อย่างไรก็ตาม มันเป็นหนึ่งในวิธีที่จะเก็บเธอไว้ให้อยู่กับเขา แล้วทำไมจะไม่ทำล่ะ?
ขณะเดียวกัน ทันทีที่จอยได้ยินว่าเบ็นยื่นข้อเสนอจะแต่งงานกับเธอ หญิงสาวโกรธจัดจนอยากจะทุบโทรศัพท์ของตัวเองให้แหลกเป็นชิ้น ๆ
เขาหมายความว่าอย่างไรที่บอกว่า เขาไม่ใช่คนใจง่าย? เขาคือคนใจง่ายสติเพี้ยนชัด ๆ!
เขาต้องการแต่งงานกับคู่นอนชั่วคืน! แบบนั้นไม่เรียกว่าคนใจง่ายหรือไง?
แถมยังบอกอีกว่าเขาไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว ทุเรศที่สุด! แล้วทำไมเขาอยากจะกินหญ้าอ่อนล่ะ? ช่างเป็นผู้ชายที่ไร้ยางอายสิ้นดี!
แม้ว่าจอยจะโกรธแสนโกรธจนต้องกัดฟัน แต่เธอก็ไม่กล้าด่าว่าเขาทางโทรศัพท์
หญิงสาวหน้าแดงเรื่อขณะฟังเบ็นพูดเองเออเองอย่างไร้ยางอายว่า "ใช่เลย! เราจะไปจดทะเบียนสมรสกันทันทีที่ผมว่างในอีกสองสามวันนี่แหละ!"
จอยกำลังจะปฏิเสธ แต่อีกฝ่ายวางสายไปแล้ว
เธอดูโทรศัพท์มือถือ และได้แต่หวังว่าเรื่องทัั้งหมดนี้เป็นแค่ความฝัน
คุณปู่บิลลี่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นชั้นล่าง มองเห็นหลานสาวออกมาจากห้องนอนด้วยสีหน้าเศร้าหมอง ชายชราถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยว่า “นอนหลับสบายดีไหม จอย”
จอยไม่ได้อยู่ที่นี่มานาน บิลลี่คิดว่าเธอคงรู้สึกผิดที่ผิดทาง และอยากนอนพักให้นานขึ้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงสั่งบรรดาสาวใช้ไม่ให้รบกวนหลานสาว
อย่างไรก็ตาม กลับกลายเป็นว่ามันไม่ได้ช่วยอะไร เพราะจอยยังคงดูอ่อนเพลียอยู่ดี
เมื่อได้ยินสุ้มเสียงห่วงใยของคนเป็นปู่ จอยก็ยิ้มให้อย่างสุภาพและนั่งลงข้าง ๆ ชายชรา จากนั้นเธอหยิบแอปเปิลที่ล้างแล้วมากิน
“ค่ะ คุณปู่ เมื่อคืนหนูหลับสบายมาก” สบายเสียจนเธอนอนเกินเวลา
“ดี ปู่จะให้ซาบรินาไปเตรียมอาหารเช้าให้หลานก็แล้วกัน”
เมื่อเอ่ยถึงอาหารเช้า จอยรีบโบกมือและพูดว่า "ไม่เป็นไรค่ะ คุณปู่ หนูกินแค่แอปเปิลก็พอ"
เธอจำได้ไม่ลืมว่าตัวเองเคยอ้วนแค่ไหนในชีวิตเก่า และมันเป็นเพราะคาร์ลี ซัลลิแวน
แม้ว่าสาเหตุหนึ่งมาจากอาหารเสริมที่คาร์ลีแอบเติมลงไปในอาหาร แต่จอยก็ยังรู้สึกหวาดระแวงนิด ๆ อยู่ดี
อย่างไรก็ตาม เมื่อบิลลี่ได้ยินจอยบอกว่าไม่อยากกินอาหารเช้า ใบหน้าของเขาก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที
"หลานจะอดอาหารเช้าได้ยังไง เดี๋ยวก็หิวโซกันพอดี!"
จอยรู้ว่าคุณปู่เป็นห่วง หญิงสาวจึงยอมเชื่อฟัง เอาเป็นว่าเธอค่อยกินให้น้อยลงหลังจากมื้อนี้ก็แล้วกัน
ขณะที่ซาบรินากำลังเตรียมอาหารเช้า บิลลี่ถามจอยเกี่ยวกับแผนการของหลานสาวหลังจากเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย
อันที่จริงจอยตัดสินใจได้แล้วตอนเธอย้ายกลับมาเมื่อบ่ายวานนี้
“คุณปู่คะ มหาวิทยาลัยของหนูอยู่ไกลจากบ้านเรา หนูก็เลยตัดสินใจว่าจะพักอยู่ที่มหาวิทยาลัย แต่ไม่ต้องกังวลหรอกนะคะ หนูจะกลับมาทุกสัปดาห์เลย”
ในชีวิตเก่า จอยไม่ได้อยู่ดูแลคุณปู่ตอนท่านป่วย และไม่ได้อยู่ดูใจท่านในวาระสุดท้าย
เธอรู้สึกเสียใจกับเรื่องนี้ ดังนั้นเมื่อเธอมีโอกาสอีกครั้งในชีวิตที่สอง เธอจะให้คุณค่ากับเวลาทุกนาทีที่ได้อยู่ร่วมกับบุคคลสำคัญในชีวิตของเธอ
ยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่อยากใช้ชีวิตปัจจุบันอยู่แต่กับความเศร้าเสียใจ
อันที่จริง คุณปู่บิลลี่ไม่ได้ติิดใจเลยว่า จอยจะคอยอยู่ดูแลเขาหรือไม่
ชายชราคิดว่าในเมื่อจอยโตแล้ว เธอก็ต้องมีเพื่อนฝูงของตัวเอง ดังนั้นการที่จอยไม่ได้อยู่ดูแลเขาตลอดเวลาก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่่บิลลี่เป็นกังวลมากกว่าก็คือ จอยยังแอบชอบเด็กหนุ่มที่ชื่อโคบี ฮาร์วีย์ อยู่หรือเปล่า
ชายชราเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับโคบีมาบ้าง เขาเป็นหนุ่มหล่อเหลาและมีความสามารถ แถมยังฉลาดและเก่งกาจอีกด้วยเพราะเขาก่อตั้งบริษัทพัฒนาเกมของตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย
อย่างไรก็ตาม บิลลี่รู้สึกว่าโคบีออกจะอวดเก่งและยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น พ่อหนุ่มคนนี้ยังไม่จริงจังกับการก่อร่างสร้างตัว
ดังนั้น ถ้าโคบีจะแต่งงานกับจอยในอนาคต ชายชราอาจจะไม่เห็นดีด้วย
“นี่ จอย ตอนนี้หลานก็โตแล้ว หลานจะได้พบเจอผู้คนและสิ่งรอบข้างที่ถูกใจมากมาย ปู่จะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นอยู่แล้ว แต่สิ่งเดียวที่หลานต้องจดจำไว้ก็คือ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกสิ่ง”