จอยได้ฟังก็รู้ว่าคุณปู่บิลลี่กำลังพูดถึงใคร
คุณปู่เคยพูดเช่นเดียวกันนี้ในชีวิตเก่าของเธอ แต่เธอไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ เพราะตอนนั้นเธอลุ่มหลงโคบีอย่างหนัก
แม้กระทั่งหลังจากนั้น เมื่อคุณปู่อธิบายให้เธอฟังอย่างชัดเจนว่า โคบีไม่ได้ดีอย่างที่เธอคิด จอยก็ตัดสินใจว่าจะทำตามความรู้สึกของตัวเอง
เมื่อมาคิดว่าคุณปู่บิลลี่ต้องกังวลใจมากแค่ไหน จอยก็ให้คำมั่นในทันที
“ไม่ต้องกังวลนะคะ คุณปู่! เวลานี้หนูแค่อยากตั้งใจเรียนเพื่อจะได้สืบทอดธุรกิจของพ่อในอนาคต ตอนนี้หนูไม่อยากคบหากับใครทั้งนั้นค่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายชราก็พยักหน้าด้วยความตื้นตันใจ
เขารู้สึกว่า จอย หลานสาวคนนี้แตกต่างไปจากเดิมราวกับเป็นคนละคน
จอยดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเดิมมากเพราะเธอรู้จักคิดที่จะปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง และชายชราโล่งใจยิ่งนักที่ได้เห็นเช่นนี้
อันที่จริง มันไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับบิลลี่ ไม่ว่าจอยจะสามารถสานต่อธุรกิจที่ผู้เป็นพ่อทิ้งไว้ให้ได้หรือไม่ ขอเพียงหลานสาวได้แต่งงานกับผู้ชายที่ดี บิลลี่ก็คงเป็นสุข
......
อย่างที่เบ็นเคยพูดเอาไว้ ช่วงนี้เขามีงานยุ่ง ยุ่งเสียจนไม่มีเวลาโทร. หรือส่งข้อความถึงจอย
อย่างไรก็ตาม นี่คือสิ่งที่จอยหวังอยากให้เป็น หลังจากใช้เวลาสองสามวันที่บ้านของคุณปู่บิลลี่ ก็ถึงเวลาที่เธอจะต้องคิดว่าควรทำอย่างไรต่อไป
จะว่าไปในชีวิตเก่า เธอมีประสบการณ์ที่เจ็บปวดเยอะแยะมากมาย
ในเมื่อเธอได้รับโอกาสอีกครั้งในชีวิตที่สอง ก็ถึงเวลาที่เธอจะเอาคืนบ้างแล้ว
เนื่องจากใกล้ถึงเวลาเปิดเทอม จอยจึงไปที่มหาวิทยาลัยเพื่อเตรียมตัวแต่เนิ่น ๆ
ทันทีที่เข้าไปในรั้วมหาวิทยาลัย เธอเห็นคาร์ลีกับโคบียืนพูดคุยกันอย่างแนบชิด
จอยมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นชาและหวนนึกถึงทุก ๆ ประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือนในชีวิตเก่าของเธอ ราวกับกำลังดูภาพยนตร์ที่ฉายซ้ำ
"จอย ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเธอนะ แต่ฉันไม่มีทางเลือกนี่ ในเมื่อโคบีหลงใหลรูปร่างหน้าตาของเธอ เธอก็รู้ใช่ไหม แล้วฉันก็แอบชอบเขาอยู่เหมือนกัน! ฉันก็เลยจำเป็นต้องทำให้เธอดูอัปลักษณ์!"
“จอย เธอไม่ใช่สาวบริสุทธิ์อีกแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเคยช่วยผมมาก่อน ผมคงทิ้งเธอไปก่อนหน้านี้แล้ว! ดูสภาพตัวเองสิ ยายอ้วน! เธอคิดว่าเธอคู่ควรกับผมงั้นเหรอ”
“เธอไม่เหลืออะไรอีกแล้ว จอย กล้าดียังไงมาวุ่นวายกับเราอีก ไปลงนรกกับปู่สุดที่รักของเธอเลยไป ยายโง่!”
......
ขณะที่จอยรำลึกความทรงจำอันเจ็บปวดทั้งหมดนี้ สายตาของเธอก็เย็นชายิ่งกว่าเก่า
จอยรู้ว่าเธอยังไม่เก่งกล้าพอที่จะแก้แค้นเอาคืนคนพวกนั้น เธอกำหมัดแน่นและบังคับตัวเองให้มองเมินสองคนนั้น แล้วสาวเท้าเดินต่อไป
อย่างไรก็ตาม เธอเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว คาร์ลีก็สังเกตเห็นเธอในทันใด
“ในที่สุดเธอก็มา จอย ฉันมารอเธอตั้งนาน!”
จอยเห็นรอยยิ้มจอมปลอมของคาร์ลีแล้วจึงปรายตามองอีกฝ่าย และถามว่า "เธอมารอฉันทำไม"
ความเย็นชาของเธอทำให้คาร์ลียิ้มค้าง
คาร์ลีรู้สึกได้ว่าตั้งแต่วันที่จอยกลับมาจากไนต์คลับ เธอดูเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน
จอยรู้แล้วหรือเปล่าว่าคาร์ลีเป็นคนเติมยานอนหลับลงในน้ำผลไม้ของเธอ?
แต่ตราบใดที่จอยไม่เอ่ยถึงเรื่องนั้น มันก็คงไ่ม่มีปัญหาอะไร
เธอแค่แกล้งพูดดีด้วยก็พอ เพราะถึงอย่างไรจอยก็โง่งี่เง่า
"ฉันรอเพื่อจะพาเธอไปเที่ยวชมมหาวิทยาลัยน่ะสิ! วันนี้เป็นวันแรกของเธอในรั้วมหาวิทยาลัยไม่ใช่เหรอ"
จอยยิ้มเยาะคำพูดของคาร์ลี
ในอดีต จอยไปมหาวิทยาลัยบ่อยยิ่งกว่าไปโรงเรียนมัธยมเสียอีก คาร์ลีคิดว่ายังมีส่วนไหนของมหาวิทยาลัยที่เธอยังไม่คุ้นเคยอีกหรือ
เห็นได้ชัดว่าเหตุผลที่คาร์ลีรีบวิ่งมาหาเธอก็เพราะว่า ฝ่ายนั้นต้องการไปชอปปิงกับเธอ!
“ไม่เป็นไร ฉันไปเองได้”