่ตอบมา
"อยากจะถามว่า..ท่านรู้จักเพื่อนของนิสาไหมคะ" ถ้าคันศรตอบว่าไม่รู้จัก มันยิ่งจะทำให้ช่อชบาหน้าแตกแบบหมอไม่รับเย็บเลยล่ะ
"เพื่อนคนไหนครับ"
"ช่อชบาค่ะ คนที่นั่งอยู่มุมนั้นเลย" นิสาชี้ไปที่ช่อชบาทันที
คันศรมองตามนิ้วที่ชี้ไป คิ้วหนาถึงกับขมวดเข้าหากันจนเป็นปม เหมือนกำลังครุ่นคิดว่า..เขารู้จักผู้หญิงคนนี้ไหม
?ชะนีติดมันส์ @มัดหมี่