บทที่ 2 เลขาฯ คนใหม่ - 70%

1577 Words
ผ่านไปประมาณเกือบชั่วโมง การสัมภาษณ์ ซักถามประวัติการทำงาน และรายละเอียดขอบข่ายความรับผิดชอบก็ถูกถ่ายทอดให้ช่อมาลีฟังจนหมด เขาหยิบหนังสือแนะนำบริษัทยื่นส่งไปให้หญิงสาว ช่อมาลีรับมาแล้วลองเปิดดูเนื้อหาข้างในคร่าว ๆ ระหว่างนั้นพชรจึงลอบมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้านิ่ง ๆ ใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ ปาก คอ คิ้ว คางจัดว่าพอเหมาะพอเจาะหากไม่มีแว่นสายตาหนาเตอะบดบังความสวยงาม ผู้หญิงคนนี้ไม่แต่งหน้า ใบหน้าไร้สีสันแต่กลับไม่ได้ดูจืดชืดจนไม่น่ามอง ครั้งแรกที่เขาเห็นเธอ ช่อมาลีเหมือนพวกคงแก่เรียนทั่วไป แต่พอได้มองใกล้ ๆ เขายอมรับเลยว่าผู้หญิงคนนี้จัดว่าสวยใช้ได้ รูปร่างก็สูงโปร่งได้สัดส่วน ถ้าจับมาแต่งตัวแต่งหน้าสักหน่อยรับรองได้เลยว่าหนุ่ม ๆ ที่บริษัทนี้คงได้มองตามกันเป็นแถว ว่าแต่...เขาเหมือนจะเคยเห็นใบหน้าแบบนี้ที่ไหนกันนะ พลันนั้นใบหน้าสวยสะดุดใจของนักร้องนำสาวสวยที่ทำให้เขาแทบหมดลมหายใจไปดื้อ ๆ ก็ผุดขึ้นมาในห้วงความคิด ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่เขารู้สึกว่าผู้หญิงสองคนนี้มีบางอย่างที่เหมือนกัน สายตาของชายหนุ่มมองจ้องอยู่อย่างนั้นจนคนถูกมองเริ่มรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ช่อมาลียกมือขึ้นดันกรอบแว่นแล้วเสมองไปทางอื่น พชรถึงรู้สึกตัวว่าเผลอเสียมารยาทจ้องเธอนานเกินไป ชายหนุ่มยืดตัวตรงขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับกระแอมออกมาเบา ๆ “คุณช่อมาลี คุณมีพี่น้องรึเปล่า” พชรลองถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ แต่หญิงสาวกลับส่ายหน้าปฏิเสธระรัว “มะ...ไม่มีค่ะ ดิฉันลูกคนเดียวค่ะ” ตอบเสร็จก็ก้มหน้าลงทำทีเป็นอ่านเอกสารบนโต๊ะต่อ โชคดีที่พชรไม่ได้ติดใจสงสัยเอ่ยถามอะไรเพิ่มเติม “เอาล่ะ...จากการที่อ่านประวัติการทำงานของคุณมา สำหรับผมแล้วค่อนข้างโอเคเลยนะ ดูเป็นมืออาชีพดี คุณเคยผ่านบริษัทใหญ่ ๆ และทำงานมาหลายปีแล้ว...เอาเป็นว่า...ผมรับคุณเข้าทำงานเลยก็แล้วกัน แต่มีข้อแม้นะ” ช่อมาลีฉีกยิ้มกว้างตั้งแต่ได้ยินว่าเขารับเข้าทำงานทั้งที่เธอหมดหวังไปแล้ว ใบหน้าเรียวเล็กพยักหน้ารัวเร็วแล้วพูดว่า “ขอบคุณมากค่ะท่านประธาน จะให้ทำอะไรให้ว่ามาเลยค่ะ ดิฉันยินดี” “ก็ดี...ผมจะให้คุณเริ่มวันนี้และตอนนี้เลย สะดวกไหมครับ เพราะผมกำลังต้องการคนช่วยอยู่พอดี” พชรชี้ไปที่แฟ้มงานกองโตที่วางอยู่บนโต๊ะตัวยาวถัดออกไปจากโต๊ะทำงานตัวที่เขานั่งอยู่ “คุณช่วยรวบรวมผลประกอบการของรถแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น รวมถึงปัญหาที่พบ แล้วแยกเป็นแฟ้มให้ผมหน่อยสิ อยากได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมไปถามหาเอากับแผนกการตลาดได้ คิดว่าทำได้ไหม” ช่อมาลีมองตามนิ้วของเขาที่ชี้ไปยังกองเอกสารแล้วก็ต้องเบิกตากว้าง เหลือบไปมองหน้าท่านประธานก็เห็นเขายิ้ม ไม่ได้พูดอะไร เธอไม่อยากคิดว่าเขากำลังแกล้งหาเรื่องทดสอบเธอหรือเปล่า ก็พอดีกับที่ชายหนุ่มพูดออกมาดักทางเสียก่อน ราวกับล่วงรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ “ผมเปล่าแกล้งหรือทดสอบประสิทธิภาพคุณนะ แต่ผมไม่มีเลขาฯ มาหลายวันแล้ว เลยไม่มีใครทำให้ผมน่ะ มันก็เลยกองอยู่อย่างนั้นตามที่คุณเห็น” “ดิฉันทราบค่ะ ไม่มีปัญหาค่ะ เดี๋ยวดิฉันจัดการให้ ไม่ทราบว่าท่านประธานต้องการใช้วันไหนคะ” “พรุ่งนี้ก่อนเที่ยง เพราะช่วงบ่ายผมมีประชุมผู้ถือหุ้น” ฟังคำตอบของเขาแล้ว ช่อมาลีก็แทบทรุด ยกมือขึ้นขยับแว่นอีกทีตามความเคยชินแล้วกลืนน้ำลายลงคออีกครั้ง “ถ้าวันนี้ไม่ทัน พรุ่งนี้ค่อยมาทำต่อก็ได้ผมไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว แต่ผมขอก่อนเที่ยง และตอนเข้าประชุมคุณก็ต้องเข้าไปกับผมด้วย...ถือเสียว่าที่ผมให้คุณเก็บรวบรวมข้อมูลวันนี้เป็นการศึกษางานจากบริษัทก็แล้วกัน” พชรพูดพลางลุกขึ้นเดินไปยังกองแฟ้มที่กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะตัวยาว ช่อมาลีจึงลุกเดินตามมาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะ ชายหนุ่มหยิบแฟ้มหนาหนักอันหนึ่งมาวางลงตรงหน้าเธอแล้วผายมือให้ “เชิญครับ เริ่มจากแฟ้มนี้ก่อนเลยก็แล้วกัน” ร่างท้วมของหญิงวัยกลางคนในชุดพนักงานทำความสะอาดเดินฮัมเพลงเข้าไปสแกนนิ้วในส่วนของพนักงาน เจ้าตัวหยุดพูดคุยทักทายกับพนักงานรักษาความปลอดภัยหน้าประตู ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในเพื่อนำอุปกรณ์ทำความสะอาดมาทำตามหน้าที่ที่ต้องทำอยู่ทุกวัน วันนี้เธอมาถึงเป็นคนแรกเพราะเพิ่งจะบ่ายสองกว่า ๆ เท่านั้น ซึ่งตามปกติแล้วตำแหน่งพนักงานทำความสะอาดจะเริ่มเข้างานตอนบ่ายสาม เท่ากับว่าตอนนี้มีเธออยู่ที่นี่แค่คนเดียว วันดีกดสวิตช์ไฟข้างประตูเพื่อจะได้มองเห็นภายในได้ชัดขึ้น ร่างท้วมเดินตามทางเดินไปยังบริเวณที่ใช้เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด หัวคิ้วของวันดีขมวดมุ่นเมื่อเห็นคราบสีคล้ำเข้มกระจายเกลื่อนอยู่บนพื้น “ใครมาทำอะไรหกแถวนี้” วันดีเดินเข้าไปเอาปลายรองเท้าลองเขี่ย ๆ ดู ถึงได้รู้ว่ามันค่อนข้างเหนียวหนับ และมีบางส่วนเริ่มแห้งกรังไปแล้ว “น้ำจิ้มล่ะมั้งเนี่ย” วันดีละสายตาจากคราบบนพื้นแล้วหันตัวไปทางด้านซ้ายเพื่อจะเข้าไปหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดในซอกแคบ ๆ นั่น ทว่าทันทีที่สายตาปะทะเข้ากับอะไรบางอย่างที่คุดคู้อยู่ในนั้น สองตาก็เบิกโพลงด้วยความตกใจสุดขีด ขนอ่อนที่ท้ายทอยลุกชันจนแผ่กระจายไปทั่วทั้งร่างตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้าเพราะความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด “กรี๊ดดด” “เอ...ต้องแยกตามยี่ห้อก่อนสินะ ตามด้วยรุ่น และเรียงตามปี” ช่อมาลีหยิบแฟ้มแต่ละแฟ้มมาอ่านดูด้านหน้าแล้วจัดแยกเป็นหมวดหมู่ โดยมีเจ้านายหมาด ๆ ยืนมองอยู่อีกฝั่ง พชรยืนกอดอก มือข้างหนึ่งลูบคางตนเองไปมาอย่างครุ่นคิด ไม่ใช่ ดูอีกทีก็ไม่เหมือนนักร้องที่ชื่อม็อท คนนั้นตาสีดำ แต่ช่อมาลีตาสีตาลอ่อน สีผมก็ไม่ใช่ ม็อทผมสีน้ำตาลแดง แต่ช่อมาลีผมดำสนิทเลย “เอ่อ...ท่านประธานนี่ใจดีจังเลยนะคะ ขอบคุณมากเลยค่ะ” ช่อมาลีพูดยิ้ม ๆ ตาหลุบมองต่ำแอบซ่อนประกายความหยอกล้อขี้เล่นเอาไว้ ขณะที่คนฟังเลิกคิ้วขึ้นอย่างงุนงง “ผมน่ะหรือใจดี เรื่องอะไร” “ก็แหม...มาลีนึกว่าท่านประธานจะให้มาลีทำเอกสารพวกนี้คนเดียวเสียอีก ที่แท้ท่านประธานก็อุตส่าห์ลงมาช่วยด้วย ถ้าเป็นอย่างนี้ต้องเสร็จภายในวันนี้แน่นอนเลยค่ะ” ช่อมาลีเผลอแทนตัวด้วยชื่อเล่นที่ใช้ประจำ เธอประสานมือกันไว้ตรงหน้าเหมือนกำลังพนมมือไหว้ ทำเอาคนเป็นนายหน้าเหวอเมื่อฟังจบ เขาพลาดเสียแล้ว พชรถอนหายใจออกมาเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นยิ้มเมื่อนึกถึงความฉลาดในการใช้งานเจ้านายแบบเนียน ๆ ของหญิงสาว เห็นหน้าซื่อ ๆ แบบนี้ แต่เขาคิดว่าเธอน่าจะมีดีพอตัวโดยเฉพาะเรื่องไหวพริบ ครืดดดด...ครืดดดด... เสียงโทรศัพท์มือถือที่ชายหนุ่มวางทิ้งเอาไว้บนโต๊ะทำงานสั่นขึ้นเพราะมีคนโทร. เข้า พชรเดินไปหยิบขึ้นมาเลื่อนหน้าจอเพื่อรับสายเมื่อเห็นชื่อคนที่โทร. เข้ามา “เออ...ว่าไงวะไอ้ภีม” พชรเบี่ยงสะโพกข้างหนึ่งขึ้นนั่งบนโต๊ะทำงาน ขาอีกข้างยันไว้กับพื้นด้วยท่าทางสบาย ๆ แต่สักพักเขาก็มีสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมกับยืนตัวตรง “แกว่าไงนะ ศพงั้นหรือ!” พชรพูดเสียงดังด้วยความลืมตัว ส่วนหญิงสาวที่แอบฟังอย่างไม่ตั้งใจก็หูผึ่งขึ้นมาทันที เธอมองจากหางตาเห็นเขาเหลือบมองมาทางนี้แว้บหนึ่ง ก่อนจะลดหูโทรศัพท์ลงแล้วหันมาพูดด้วย “ผมจะเข้าไปคุยโทรศัพท์ในห้องพักผ่อน ห้ามให้ใครรบกวนเด็ดขาด ไม่ว่าเรื่องจะด่วนแค่ไหนก็ให้รอก่อน หรือไม่ก็วางเอกสารทิ้งไว้ เข้าใจนะ” ชายหนุ่มสั่งงานรัวเร็วแล้วเดินผลุบหายเข้าไปในห้องพักผ่อนที่อยู่หลังฉากกั้นทันที ช่อมาลีขยับแว่นสายตามองตามเข้าไปด้วยความสงสัยระคนอยากรู้ “ท่านประธานมีห้องนอนไว้ในนี้ด้วยหรือเนี่ย...เฮ้อ ป่านนี้คงมีคนเจอศพแล้วสินะ” หญิงสาวนึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วก็ให้ขนลุกซู่ไปทั้งตัวขึ้นมาอีกรอบ เธอกับคริสย้อนกลับไปบริเวณนั้นอีกครั้ง เพราะคริสอยากเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น แน่นอนว่าคริสพกไฟฉายไปด้วยเพื่อต้องการดูให้ชัด เนื่องจากพื้นที่บริเวณนั้นค่อนข้างมืด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD