ครึม ซ่า แฮก แฮก ร่างบางวิ่งฝ่ากลางสายฝนโดยมีผู้ชายสามสี่คนถือปืนไล่ล่าตัวอยู่ เพราะเธอดันไปรู้อะไรที่ไม่ควรรู้ การนัดขนยาเสพติดรายใหญ่ซึ่งมันเป็นภัยต่อสังคม ในเมื่อตำรวจไม่มีหลักฐานในการจับกุมและในตัวแทนของนักข่าวอาชญากรรม เธอจะขอเสี่ยงชีวิตเพื่อลากตัวคนร้ายเข้าคุกเอง
ปัง!! “จับตัวมาให้ได้ มันอาจจะเป็นสายให้ตำรวจ” เธอวิ่งมาหลบอยู่ข้างๆบ่อเพื่อรอให้คนชั่วพวกนั้นไปตามหาเธอที่อื่น ดวงตากลมสอดส่องหาทางรอดในมือถือกล้องติดตัววิ่งไปทางถนนที่แอบจอดรถตัวเองไว้ทันที
“ใครจะอยู่ให้โดนฆ่าหมกป่าล่ะ” รถค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากที่หลบซ่อนในไม่ช้า ใครอาจจะคิดว่าเป็นรถยนต์แต่มันกลับไม่ใช่ มอเตอร์ไซค์คันเล็กถูกขับเข้าตัวเมืองก่อนที่จะมาจอดในปั้มแห่งหนึ่ง กล้องเล็กถูกถอดเมมโมรี่การ์ดออกเอามาหยัดใส่หน้าอกตัวเอง ผ้าคลุมหน้าถูกถอดทิ้งลงในถังขยะก่อนที่เธอจะขับรถกลับอย่างสบายใจ
พรึบ!! รั้วบ้านไม่ว่าจะสูงแค่ไหนแต่ฉันก็สามารถปีนขึ้นมาได้ ตอนนี้ไฟถูกปิดหมดแล้วค่อยรู้สึกโล่งอกหน่อย อ้อ ฉันหน่ะชื่อบาร์บี้เป็นลูกสาวคนเล็กมีพี่สาวชื่อปาร์ตี้ แค่ได้ยินชื่อทุกคนจะต้องคิดว่าลูกสาวบ้านนี้จิตใจดีเป็นกุลสตรีไทย โน คำพวกนั้นใช้ได้แต่กับพี่สาวของฉันแค่นั้นแหละ พี่ปาร์ตี้ทั้งสวย จิตใจดี ส่วนฉันหน่ะหรอ เฮอะ รอดูต่อไปก็แล้วกัน
“ทำไมวันนี้บ้านดูแปลกจัง” พรึบ พูดยังไม่ทันได้ขาดคำ ไฟหน้าบ้านก็สว่างขึ้นปรากฏร่างนายใหญ่ของบ้าน ถ้ามีไม้เท้าแบบยมบาลด้วยเนี่ย มันใช่เลย
“กลับมาสักที ลูกสาวตัวดี”
“เอ้าพ่อนี่เอง บาร์ก็นึกว่าเป็นลุงยม วันนี้นอนดึกนะเนี่ยอย่าบอกนะว่ามารอบาร์”
“เข้ามาในบ้าน พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย”
เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับท่านยมเอ้ยท่านพ่อ กลิ่นอาหารหอมลอยมาเตะจมูกเพียงแค่โผล่หัวออกไปแค่นั้นแหละ ญาติโกโหติกานั่งพร้อมเพรียงกันเลย ว่าแต่ฝั่งพ่อหรือฝั่งแม่ล่ะ
“สวัสดีท่านเจ้าสัวสิ”
“สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อบาร์บี้ ทำงานเป็นนักข่าว แต่ไม่ใช่นักข่าวบันเทิงนะคะแต่เป็นนักข่าวอาชญากรรม พึ่งทำงานได้ปีเดียวก็ถูกย้ายให้มาทำข่าวข้างนอก ไม่ใช่นอกบ้านนะคะแต่เป็นนอกสำนักงาน และดิฉันก็เป็นลูกคนเล็กของบ้านชื่ออาจจะดูน่ารักบ้องแบ๊วแต่จริงแล้วตรงกันข้ามทุกอย่างเลยค่ะ และสำหรับวันนี้ดิฉันขอจบการนำเสนอเพียงเท่านี้ ขอบคุณค่ะ” จบประโยคพ่อก็กุมขมับตัวเองทันที ทุกคนดูมีสีหน้ายำเกรงแตกต่างจากเจ้าท่านสัวคนนั้นที่กำลังยิ้ม
“ฉันชื่อหม่าเจี๊ย หนูนี่ต่างจากที่ฉันคิดไว้นะ” อะไรนะ หมาเจี๊ย ฮาฮา คนอะไรชื่อหมาเจี๊ย
“ขอโทษแทนลูกสาวของผมด้วยนะครับ เป็นเพราะผมเองที่อบรมสั่งสอนเธอไม่ดี จนทำกริยาไม่ดีต่อท่านเจ้าสัว”
“ไม่หรอก ฉันคิดว่าลูกสาวของนายมีดีนะ เป็นคนตรงๆ ฉันชอบ”
“คือว่าท่านครับ ผมคิดว่าบาร์บี้ไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมเลยนะครับ”
“คุณสมบัติอะไรหรอคะ” เอ่ยถามเพราะกำลังสงสัย
“คืองี้นะหนู ฉันอยากให้หนูแต่งงานกับลูกชายของฉัน”
“ห้ะ แต่งงาน” ลมแทบจับ ช่วยจับฉันที อะไรกันวะเนี่ย
“ผมคิดว่าลูกสาวคนโตของผมมีคุณสมบัติมากกว่านะครับท่าน” อ้อ ใช่ๆ ฉันพยักหน้ารัวๆเห็นด้วยกับพ่อ
“ลูกชายของฉันมันดื่อ ถ้าได้คนอย่างหนูบาร์บี้ไปเป็นภรรยาฉันคิดว่าลูกชายฉันจะเป็นผู้เป็นคนได้บ้าง “ นี่มันอะไรกันเนี่ย คำถามเดิมวนอยู่ในหัวเต็มไปหมด เหมือนพ่อจะมีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจอยู่ ท่านมองมาที่ฉันอย่างจำใจ
“แต่บาร์…”
“บาร์ฟังพ่อนะ ตอนนี้บ้านของเรากำลังจะถูกธนาคารยึดเพราะพ่อไปกู้เงินเพื่อส่งบาร์เรียน ลำพังพวกเราตอนนี้เงินสักบาทยังไม่มี บาร์จะว่าพ่อเห็นแก่เงินก็ได้ แต่พ่อไม่อยากให้ครอบครัวเราต้องหาที่อยู่ใหม่จริงๆ”
“พ่อก็เลยยอมยกหนูให้คนอื่น”
“พ่อขอโทษ”
“หนูบาร์ ฉันเพียงแค่ต้องการหาภรรยาที่ดีให้ลูกชาย ส่วนเรื่องเงินฉันติดหนี้บุญคุณพ่อของหนู ฉันเต็มใจช่วย เรื่องที่หนูแต่งงานไม่เกี่ยวกับเงินแต่ฉันอยากให้หนูแต่งงานกับลูกชายของฉัน ฉันอยากได้หนูเป็นลูกสะใภ้” พ่อยอมรับเงินของเขาทั้งๆที่เขาเต็มใจช่วย เพื่อเป็นสิ่งตอบแทนจึงยอมส่งให้ฉันไปเป็นเมียคนอื่นเนี่ยนะ โอ้ย อีบาร์อยากจะบ้าตาย
“ท่านเจ้าสัวไม่กลัวหนูไปหลอกเงินลูกชายท่านหรอคะ พวกเราไม่ได้รักกัน หน้าตาอีกฝ่ายก็ไม่เคยเห็น”
“หึ ถ้าหนูคิดจะทำแบบนั้นจริงๆ หนูคงไม่ถามคำถามนี้กับฉันหรอกใช่ไหม” อ่า อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย กล้าขอก็กล้าช่วย คนอย่างฉันไม่เคยกลัวอยู่แล้ว
“ได้ค่ะ เพื่อตอบแทนที่ท่านช่วยครอบครัวเรา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลเรื่องหนี้บุญคุณอะไรก็ตาม หนูจะแต่งงานกับลูกชายของท่านค่ะ” ยุคคลุมถุงชน 4.0 แรงยิ่งกว่าสิ่งใด อะไรก็เกิดขึ้นได้ซินะ หนีพวกค้ายามาได้หมาดๆดันมาถูกขอให้แต่งงานกับใครก็ไม่รู้หน้าก็ไม่เคยเห็น
“ฉันเชื่อนะว่าอยู่ด้วยกันไปก็จะรักกันเอง” ก็ขอให้มันเป็นอย่างที่พูดนะท่าน
1 สัปดาห์ผ่านไป…
ฟู่ ไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึง ฉันคิดผิดหรือคิดถูกเนี่ยที่ยอมแต่งงาน เฮ้อ ใครจะคิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ล่ะ ฉันนั่งอยู่ภายในห้องที่ดูแล้วหรูสุดๆ ก็นะ ชีวิตฉันเป็นเด็กต่างจังหวัดเกิดโตที่ต่างจังหวัด พูดง่ายๆเลยก็คือเด็กบ้านนอกนั่นแหละ พอเรียนจบได้งานก็ทำงานแค่ในภูมิภาคตัวเอง มีบางครั้งที่จะเข้ามาในกรุงเทพเพราะต้องเอาข่าวมาเสนอต่อสำนักงานใหญ่
หลังจากแต่งงานฉันก็ต้องใช้ชีวิตในเมืองกรุงตลอดไปสินะ
“เฮ้อ นานชะมัด ป่านนี้คงหนีงานแต่งแล้วละมั่ง” บ่นพึมพำคนเดียวก่อนจะล้มนอนบนเตียง
เชื่อป่ะตั้งแต่ทำพิธีแต่งงานจนป่านนี้หน้าเจ้าบ่าวยังไม่เห็นเลย แล้วไอ้ผ้าปิดหน้าจะปิดทำไมก็ไม่รู้ วัฒนธรรมเขาก็แปลกดีเนาะ อ้อ หลังจากแต่งงานฉันก็ได้ข้อมูลเพิ่มมาอย่างหนึ่ง ท่านเจ้าสัวมีเชื้อสายจีนส่วนภรรยาของท่านเป็นคนญี่ปุ่น ลูกเกิดมาก็เลยตั้งชื่อเป็นเคนตะ งานแต่งก็ถูกจัดแบบจีนโบราณ เคยดูซีรี่ย์จีนย้อนยุคป่ะ งานแต่งก็ประมาณนั้นแหละ ปิดหน้าปิดตาเจ้าสาวเพื่อให้เจ้าบ่าวได้เห็นคนเดียว แต่ก็ดีเหมือนกันยังไม่อยากลงข่าวหน้าหนึ่ง
แกร็ก เสียงเปิดประตูพร้อมกับเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เอียงหูเพื่อฟังการย้ำเท้าหนักเบาของบุคคลมาใหม่เขาคนนั้นที่เข้ามาต้องเป็นผู้ชาย เสียงถอดนาฬิกาลักษณะการวางมันแผ่วเบาเกินไปคาดว่าเขาจะเป็นคนค่อนข้างรอบคอบพอสมควร เดี่ยวนะ ทำไมเสียงเงียบไปล่ะ
พรึบ!! กรี๊ดดด “ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต ปล่อยฉันเลยนะ อุ๊บ อื้อ” ฉันพยายามแกะมือที่ปิดปากออกแล้วถีบเข้าไปที่หน้าท้องเขาคนนั้นเต็มๆ
“ยัยบ้า เธอกล้าดียังไงมาถีบฉันห๊ะ” ตัดสินใจเปิดผ้าที่ปกปิดใบหน้าตัวเองออกกลับต้องตะลึงกับรูปร่างหน้าตาผู้ชายตรงหน้า บอกได้คำเดียวว่าหล่อ ตวงตาสีนิลจมูกโด่งสวยเหมาะกับเค้าโครงบนใบหน้าของเขา นี่หน่ะหรอสามีของฉัน
“หล่อ”
“เธอว่าไงนะ”
“ปะ เปล่า เอ่อ ฉันขอโทษ เจ็บหรือเปล่า”
“ใครจะไม่เจ็บเล่นถีบแรงซ่ะขนาดนั้น”
“แล้วใครให้นายขึ้นคร่อมฉันไม่ทราบ บุญแค่ไหนแล้วที่ฉันไม่ทำให้ตรงนั้นของนายสูญพันธุ์”
“ร้ายกว่าที่คิดนี่ เอาเงินจากพ่อฉันแล้วยังมาทำร้ายร่างกายฉันอีก ผู้หญิงหน้าเงินอย่างเธอคงจะได้หลายบาทสินะถึงยอมแต่งงาน” ว่าไงนะ นี่เขากำลังดูถูกฉันงั้นหรอ เมื่อกี้ขอถอนคำพูดก็แล้วกันนอกจากหน้าตาดีแล้วอย่างอื่นก็ไม่มีอะไรดีสักอย่าง
“ใช่ ฉันมันหน้าเงิน แล้วมันจะทำไม ยังไงเราก็แต่งงานเป็นสามีภรรยากันแล้วนี่ จะมาพูดตอนนี้ให้มันได้อะไร ถูกไหมคะคุณสามี” คนตรงหน้าเหมือนกำลังควบคุมอารมณ์ตัวเองอยู่ แต่เสียใจ เรื่องเก็บอารมณ์เก่งนายแพ้ฉัน
“อย่ามาใช้คำน่ารังเกียจกับฉัน ผู้หญิงอย่างเธอไม่มีทางที่จะได้ใช้คำนั้นกับฉัน เธอมันผู้หญิงหน้าเงิน” คำก็หน้าเงิน สองคำก็หน้าเงิน ระหว่างเงินกับนายฉันขอเลือกเงินก็ได้ อย่างน้อยเงินมันก็ไม่สามารถพูดจาว่าร้ายฉัน ไอ้ผู้ชายปากเสีย คนมีชาติตะกูลเขาพูดจาดูถูกคนแบบนี้นะหรอ
หึ แต่อีบาร์ซ่ะอย่าง คำพูดแค่เนี่ยไม่ระคายเคืองใจหรอกย่ะ
“นายจะไปไหน” ฉันเดินไปคว้าแขนของเขาไว้แต่กลับถูกสะบัดออก แววตาที่เขาใช้มองมันเต็มไปด้วยความสมเพชน่ารังเกียจ
“ในห้องมีแต่ของเน่าเฟะ เธอคิดว่าฉันจะอยู่กินของแบบนี้ไหมล่ะ”
โปรดติดตามตอนต่อไป................