“พี่แค่จะบอกว่าเดี๋ยวเพลงเข้ามหาลัยก็จะเจอคนอีกเยอะ บางทีอาจจะมีใครสักคนที่เพลงชอบมากกว่าพี่” แน่นอนว่าสิ่งที่ภามพูดมันคือสิ่งที่ภามคิด บางทีตอนนี้น้องสาวคนสนิทอาจจะเพียงยึดติดกับเขาเพราะการเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก
“กับพี่ภามเพลงไม่ได้แค่ชอบแต่เพลงรัก” บทเพลงก็มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองเพราะเธอล้วนปฏิเสธทุกคนที่เข้ามาเพราะเธอมีภามอยู่แล้วทั้งหัวใจ
“รู้แล้วว่ารู้สึกยังไงแต่ก็ไม่อยากให้มายึดติดกับพี่เพราะพี่ไม่ใช่คนที่เพลงควรจะรักหรอก”
“ถ้าพี่ภามพูดแบบนี้ เพลงควรรักใครหรอ” บทเพลงถามกลับไปทันที
“รักตัวเอง” แน่นอนว่าเธอรักตัวเองเพียงแต่ตอนนี้เธอแค่อยากลองพยายามให้ถึงที่สุด ถ้าถึงตอนนั้นที่เธอเหนื่อย เธอสัญญาจะถอดใจไปเอง
“ฮ่าๆ พี่ภามเห็นเพลงเป็นยังไงเนี่ย ไม่คุยด้วยแล้วเพลงกลับดีกว่า” บทเพลงทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็ขอตัวกลับทันที
แน่นอนว่าบทเพลงตรงกลับบ้านเพราะตอนนี้ก็เริ่มจะเย็นมากแล้ว ก่อนจะกินข้าวมื้อเย็นกับคุณพ่อคุณแม่แล้วเลี่ยงตัวขึ้นมาด้านบนห้องของตัวเอง
และแล้วเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นจนเธอเองต้องยกยิ้มออกมาเพราะคนที่โทรเข้ามาคือเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอ
“มีอะไรจะชวนไปไหนอีก” บทเพลงถามขึ้นทันทีเมื่อรับสายเพราะเมื่อไหร่ที่นารีโทรเข้ามาก็มักจะชวนเธอไปเที่ยวเสมอ
“ไหนๆก็สอบติดแล้ว กูว่าจะชวนมึงไปเที่ยวร้านเหล้าแถวมหาลัย” นารีที่นิสัยไม่ได้เรียบร้อยตามชื่อตอบกลับมาทันทีเพราะนารีเพื่อนสนิทของบทเพลงชอบเที่ยวเป็นที่สุด
“นารีคือมึงจะชวนกูที่ไม่เคยไปร้านเหล้า ไปเที่ยวร้านเหล้าหรอ” บทเพลงถามขึ้นเพราะเธอเองก็ไม่เคยไปเที่ยวสถานที่แบบนั้นเลย
“ก็ใช่เพราะมึงไม่เคยไปนี่แหละ จะได้ถือโอกาสนี้เป็นการไปครั้งแรก” นารีตอบกลับมาเพราะเธอต้องการไปเที่ยวกับบทเพลงมากกว่ากลุ่มเพื่อนร้านเหล้าของเธอ
“กลัวจะไม่ได้ไปอะดิ มึงก็รู้คนคอยจะจับผิดกูเยอะแยะ” บทเพลงตอบกลับไปอีกครั้งเพราะเธอเองก็กลัวว่าจะถูกหลายคนจับผิดเพราะตอนนี้เธอกำลังจะกลายเป็นคนสาธารณะ
“เออวะ กูลืมอะว่ามึงเป็นนักร้อง”
“เปลี่ยนที่ได้ไหม ไปคลับอากู จะถือโอกาสไปร้องเพลงตีเนียนไปเลย” เพราะมีหลายครั้งที่เพื่อนของคุณพ่อที่เปิดคลับอย่างคุณอาทัตชวนเธอไปร้องเพลงที่คลับ
“เอาแบบนั้นก็ได้ งั้นสักสามทุ่มเดี๋ยวไปรับนะ” นารีพูดจบก็วางสายไปก่อนที่บทเพลงจะเดินตรงไปที่ห้องนอนของคุณพ่อคุณแม่
“มีเรื่องจะมาขอค่ะ” บทเพลงพูดขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้อง
“พูดแบบนี้จะขอไปเที่ยวหรอ” คนเป็นพ่อพูดขึ้นอย่างรู้ทันเพราะดูจากอาการของลูกสาวก็รู้แล้ว
“นารีชวนไปเที่ยวร้านเหล้าแถวมหาลัยค่ะ” บทเพลงตอบกลับไปตามตรงและเธอก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าคุณพ่อของเธอจะอนุญาตให้ไปหรือเปล่า
“จำได้ไหมว่าตัวเองเป็นนักร้อง ถ้ามีคนอื่นจำได้จะทำยังไง” คนเป็นแม่พูดขึ้นทันทีเพราะเดี๋ยวนี้กระแสชาวเน็ตแรงจะตาย
“เพราะจำได้เลยมาขอไปร้านของอาทัตแทน กะจะไปร้องเพลงด้วย คนอื่นจะได้ไม่ต้องสงสัย” บทเพลงพูดขึ้นเพราะเรื่องที่อาทัตมาชวนเธอไปร้องเพลง คุณพ่อกับคุณแม่ก็รับรู้ตลอด
“แสบนักนะ” คนเป็นพ่อพูดขึ้นเพราะลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาเล่นพูดมาจนคนเป็นพ่อแทบปฏิเสธไม่ได้
“แล้วแบบนี้อนุญาตไหมคะ” บทเพลงเอ่ยปากถามขึ้นอีกครั้ง
“แต่บทเพลงของแม่ไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์นะ ไปแล้วจะเมาหรือเปล่า” แน่นอนว่าคนเป็นแม่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่แล้ว
บทเพลงที่ได้ยินแบบนั้นก็หันไปสบตากับคุณพ่อของเธอทันทีเพราะมีหนึ่งอย่างที่คุณแม่ไม่รู้ นั่นคือการที่คุณพ่อหัดให้เธอดื่มแอลกอฮอล์ตั้งแต่อายุสิบหก รวมเวลาตอนนี้ก็เกือบๆสองปี
“ลูกดื่มได้แต่ห้ามเมานะ เอาน้อยๆรู้ลิมิตตัวเอง” คุณพ่อพูดขึ้นเพราะเขาก็ไม่กล้าบอกภรรยาหรอกว่าจับเหล้ากรอกปากลูกสาวตั้งแต่เด็ก
“แม่ให้ไปเพราะแม่ไว้ใจนะ” บทเพลงยกยิ้มทันทีกับคำพูดของคนเป็นแม่ เมื่อได้รับอนุญาตแล้วเธอก็ไม่ลืมที่จะให้คุณพ่อบอกคุณอาว่าเธอจะเข้าไปวันนี้ก่อนจะเลี่ยงตัวมาแต่งตัว
“บทเพลงมึงแต่งตัวแบบนี้ ฆ่ากูเถอะ” นารีที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถบ่นขึ้นทันทีเมื่อเห็นชุดของบทเพลงในตอนนี้
“แต่งปกติ” บทเพลงตอบกลับไปเพราะชุดของเธอเป็นเพียงเดรสสายเดี่ยวธรรมดาที่ไม่ได้โป๊อะไรมากแต่มันสวยตรงที่เป็นกลิตเตอร์ทั้งชุด
“ปกติของมึงแต่จะฆ่ากูเพราะกลิตเตอร์” นารีบ่นขึ้นอีกครั้ง
“เอาหน่าให้เพื่อนเฉิดฉายหน่อยนะ” บทเพลงตบไหล่นารีเป็นการปลอบใจก่อนจะหัวเราะขึ้นมา
เพราะเธอเฉิดฉายในวงการนักร้องมาตั้งนานแล้วและเพราะเหตุผลนี้แหละที่ทำให้เธอมีเพื่อนสนิทเป็นนารีเพียงคนเดียว
“กล้าพูดนะ ถ้าไม่ติดว่าเป็นนักร้องดังกูทุบหน้ามึงแล้วนะเพลง”
“อย่าร้ายใส่เพื่อน” บทสนทนาจบลงแค่นี้ก่อนที่รถยนต์คันหรูของนารีจะถูกขับตรงมาที่คลับ
แน่นอนว่าทั้งสองสาวเพื่อนสนิทพึ่งจะเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกและวันนี้คุณอาของเธอก็จัดการให้พี่การ์ดเป็นคนพาเธอกับเพื่อนสนิทเข้าไปทางด้านหลังเพราะขืนไปทางด้านหน้า คนในร้านอาจจะแตกตื่นได้เพราะบทเพลงเป็นที่รู้จักในหมู่วัยรุ่น
“มึงขึ้นร้องตอนไหน” นารีถามขึ้นอีกครั้งเมื่อเข้ามานั่งในห้องวีไอพีเพราะถ้าหากนั่งโซนอื่นๆคงไม่เป็นส่วนตัวสำหรับบทเพลงที่ต้องการจะดื่ม
“เขามาตามตอนไหนก็ตอนนั้น” บทเพลงตอบกลับไปก่อนจะหยิบแก้วแอลกอฮอล์ขึ้นดื่ม
หลังจากนั้นเพียงไม่นานบทเพลงก็เลี่ยงตัวไปร้องเพลง ปล่อยให้เพื่อนสนิทอย่างนารีนั่งอยู่ในห้องคนเดียว
แน่นอนว่าเพลงที่บทเพลงร้องก็เป็นเพลงของเธอที่มีจังหวะสนุกสนานและมีการแร็ปเพราะการมาคลับเพลงแบบนี้แหละถึงจะเหมาะ
และที่สำคัญตอนนี้บทเพลงเป็นที่จับตามองของคนทั้งคลับเพราะศิลปินสาววัยสิบแปดปีที่กำลังโด่งดังกำลังร้องเพลงอยู่ในคลับสุดหรูแต่ที่มากไปกว่านั้นคือบทเพลงก็อยู่ในสายตาของภามที่เขาบังเอิญมาที่นี่เช่นกัน
“มึงมองบทเพลงไม่วางตาเลยนะไอ้ภาม” ภีมเอ่ยปากทักแฝดพี่ของตัวเองขึ้นทันทีเพราะเขากับภามตั้งใจมาดื่มกันในวันนี้แต่ไม่คิดว่าจะเจอน้องสาวคนสนิทอย่างบทเพลง
“คนเขาก็มองกันทั้งคลับ” ภามตอบกลับไปเพราะทุกคนก็มองไปที่บทเพลงจริงๆ
“แต่มึงมองจนไม่ละสายตาไปไหนไง” ภีมเอ่ยแซวขึ้นอีกครั้ง
“ก็มองเฉยๆ บทเพลงดูมีความสุขตอนที่ได้ร้องเพลงอีกทั้งยังมีแฟนคลับเยอะแยะมากมาย” ภามพูดขึ้นทันทีเพราะมองจากตรงนี้เขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ
“ก็บทเพลงน้องของเรามันเก่ง ตัวแค่นั้นแต่มีผลงานการร้องเพลงมากมายขนาดนี้ ไม่รู้หลงผิดหรืออะไรที่มาชอบมึง” ภามหันไปมองหน้าแฝดน้องของตัวเองทันที
ภามรู้ว่าแฝดน้องของตัวเองเป็นที่ปรึกษาให้กับบทเพลงเพราะเขาได้ยินบทสนทนาของคนทั้งคู่แต่ตอนนี้เขาขอแกล้งทำเป็นไม่รู้อะไรก่อนแล้วกันเพราะเขาอยากรู้มากกว่าว่าแฝดน้องของเขารับหน้าที่เป็นที่ปรึกษามานานแล้วหรือยัง
“มึงรู้หรอว่าบทเพลงชอบกู” ภามแกล้งถามขี้นทำเอาคนที่ลืมตัวอย่างภีมนั่งนิ่งเพราะไม่รู้จะตอบอะไรออกมา
“ไอ้ภีมอย่าเงียบ บอกกูมา”
“ก็รู้แหละ แต่ถ้ามึงไม่ชอบน้องมันก็อย่าไปให้ความหวังเพราะน้องชอบมึงจริงๆนะไอ้ภาม” ภีมพูดขึ้นทันทีเพราะเขาก็รู้มาเยอะเรื่องที่บทเพลงคิดอะไรกับภามเพราะเขารับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับบทเพลงมาตลอดอยู่แล้วและไม่ใช่แค่เรื่องของภามแต่รวมถึงเรื่องอื่นๆด้วย
“กูไม่เคยให้ความหวังอยู่แล้ว แต่กูอยากรู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่มึงรู้ว่าบทเพลงชอบกู” ภามถามขึ้นอีกครั้ง
“ไม่รู้ว่านานแค่ไหน แต่มันก็เป็นมึงมาตลอดที่บทเพลงชอบ”
“แล้วนอกจากมึงมีใครรู้อีกบ้างว่าบทเพลงชอบกู”
“ไม่แน่ใจว่ะ อาจจะมีแค่กู” เพราะภีมเองก็ไม่มีทางบอกหรอกนะว่าคุณแม่ของเขาอยากได้บทเพลงเป็นลูกสะใภ้จนตัวสั่น
“ก็ดีแล้ว กูไม่อยากให้คนที่บ้านของเรารวมถึงบ้านของบทเพลงรู้เพราะเขาอาจจะคิดมาก ยังไงกูกับบทเพลงก็เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก” นี่คือสิ่งที่ภามคิดแต่หารู้ไม่ว่าทุกคนรู้หมดแล้วและพร้อมดันหลังบทเพลงเต็มที่
“โห่ บทเพลงจะปล่อยเพลงใหม่ว่ะ” ภีมพูดขึ้นทันทีเมื่อได้ยินน้องสาวคนสนิทที่พึ่งร้องเพลงจบไปพูดขึ้น
“ปล่อยมาก็ดังยิ่งกว่าเดิมอีกมึงคอยดูดิ” แน่นอนว่าภามคิดแบบนั้นเพราะขนาดเพลงเก่าๆที่ปล่อยออกไปยังทำบทเพลงมีชื่อเสียงจนเป็นที่รู้จักมากมายขนาดนี้
“เออกูก็ว่าแบบนั้น แต่แฟนคลับนี่เยอะจริงๆนะ มึงดูนู้นยกโทรศัพท์ถ่ายกันให้เต็ม” ภามหันไปมองตามที่แฝดน้องของเขาพูดและมันก็จริงตามนั้นเพราะตอนนี้เหล่าแฟนคลับที่อยู่ด้านล่างหน้าเวทีกำลังยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปถ่ายวิดีโอ
“มึงจะไปไหนไอ้ภาม” แฝดน้องของเขาถามขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเขากำลังลุกจากโต๊ะ
“ไปห้องน้ำ” ภามตอบกลับไปเพราะตอนนี้เขาเห็นว่าบทเพลงกำลังเดินไปทางห้องน้ำและไม่ใช่ห้องน้ำชั้นล่างแต่เป็นห้องน้ำชั้นบนสุดที่เป็นห้องวีไอพีและเขาเองก็ไม่รอช้าที่จะตามขึ้นไป
“มาร้องเพลงที่นี่ทำไมไม่บอก” ภามถามขึ้นทันทีทำเอาบทเพลงที่เห็นก็ตกใจไม่น้อย
“อ้าว ! พี่ภามมาด้วยหรอ” เพราะเธอเองก็ไม่รู้หรอกว่าภามจะมาที่นี่ด้วย
“มาเป็นปกติอยู่แล้ว แต่พี่แต่อยากรู้ว่าทำไมเพลงมาร้องเพลงที่นี่ได้” ภามถามขึ้นอีกครั้งเพราะคุณอาเพชรพ่อของบทเพลงหวงรู้สาวเพียงคนเดียวของเขาจะตายคงไม่น่าปล่อยมาแบบนี้
“อาทัตชวนมานานแล้วแต่วันนี้พึ่งมีโอกาสได้มา” บทเพลงตอบกลับมาตามความจริงเพราะเธอพึ่งมีโอกาสมาสถานที่แบบนี้เป็นครั้งแรก
“ดื่มหรือเปล่า”
“ดื่มนิดหน่อยค่ะ”
“กลับตอนไหนก็บอกแล้วกันพี่จะได้ไปส่ง คงไม่ได้ขับรถมาเองหรอกใช่ไหม”
❤️
เป็นห่วง ?