Little Moon hearts : 5

1765 Words
ในขณะที่จะกดมือถือต่อสายหาบาร์บี้แต่ต้องหยุดการกระทำทุกอย่างเมื่อเห็นว่าฝนตกพร้อมกับปรากฏบุคคลที่โทรมาถามผมเมื่อกี้ “น้องอยู่บ้านหรือเปล่า” “เธอไม่อยู่ครับ” “ฉันคิดไว้ไม่มีผิด” “พ่อช่วยบอกผมได้หรือเปล่า จู่ๆก็โทรมาถามแถมขับรถมาหาที่บ้านแบบนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนั้นกันแน่ทำไมพ่อต้องดูร้อนรนกลัวว่าเธอจะหายไปด้วย” สายตาของคนตรงหน้าจับจ้องไปที่ทีวีที่เปิดค้างอยู่จนผมต้องมองตาม “หลังจากที่หนูบาร์ยอมตกลงแต่งงานกับแก เธอได้บอกความลับกับฉันไว้อย่างหนึ่ง” แววตาของพ่อดูเศร้าลง ดูไปแล้วหดหู่ “เธอเคยตกเป็นเหยื่อของคดีฆาตกรรมเมื่อสี่ปีที่แล้ว เมื่อครั้งนั้นแกยังเรียนอยู่เมืองนอกแกคงไม่รู้ว่ามันน่าสลดใจมากที่เด็กผู้หญิงซึ่งเป็นเพื่อนของเธอตกเป็นเหยื่ออีกคน เพื่อนคนนั้นของเธอถูกฆ่า” “พ่อกำลังจะบอกว่า บาร์บี้หายไปในเวลานี้เพราะมันเกิดคดีซ้ำเหมือนสี่ปีที่แล้วใช่หรือเปล่า” ว่าจบผมก็ขึ้นไปหยิบกุญแจรถบนห้องทันที “จะไปไหน” “ผมก็จะไปตามหาเธอยังไงล่ะครับ” ผมตีไฟเลี้ยวมายังที่เกิดเหตุถึงมันจะไกลแต่มันเป็นสถานที่แรกที่นึกขึ้นได้ ลงจากรถกวาดสายตาหาก็ไม่พบคนที่กำลังตามหา ผมเดินมาขึ้นรถอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจโทรเข้าไปที่สำนักงานข่าว (สวัสดีค่ะ) “ผมขอสายนักข่าวที่เป็นเพื่อนของนักข่าวอาชญากรรมที่ชื่อบาร์บี้หน่อย” (สักครู่นะคะ) เคาะนิ้วที่พวงมาลัยรถเพื่อรอสายจากนักข่าวคนนั้น ภายในใจมันรู้สึกปั่นป่วนไปหมด (สวัสดีค่ะดิฉันเป็นเพื่อนของบาร์บี้ ไม่ทราบว่าคุณคือ) “ผมเป็นใครไม่สำคัญ ผมแค่อยากรู้ว่าตอนนี้บาร์บี้อยู่กับคุณหรือเปล่า” (ไม่ค่ะ เดี๋ยวนะคะ วันนี้วันที่ 29 กุมภาพันธ์ แย่แล้ว) “คุณรู้ใช่ไหมว่าบาร์บี้จะไปที่ไหน” (ฉันรู้ แต่ไม่สามารถบอกคุณได้จนกว่าฉันจะรู้ว่าคุณเป็นใคร บาร์บี้ไม่เคยมีเพื่อนผู้ชายเพื่อความปลอดภัยฉันไม่สามารถบอกได้ค่ะ) “แต่ผมต้องการที่จะรู้” (คุณรู้แค่ว่าบาร์บี้อยู่ในที่ที่ปลอดภะ..) “ผมเป็นสามีของเธอ” (อย่ามาโกหกกันหน่อยเลย) “เคนตะ ลูกชายเจ้าสั่วหม่า” (วะ ว่าไงนะคะ) “ทีนี้บอกผมมาได้หรือยัง” ผมยืนรอนักข่าวคนนั้นนานพอสมควรก่อนที่เธอจะขับรถมายังสถานที่นัดไว้ เพราะเธอไม่เชื่อว่าผมพูดจริงหรือเปล่าจึงขอนัดเพื่อจะเจอผมแล้วจะนำทางไป แสงไฟจากรถถูกดับลงก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาแบบย่องเบา “นี่คุณเคนตะตัวจริงใช่ไหม ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงที่แต่งงานกับคุณจะเป็นเพื่อนของฉัน” ลิเดียร์แอบบตกใจไม่น้อยกับผู้ชายตรงหน้า ภรรยาของเขาคือยัยบาร์บี้เจ้าแม่สายบู๊เนี่ยนะ แอบโมโหเล็กน้อยที่เพื่อนตัวดีไม่ยอมบอกกันเลยสักคำแถมตอนนี้ก็หนีเธออีก เจอตัวเมื่อไหร่จะจับเค้นคอเอาความจริงให้หมดเลย “เธอคงไม่คิดจะทำร้ายเพื่อนตัวเองหรอกใช่ไหม” “แน่นอน ฉันมีจรรยาบรรณพอ อีกอย่างแค่นี้เพื่อนฉันก็เป็นทุกข์เจียนตายแล้ว ไม่ต้องห่วงฉันจะช่วยสร้างข่าวลือแก้เรื่องการแต่งงานเอง” “ดี แล้วก็นำทางได้แล้ว” “ถ้าฉันไม่เจอกับตัวเองฉันคงไม่เชื่อว่าคุณเป็นเจ้าพ่อจอมเย็นชาไร้หัวใจและปาก..เอ่อ คุณขับตามฉันก็แล้วกัน” ลิเดียร์เดินขึ้นรถตัวเองทันทีก่อนที่จะเผลอพูดอะไรที่เป็นภัยต่อตัวเองออกไป ควรจะดีใจกับเพื่อนไหนเนี่ยที่ได้ผู้ชายไร้หัวใจอย่างเคนตะมาเป็นสามี คนหนึ่งก็ไร้หัวใจ คนหนึ่งก็ตายด้านเรื่องความอ่อนโยน แล้วจู่ๆก็มาแต่งงานกันแบบนี้มันต้องมีเหตุผลอะไรแน่ๆที่ยอมให้คนรักอิสระอย่างบาร์บี้ยอมทำ ตอนนี้เป็นเวลาเกือบตีหนึ่งที่ผมขับรถตามนักข่าวคนนั้นจนมาหยุดที่วัดแห่งหนึ่ง ผมมองบริเวณรอบๆวัดก็พบแต่ความมืด มีเพียงเสียงหมาเห่าหอนเท่านั้น “เธอแน่ใจใช่ไหมว่าเป็นที่นี่” “ฉันไม่แน่ใจหรอกค่ะ แต่มันคือที่เดียวที่บาร์จะมา” “งั้นก็เข้าไป” ผมนำไปยังศาลาวัดที่ตอนนี้มีพระสงฆ์นั่งอยู่ พอเห็นพวกเราท่านก็ยืนขึ้นแล้วตรงมาทางนี้ "หลวงพ่อ บาร์ได้มาที่นี่หรือเปล่าคะ" "โยมบาร์มาที่นี่ แต่ตอนนี้ไปแล้ว" "ไปไหนหรอคะ" "ลองเปิดข่าวดู หลวงพ่อเพียงเห็นแค่โยมบาร์เปิดข่าวดูแล้วก็ออกไปโดยไม่บอกกล่าว" ทันใดนั้นผมก็หยิบมือถือขึ้นมา มีข่าวที่เขียนพาดหัวข่าวว่าจับตัวคนร้ายได้แล้ว "ซวยแล้วคุณเคน" โครม!! อั่ก!! แรงถีบเข้าที่กลางลำตัวของคนร้ายแรงพอสมควร นายตำรวจต่างพากันกรูเข้ามาล็อคตัวร่างบางไว้ที่ตอนนี้เหมือนจะคลั่งเต็มที " ไอ้ชั่ว ไอ้เลว แกทำไปได้ยังไง คนเหมือนกันแกฆ่าได้ยังไง" "ไอ้บาร์เองหยุดเลยนะ รุมประชาทัณฑ์แบบนี้เดียวก็ถูกตั้งข้อหาเอาหรอก" “มันดูว่ารุมตรงไหน แล้วจะเอามันมาขังไว้ที่นี่ทำไม รีบส่งมันไปขึ้นศาลตัดสินประหารสักทีสิ" "เฮ้อ แกจะตามหลอกหลอนฉันไปถึงไหน ตอนนั้นที่ต่างจังหวัดก็พอแรงแล้ว ตอนนี้ยังจะตามมากระทืบคนร้ายที่กรุงเทพอีกหรอ" " คนชั่วๆแบบนี้ไม่ควรยืนเชิดหน้าชูตากับสังคม โถ่เว้ย" ผลัวะ อ๊าก แรงเตะก้านคอครั้งนี้หนักแน่นจนคนร้ายล้มไปนอนกับพื้น " เฮ้ย จับไว้" แรงกอดรัดจากทางด้านหลังคราวนี้ทำให้ฉันหยุดลงได้เพราะสู้แรงคนที่ล็อคตัวไว้จากทางด้านหลังไม่ได้ " ปล่อย ฉันจะเอาเลือดหัวมันออก" " หยุดบ้าได้แล้ว" ฉันสลัดตัวออกหันหน้าไปเผชิญกับเสียงผู้ชายที่แสนคุ้นเคย ทว่าคนนั้นกลับเป็นคนเดียวที่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเขา แอบสงสัยเล็กน้อยว่านายเคนตะทำไมถึงมาที่นี่และยังมากับลิเดียร์ซึ่งเป็นเพื่อนของฉัน "นายมาได้ไง" เขาดูอ้ำอึ้งจะพูดแลไม่พูดแล ได้แต่รอคำตอบแต่ก็มีเสียงยัยลิเดียร์แทรกมาซะก่อน "ทำไมจู่ๆแกได้โผล่มากระทืบคนร้ายที่โรงพัก แล้วนี่ไม่ได้เป็นเหมือนที่ฉันคิดไว้เลยสักนิด มันเกิดอะไรขึ้นกับแกยัยบาร์" "แกคิดว่าฉันเห็นข่าวแล้วนึกกลัวงั้นหรอ จะบอกอะไรให้นะ นอกจากฉันจะไม่กลัวแล้วฉันยังกล้าที่จะกระทืบมันให้จมดินอีก" "ฉันก็ดีใจที่แกปล่อยวางได้" " เปล่า ฉันแค่กำลังพยายาม พยายามจะเอาเลือดหัวมันออก" ว่าจบก็ตรงดิ่งไปหาไอ้ชั่วในห้องขังจนคนในห้องขังก้าวถอยหลังหนี " กลัวไร กลัวฉันทำไมห๊ะ" เผลอกำมือแน่น เราสองคนจ้องตากันจนฉันสามารถรู้ถึงสิ่งบางอย่างที่เขาพยายามซ่อนมันไว้ หึ ชอบเลียนแบบงั้นหรอ แซะยิ้มออกมาพร้อมกับคว้าเสื้ออีกคนผ่านช่องเล็ก นายตำรวจรีบวิ่งมาดึงมือฉันออก แต่จู่ๆร่างของฉันก็ลอยวืด นายเคนตะอุ้มฉันพาดบ่าแล้วเดินออกจากโรงพักทันที " ปล่อยฉันนะ" " หยุดโวยวายได้ไหม แค่นี้ก็ทำให้ตำรวจวุ่นวายไม่พอหรือไง" "แล้วนายมายุ่งอะไรด้วย ตามหาฉันทำไม เกลียดฉันไม่ใช่หรอ" "ถ้าพ่อฉันไม่ให้ตามหาเธอ ฉันคงไม่ยอมมาลำบากแบบนี้หรอกนะ เพราะเธอคนเดียวที่ทำให้ชีวิตฉันดูวุ่นวายไปหมด" ปัง!! นายก็ไม่ต่างกับฉันหรอก ตั้งแต่มีนายเข้ามาชีวิตฉันก็ดูไร้ความแข็งแกร่ง กำแพงน้ำแข็งที่ได้สร้างไว้มันเริ่มละลายเป็นสายน้ำมากขึ้นทุกที " ฉันจะกลับกับเพื่อน" สายตาคมกริบตวัดมาทางฉันแปปเดียว มือของเขากำพวงมาลัยแน่นขาเหยียบคันเร่งออกรถทันทีโดยไม่คิดจะฟังฉันเลย "เป็นถึงนักข่าวแต่กลับไร้ความอดทน เธอคิดว่าจะยืนหยัดบนอาชีพนี้อีกนานเท่าไหร่ ทำไมไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเองบ้าง" "ชีวิตทั้งชีวิตฉันอดทนมามากพอแล้ว นายไม่ใช่ฉัน จะไปรู้อะไร" ว่าการเสียเพื่อนไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยมันเจ็บปวดแค่ไหน ฝันร้ายที่คอยตามหลอกหลอนอยู่ทุกวันมันน่ากลัวแค่ไหน นายไม่เข้าใจฉันหรอกเคนตะ เพียงแค่ประโยคหลังไม่ได้พูดออกไปเท่านั้น ฉันเลือกที่จะนั่งมองข้างทางที่ไร้แสงไฟแทน "ทุกคนต่างก็มีความทรงจำที่ไม่ดีกันทั้งนั้น แค่พวกเขาเลือกที่จะลืมมัน แต่เธอเลือกที่จะจำมันเพื่อให้มันกลับมาทำร้ายตัวเอง" "เพราะฉันต่างจากคนพวกนั้นไงล่ะ" พอรถจอดฉันก็เดินเข้าไปในบ้านก่อนจะเห็นคนหนึ่งที่นั่งรอฉัน ท่านเจ้าสัวมีสีหน้าดีขึ้นเมื่อรู้ว่าเป็นฉัน คงจะทำให้ท่านเป็นห่วงแล้วสิ “ขอโทษนะคะที่จู่ๆก็หายไปแบบนี้” “ดีแล้วแหละที่หนูกลับมาอย่างปลอดภัย นี่ถ้าตาเคนไม่รีบร้อนออกไปตามหาหนู ฉันคงนอนไม่หลับทั้งคืน” เลิกคิ้วอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง นายเคนตะเนี่ยนะรีบร้อนออกไปตามหาฉัน “ผมขอตัวก่อนนะครับ” ร่างสูงเดินขึ้นห้องไปจนลับเหลือเพียงฉันกับท่านเจ้าสัวเท่านั้น “ฉันอยากจะถามหนูมานานแล้ว ทำไมถึงเลือกที่จะทำงานเป็นนักข่าวอาชญากรรมล่ะ” “ในเมื่อท่านต้องการทราบ บาร์ก็จะตอบ แต่ขอให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้หรือเปล่าคะ” ท่านเจ้าสัวเพียงยกยิ้มออกมา “ฉันรับปาก” “จริงๆแล้วหนูไม่ใช่นักข่าวหรอกค่ะ….” โปรดติดตามตอนต่อไป.........
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD