บทที่ 2 เลขาฯ คนใหม่ - 35%

1611 Words
พชรนั่งมองออกไปนอกกระจกรถด้วยท่าทางเบื่อหน่าย มือจับพวงมาลัย นิ้วก็เคาะไปตามจังหวะเพลงที่เปิดอยู่ ชายหนุ่มกวาดตามองไปเรื่อยเปื่อยตั้งแต่รถเข็นขายอาหารริมทางเท้าไปจนถึงคนกวาดขยะ เขาเบื่อสี่แยกนี้ที่สุด จะไม่ผ่านก็ไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นก็จะไปไม่ถึงออฟฟิศ พอรถเคลื่อนไปได้ประมาณสองช่วงตัวก็ติดแหงกอีกเหมือนเดิม พชรเอนหลังพิงเบาะ ละมือจากการจับพวงมาลัย ตาเหลือบไปเห็นรถประจำทางปรับอากาศที่เคลื่อนตัวเข้ามาจอดเทียบข้างก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นไปมอง แต่พอเขามองขึ้นไป มุมปากหยักก็ยกยิ้มขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อเห็นสภาพงีบหลับแบบไม่สนใจใครของหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนนั้น จะไม่ให้เขาขำได้อย่างไร ในเมื่อเธอเล่นเอาแก้มของตนเองข้างหนึ่งแนบไปกับกระจกรถ หนำซ้ำยังหลับอ้าปากอีกต่างหาก ส่วนแว่นตาหนาเตอะก็ตกร่นมาอยู่ที่ปลายจมูก “เป็นสาวเป็นแส้ ทำไปได้นะคนเรา สงสัยแอร์บนรถเมล์คงจะเย็นจนน่านอน” พูดเสร็จตนเองก็หาวบ้าง พอดีกับที่รถเริ่มเคลื่อนตัวไปได้ ชายหนุ่มขับรถไปก็ลุ้นจนตัวโก่งไปด้วยว่าตนจะสามารถพ้นสี่แยกนรกนี่ไปได้หรือไม่ พชรเหลือบมองสัญญาณไฟจราจรเป็นระยะ ๆ กะเอาไว้ว่าถ้ามันเปลี่ยนเป็นสีส้มเมื่อไร เขาจะสวมวิญญาณตีนผีให้ดู “เยส! พ้นแล้วโว้ย” พชรร้องออกมาอย่างสะใจ ส่องกระจกมองหลังก็เห็นรถประจำทางคันเมื่อครู่ยังคงติดไฟแดงต่อไป คิดแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจกับสภาพการจราจรในกรุงเทพฯ เหลือเกิน เพราะเหตุนี้บริษัทของเขาจึงไม่มีนโยบายหักเงินเดือนพนักงานในกรณีที่มาทำงานสาย ก็ในเมื่อท้องถนนมันไม่พอให้รถวิ่งอย่างนี้จะไม่ติดก็เกินไปแล้ว พชรเลี้ยวรถเข้ามาจอดในที่จอดรถประจำตัว ลงจากรถได้ก็เดินลิ่วเข้าไปในตึกโดยมีพนักงานในอาณัติทำความเคารพเขาเป็นระยะ ๆ ตลอดทางเดิน เมื่อถึงห้องทำงานของตนเอง เขาเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปข้างใน เห็นโน้ตสั้น ๆ จากแผนกบุคคลแปะเอาไว้ที่โต๊ะจึงหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้ แล้วยกหูโทรศัพท์ขึ้นมากดต่อสายภายใน “คุณมุกครับ คนที่จะมาสัมภาษณ์เขาจะมากี่โมง” พอได้คำตอบจากปลายสายเขาก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา เมื่อเห็นว่ายังพอมีเวลาเหลือก่อนที่จะต้องสัมภาษณ์เลขาฯ คนใหม่ พชรจึงเดินออกจากห้องทำงานแล้วลงไปยังร้านอาหารด้านล่างของตัวตึก “คุณคะ...คุณ...ตื่นได้แล้วค่ะ รถเมล์สุดสายแล้วนะคะ” เสียงแหลมบาดแก้วหูจากกระเป๋ารถประจำทางวัยสี่สิบกว่าดังทะลุเข้ามาในความฝันของหญิงสาวจนถึงกับสะดุ้งเฮือก ช่อมาลีขยับแว่นสายตาให้เข้าที่ ก่อนจะหันไปมองเลิ่กลั่กรอบตัวแล้วรีบลุกขึ้นยืนทันที จนกระทั่งได้ยินเสียงเดิมพูดขึ้นมาอีกครั้ง จึงดึงสติกลับมาอยู่กับตัวได้ “รถเมล์สุดสายแล้วนะคะคุณ คุณจะลงที่ไหนคะ” “สุดสาย! สุดสายแล้วหรือคะ ตายแล้ว ตาย ๆ ตายแน่ ๆ กี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย ขอบคุณนะคะพี่” ช่อมาลีหน้าตื่น ละล่ำละลักขอบคุณอีกฝ่ายแล้วพรวดพราดลงจากรถ พอลงมาได้ก็วิ่งหน้าตั้งออกจากอู่รถประจำทาง พลางสอดส่ายสายตามองหาวินรถจักรยานยนต์รับจ้างทันที “นังมาลีเอ๊ย...มาสัมภาษณ์งานวันแรกก็สายเสียแล้ว บริษัทไหนเขาจะรับแกเข้าทำงานล่ะเนี่ย” ช่อมาลีบ่นพึมพำกับตนเองขณะกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปที่วินรถจักรยานยนต์รับจ้างที่อยู่ไม่ไกล เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปเกือบตีสี่ เพราะหลังจากที่ได้รู้ว่าน้ำเหนียว ๆ ที่ไปเหยียบมาเมื่อคืนนั้นคือเลือด ก็ทำให้เธอแทบนอนไม่หลับเลยทีเดียว อีกทั้งเมื่อคืนได้ตกลงกับเพื่อนร่วมวงเอาไว้ด้วยว่าจะรูดซิปปากกันให้สนิท ไม่พูดถึงเรื่องนั้นจนกว่าตำรวจจะเรียกไปสอบปากคำ ซึ่งคริสคาดการณ์เอาไว้ว่าอย่างไรเสียก็ต้องถูกเรียกตัวไปทุกคน ส่วนรองเท้าคู่นั้นน่ะหรือ เธอเอาไปทิ้งที่ถังขยะรวมข้างแฟลตไปแล้วเรียบร้อย “พี่คะพี่ ไปอาคารยูซีทาวเวอร์ค่ะ ขอแบบด่วน ๆ เลยนะพี่ ซิ่งได้ยิ่งดีเพราะหนูสายแล้ว” หญิงสาวกระโดดขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ รับเอาหมวกกันน็อกจากคนขับมาใส่ เธอดูเวลาแล้วก็อยากจะร้องไห้เพราะเลยเวลานัดมาร่วมครึ่งชั่วโมงเข้าไปแล้ว สิบห้านาทีต่อมา หญิงสาวร่างสูงโปร่งใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้เครื่องสำอาง ผมยาวสีดำสนิทมัดเป็นหางม้ารวบตึงในชุดกระโปรงสอบเข้ารูปสีดำเสมอเข่า เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวถูกระเบียบทุกกระเบียดนิ้วก็มานั่งใจเต้นเป็นรัวกลองอยู่ที่แผนกบุคคล ระหว่างที่รอพนักงานเอาเอกสารการสมัครงานมาให้กรอก สายตาตำหนิอย่างไม่ปิดบังของพนักงานที่เอาเอกสารมาให้ ทำเอาช่อมาลีรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ราวกับจะจับไข้ จนต้องรีบก้มหน้าก้มตากรอกข้อมูลลงไปในเอกสาร ทำทีเป็นมองไม่เห็นสายตาเชือดเฉือนจากคนที่นั่งอยู่ไม่ไกล “กรอกเสร็จแล้วเรียกได้เลยนะคะ” พนักงานคนเดิมบอก หญิงสาวจึงเงยหน้าขึ้นรับคำ แล้วก้มหน้ากรอกประวัติของตนเองต่อไป ทั้งที่ในใจเริ่มรู้ชะตากรรมแล้วว่าคงไม่ได้งานนี้แน่นอน หลังจากยื่นเอกสารที่กรอกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ช่อมาลีจึงนั่งรอ ไม่นานนัก พนักงานคนเดิมก็เดินมาเรียกช่อมาลีให้เดินตามเข้าไปด้านใน พนักงานคนนั้นพาหญิงสาวมาหยุดอยู่หน้าห้องห้องหนึ่งซึ่งพอเห็นป้ายเหล็กสีทองที่ประกาศตำแหน่งของคนที่นั่งอยู่ในห้อง ช่อมาลีถึงกับเผลอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ พนักงานคนนั้นเคาะประตูห้องสามทีก่อนเปิดประตูแล้วเดินนำเข้าไปข้างใน ช่อมาลีจึงก้าวเดินตาม มือขยับแว่นตาให้เข้าที่ตามความเคยชินแล้วลอบมองสำรวจด้านในห้องของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นประธานกรรมการของบริษัทแห่งนี้ “ท่านประธานคะ คนที่จะสัมภาษณ์มาถึงแล้วค่ะ” มุกรวี หัวหน้าฝ่ายบุคคลแจ้งกับผู้ที่นั่งก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารบนโต๊ะอย่างขะมักเขม้น ตอนนั้นเองที่ช่อมาลีหันหน้ามามองผู้ที่มีอำนาจตัดสินชะตาว่าเธอจะได้งานที่นี่หรือไม่ด้วยท่าทีที่สำรวมที่สุด ทว่าเมื่อเขาเงยหน้าขึ้น หญิงสาวก็แทบผงะจนเผลอตัวถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยอัตโนมัติ กระเป๋าสะพายที่เอามาถือไว้ในมือร่วงหล่นลงสู่พื้นพรม แถมพ่วงมาด้วยสายตาดุ ๆ จากหัวหน้าฝ่ายบุคคลที่ตวัดหันมามองแทบจะทันที “นี่คุณ...กระเป๋าหล่นแล้ว” สิ้นเสียงของมุกรวี ช่อมาลีก็รีบก้มลงเก็บกระเป๋าสะพายของตนขึ้นมาถือในมืออีกครั้ง “ดิฉันขอตัวก่อนนะคะท่านประธาน” ร่างผอมของผู้จัดการแผนกวัยสามสิบปลายหันไปพูดกับชายหนุ่มเจ้าของห้องก่อนจะเดินออกไป ก่อนไปไม่วายหันมาทำตาดุใส่ช่อมาลีราวกับคุณครูดุเด็กนักเรียน “เชิญนั่งครับ” ช่อมาลีที่กำลังมองตามหลังของคนที่พามาส่งสะดุ้งโหยงทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงทุ้มนุ่มจากหลังโต๊ะทำงาน หญิงสาวเดินเข้าไปนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับเขา ในใจนึกหวั่นว่าเจ้านายภาคกลางคืนของเธอจะจำเธอได้หรือไม่ ยิ่งเห็นเขามองมา ทั้งยังขมวดคิ้วเล็กน้อยเหมือนทำท่านึกอะไรบางอย่าง ช่อมาลีก็ยิ่งหน้าซีดลงเรื่อย ๆ “เอ๊ะ! นี่คุณ...” พชรพูดเพียงแค่นั้นก็ไม่ได้พูดต่อ เขาจำเธอได้ เธอคือผู้หญิงที่นอนหลับบนรถประจำทางในแบบที่เรียกว่าหมดสภาพ ไม่ต้องเดาเลยว่าที่เธอมาสัมภาษณ์งานสายคงเพราะนอนหลับเพลินจนลืมลงป้ายรถเมล์หน้าตึกเป็นแน่ “อืม...ช่างเถอะ คุณมาสายไปสี่สิบนาทีนะ ไม่ทราบว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นรึเปล่าครับ” เขารู้อยู่เต็มอกว่าเธอมาสายเพราะอะไร แต่เขาอยากฟังว่าเธอจะแก้ตัวอย่างไรมากกว่า “ต้องขอประทานโทษด้วยค่ะ คือว่า...ดิฉันนั่งรถเลยป้ายเพราะไม่ค่อยรู้เส้นทาง กว่าจะรู้ว่าเลยมาไกลแล้วก็ตอนที่รถเมล์เข้าไปจอดที่อู่นั่นแหละค่ะ” หญิงสาวยอมตอบออกไปตามความจริง แต่ละเว้นเรื่องที่หลับบนรถเอาไว้ พชรพยักหน้าช้า ๆ มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย นับว่ายังดีที่เธอไม่ได้โกหก เธอแค่บอกความจริงไม่หมดเท่านั้น ชายหนุ่มจึงเริ่มเปิดแฟ้มประวัติของหญิงสาวแล้วเริ่มต้นทำการสัมภาษณ์ ท่ามกลางความโล่งใจของช่อมาลีที่เริ่มมั่นใจแล้วว่าเขาจำไม่ได้แน่นอน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD