ในขณะที่จะกดมือถือต่อสายหาบาร์บี้แต่ต้องหยุดการกระทำทุกอย่างเมื่อเห็นว่าฝนตกพร้อมกับปรากฏบุคคลที่โทรมาถามผมเมื่อกี้
“น้องอยู่บ้านหรือเปล่า”
“เธอไม่อยู่ครับ”
“ฉันคิดไว้ไม่มีผิด”
“พ่อช่วยบอกผมได้หรือเปล่า จู่ๆก็โทรมาถามแถมขับรถมาหาที่บ้านแบบนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนั้นกันแน่ทำไมพ่อต้องดูร้อนรนกลัวว่าเธอจะหายไปด้วย”
สายตาของคนตรงหน้าจับจ้องไปที่ทีวีที่เปิดค้างอยู่จนผมต้องมองตาม “หลังจากที่หนูบาร์ยอมตกลงแต่งงานกับแก เธอได้บอกความลับกับฉันไว้อย่างหนึ่ง” แววตาของพ่อดูเศร้าลง ดูไปแล้วหดหู่
“เธอเคยตกเป็นเหยื่อของคดีฆาตกรรมเมื่อสี่ปีที่แล้ว เมื่อครั้งนั้นแกยังเรียนอยู่เมืองนอกแกคงไม่รู้ว่ามันน่าสลดใจมากที่เด็กผู้หญิงซึ่งเป็นเพื่อนของเธอตกเป็นเหยื่ออีกคน เพื่อนคนนั้นของเธอถูกฆ่า”
“พ่อกำลังจะบอกว่า บาร์บี้หายไปในเวลานี้เพราะมันเกิดคดีซ้ำเหมือนสี่ปีที่แล้วใช่หรือเปล่า” ว่าจบผมก็ขึ้นไปหยิบกุญแจรถบนห้องทันที
“จะไปไหน”
“ผมก็จะไปตามหาเธอยังไงล่ะครับ”
ผมตีไฟเลี้ยวมายังที่เกิดเหตุถึงมันจะไกลแต่มันเป็นสถานที่แรกที่นึกขึ้นได้ ลงจากรถกวาดสายตาหาก็ไม่พบคนที่กำลังตามหา ผมเดินมาขึ้นรถอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจโทรเข้าไปที่สำนักงานข่าว
(สวัสดีค่ะ)
“ผมขอสายนักข่าวที่เป็นเพื่อนของนักข่าวอาชญากรรมที่ชื่อบาร์บี้หน่อย”
(สักครู่นะคะ) เคาะนิ้วที่พวงมาลัยรถเพื่อรอสายจากนักข่าวคนนั้น ภายในใจมันรู้สึกปั่นป่วนไปหมด
(สวัสดีค่ะดิฉันเป็นเพื่อนของบาร์บี้ ไม่ทราบว่าคุณคือ)
“ผมเป็นใครไม่สำคัญ ผมแค่อยากรู้ว่าตอนนี้บาร์บี้อยู่กับคุณหรือเปล่า”
(ไม่ค่ะ เดี๋ยวนะคะ วันนี้วันที่ 29 กุมภาพันธ์ แย่แล้ว)
“คุณรู้ใช่ไหมว่าบาร์บี้จะไปที่ไหน”
(ฉันรู้ แต่ไม่สามารถบอกคุณได้จนกว่าฉันจะรู้ว่าคุณเป็นใคร บาร์บี้ไม่เคยมีเพื่อนผู้ชายเพื่อความปลอดภัยฉันไม่สามารถบอกได้ค่ะ)
“แต่ผมต้องการที่จะรู้”
(คุณรู้แค่ว่าบาร์บี้อยู่ในที่ที่ปลอดภะ..)
“ผมเป็นสามีของเธอ”
(อย่ามาโกหกกันหน่อยเลย)
“เคนตะ ลูกชายเจ้าสั่วหม่า”
(วะ ว่าไงนะคะ)
“ทีนี้บอกผมมาได้หรือยัง”
ผมยืนรอนักข่าวคนนั้นนานพอสมควรก่อนที่เธอจะขับรถมายังสถานที่นัดไว้ เพราะเธอไม่เชื่อว่าผมพูดจริงหรือเปล่าจึงขอนัดเพื่อจะเจอผมแล้วจะนำทางไป
แสงไฟจากรถถูกดับลงก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาแบบย่องเบา “นี่คุณเคนตะตัวจริงใช่ไหม ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงที่แต่งงานกับคุณจะเป็นเพื่อนของฉัน” ลิเดียร์แอบบตกใจไม่น้อยกับผู้ชายตรงหน้า ภรรยาของเขาคือยัยบาร์บี้เจ้าแม่สายบู๊เนี่ยนะ แอบโมโหเล็กน้อยที่เพื่อนตัวดีไม่ยอมบอกกันเลยสักคำแถมตอนนี้ก็หนีเธออีก เจอตัวเมื่อไหร่จะจับเค้นคอเอาความจริงให้หมดเลย
“เธอคงไม่คิดจะทำร้ายเพื่อนตัวเองหรอกใช่ไหม”
“แน่นอน ฉันมีจรรยาบรรณพอ อีกอย่างแค่นี้เพื่อนฉันก็เป็นทุกข์เจียนตายแล้ว ไม่ต้องห่วงฉันจะช่วยสร้างข่าวลือแก้เรื่องการแต่งงานเอง”
“ดี แล้วก็นำทางได้แล้ว”
“ถ้าฉันไม่เจอกับตัวเองฉันคงไม่เชื่อว่าคุณเป็นเจ้าพ่อจอมเย็นชาไร้หัวใจและปาก..เอ่อ คุณขับตามฉันก็แล้วกัน”
ลิเดียร์เดินขึ้นรถตัวเองทันทีก่อนที่จะเผลอพูดอะไรที่เป็นภัยต่อตัวเองออกไป ควรจะดีใจกับเพื่อนไหนเนี่ยที่ได้ผู้ชายไร้หัวใจอย่างเคนตะมาเป็นสามี คนหนึ่งก็ไร้หัวใจ คนหนึ่งก็ตายด้านเรื่องความอ่อนโยน แล้วจู่ๆก็มาแต่งงานกันแบบนี้มันต้องมีเหตุผลอะไรแน่ๆที่ยอมให้คนรักอิสระอย่างบาร์บี้ยอมทำ
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบตีหนึ่งที่ผมขับรถตามนักข่าวคนนั้นจนมาหยุดที่วัดแห่งหนึ่ง ผมมองบริเวณรอบๆวัดก็พบแต่ความมืด มีเพียงเสียงหมาเห่าหอนเท่านั้น
“เธอแน่ใจใช่ไหมว่าเป็นที่นี่”
“ฉันไม่แน่ใจหรอกค่ะ แต่มันคือที่เดียวที่บาร์จะมา”
“งั้นก็เข้าไป” ผมนำไปยังศาลาวัดที่ตอนนี้มีพระสงฆ์นั่งอยู่ พอเห็นพวกเราท่านก็ยืนขึ้นแล้วตรงมาทางนี้
"หลวงพ่อ บาร์ได้มาที่นี่หรือเปล่าคะ"
"โยมบาร์มาที่นี่ แต่ตอนนี้ไปแล้ว"
"ไปไหนหรอคะ"
"ลองเปิดข่าวดู หลวงพ่อเพียงเห็นแค่โยมบาร์เปิดข่าวดูแล้วก็ออกไปโดยไม่บอกกล่าว" ทันใดนั้นผมก็หยิบมือถือขึ้นมา มีข่าวที่เขียนพาดหัวข่าวว่าจับตัวคนร้ายได้แล้ว
"ซวยแล้วคุณเคน"
โครม!! อั่ก!! แรงถีบเข้าที่กลางลำตัวของคนร้ายแรงพอสมควร นายตำรวจต่างพากันกรูเข้ามาล็อคตัวร่างบางไว้ที่ตอนนี้เหมือนจะคลั่งเต็มที
" ไอ้ชั่ว ไอ้เลว แกทำไปได้ยังไง คนเหมือนกันแกฆ่าได้ยังไง"
"ไอ้บาร์เองหยุดเลยนะ รุมประชาทัณฑ์แบบนี้เดียวก็ถูกตั้งข้อหาเอาหรอก"
“มันดูว่ารุมตรงไหน แล้วจะเอามันมาขังไว้ที่นี่ทำไม รีบส่งมันไปขึ้นศาลตัดสินประหารสักทีสิ"
"เฮ้อ แกจะตามหลอกหลอนฉันไปถึงไหน ตอนนั้นที่ต่างจังหวัดก็พอแรงแล้ว ตอนนี้ยังจะตามมากระทืบคนร้ายที่กรุงเทพอีกหรอ"
" คนชั่วๆแบบนี้ไม่ควรยืนเชิดหน้าชูตากับสังคม โถ่เว้ย" ผลัวะ อ๊าก แรงเตะก้านคอครั้งนี้หนักแน่นจนคนร้ายล้มไปนอนกับพื้น
" เฮ้ย จับไว้" แรงกอดรัดจากทางด้านหลังคราวนี้ทำให้ฉันหยุดลงได้เพราะสู้แรงคนที่ล็อคตัวไว้จากทางด้านหลังไม่ได้
" ปล่อย ฉันจะเอาเลือดหัวมันออก"
" หยุดบ้าได้แล้ว" ฉันสลัดตัวออกหันหน้าไปเผชิญกับเสียงผู้ชายที่แสนคุ้นเคย ทว่าคนนั้นกลับเป็นคนเดียวที่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเขา แอบสงสัยเล็กน้อยว่านายเคนตะทำไมถึงมาที่นี่และยังมากับลิเดียร์ซึ่งเป็นเพื่อนของฉัน
"นายมาได้ไง" เขาดูอ้ำอึ้งจะพูดแลไม่พูดแล ได้แต่รอคำตอบแต่ก็มีเสียงยัยลิเดียร์แทรกมาซะก่อน
"ทำไมจู่ๆแกได้โผล่มากระทืบคนร้ายที่โรงพัก แล้วนี่ไม่ได้เป็นเหมือนที่ฉันคิดไว้เลยสักนิด มันเกิดอะไรขึ้นกับแกยัยบาร์"
"แกคิดว่าฉันเห็นข่าวแล้วนึกกลัวงั้นหรอ จะบอกอะไรให้นะ นอกจากฉันจะไม่กลัวแล้วฉันยังกล้าที่จะกระทืบมันให้จมดินอีก"
"ฉันก็ดีใจที่แกปล่อยวางได้"
" เปล่า ฉันแค่กำลังพยายาม พยายามจะเอาเลือดหัวมันออก" ว่าจบก็ตรงดิ่งไปหาไอ้ชั่วในห้องขังจนคนในห้องขังก้าวถอยหลังหนี
" กลัวไร กลัวฉันทำไมห๊ะ" เผลอกำมือแน่น เราสองคนจ้องตากันจนฉันสามารถรู้ถึงสิ่งบางอย่างที่เขาพยายามซ่อนมันไว้ หึ ชอบเลียนแบบงั้นหรอ
แซะยิ้มออกมาพร้อมกับคว้าเสื้ออีกคนผ่านช่องเล็ก นายตำรวจรีบวิ่งมาดึงมือฉันออก แต่จู่ๆร่างของฉันก็ลอยวืด นายเคนตะอุ้มฉันพาดบ่าแล้วเดินออกจากโรงพักทันที
" ปล่อยฉันนะ"
" หยุดโวยวายได้ไหม แค่นี้ก็ทำให้ตำรวจวุ่นวายไม่พอหรือไง"
"แล้วนายมายุ่งอะไรด้วย ตามหาฉันทำไม เกลียดฉันไม่ใช่หรอ"
"ถ้าพ่อฉันไม่ให้ตามหาเธอ ฉันคงไม่ยอมมาลำบากแบบนี้หรอกนะ เพราะเธอคนเดียวที่ทำให้ชีวิตฉันดูวุ่นวายไปหมด"
ปัง!! นายก็ไม่ต่างกับฉันหรอก ตั้งแต่มีนายเข้ามาชีวิตฉันก็ดูไร้ความแข็งแกร่ง กำแพงน้ำแข็งที่ได้สร้างไว้มันเริ่มละลายเป็นสายน้ำมากขึ้นทุกที
" ฉันจะกลับกับเพื่อน" สายตาคมกริบตวัดมาทางฉันแปปเดียว มือของเขากำพวงมาลัยแน่นขาเหยียบคันเร่งออกรถทันทีโดยไม่คิดจะฟังฉันเลย
"เป็นถึงนักข่าวแต่กลับไร้ความอดทน เธอคิดว่าจะยืนหยัดบนอาชีพนี้อีกนานเท่าไหร่ ทำไมไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเองบ้าง"
"ชีวิตทั้งชีวิตฉันอดทนมามากพอแล้ว นายไม่ใช่ฉัน จะไปรู้อะไร" ว่าการเสียเพื่อนไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยมันเจ็บปวดแค่ไหน ฝันร้ายที่คอยตามหลอกหลอนอยู่ทุกวันมันน่ากลัวแค่ไหน นายไม่เข้าใจฉันหรอกเคนตะ เพียงแค่ประโยคหลังไม่ได้พูดออกไปเท่านั้น ฉันเลือกที่จะนั่งมองข้างทางที่ไร้แสงไฟแทน
"ทุกคนต่างก็มีความทรงจำที่ไม่ดีกันทั้งนั้น แค่พวกเขาเลือกที่จะลืมมัน แต่เธอเลือกที่จะจำมันเพื่อให้มันกลับมาทำร้ายตัวเอง"
"เพราะฉันต่างจากคนพวกนั้นไงล่ะ"
พอรถจอดฉันก็เดินเข้าไปในบ้านก่อนจะเห็นคนหนึ่งที่นั่งรอฉัน ท่านเจ้าสัวมีสีหน้าดีขึ้นเมื่อรู้ว่าเป็นฉัน คงจะทำให้ท่านเป็นห่วงแล้วสิ
“ขอโทษนะคะที่จู่ๆก็หายไปแบบนี้”
“ดีแล้วแหละที่หนูกลับมาอย่างปลอดภัย นี่ถ้าตาเคนไม่รีบร้อนออกไปตามหาหนู ฉันคงนอนไม่หลับทั้งคืน” เลิกคิ้วอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง นายเคนตะเนี่ยนะรีบร้อนออกไปตามหาฉัน
“ผมขอตัวก่อนนะครับ” ร่างสูงเดินขึ้นห้องไปจนลับเหลือเพียงฉันกับท่านเจ้าสัวเท่านั้น
“ฉันอยากจะถามหนูมานานแล้ว ทำไมถึงเลือกที่จะทำงานเป็นนักข่าวอาชญากรรมล่ะ”
“ในเมื่อท่านต้องการทราบ บาร์ก็จะตอบ แต่ขอให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้หรือเปล่าคะ” ท่านเจ้าสัวเพียงยกยิ้มออกมา
“ฉันรับปาก”
“จริงๆแล้วหนูไม่ใช่นักข่าวหรอกค่ะ….”
โปรดติดตามตอนต่อไป.........