บทที่ 3 เหยื่อรายที่หนึ่ง...ร่าน - 100%

1506 Words
“อาร์มว่ามิวเตรียมตัวกลับบ้านดีกว่า เดี๋ยวตรงนี้อาร์มจัดการเอง” “ได้ยังไงล่ะ ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลย มิวไม่อยากเอาเปรียบอาร์มหรอกนะ” หญิงสาวยืนกรานที่จะอยู่เคียงข้างเขา เธอเห็นแล้วว่าใครเดินเข้ามาในผับบ้าง เพราะจำหน้าบางคนได้ตอนที่ให้ปากคำไปเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ดูท่าแล้วตำรวจน่าจะรู้อะไรบางอย่างถึงได้ย้อนกลับมาที่นี่อีกครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน เพราะฉะนั้นเธอจะไม่ทอดทิ้งให้อาร์มต้องอยู่เพียงลำพังแน่ เธอต้องอยู่ช่วยเขา เพราะมั่นใจว่าเขาไม่ใช่คนที่ลงมือฆ่าผู้หญิงคนนั้นแน่นอน เธอรู้ดี! เมื่อได้เวลาผับเลิก นักท่องเที่ยวบางกลุ่มก็กลับออกไปแล้ว แต่บางกลุ่มก็ยังนั่งกันอยู่ที่เดิมเนื่องจากยังติดลมไม่อยากลุกไปไหน อาจจะเพราะด้วยน้ำสีอำพันที่ยังเหลืออยู่แค่ก้นขวด จึงหวังจะจัดการให้หมดแล้วค่อยแยกย้าย อีกทั้งในผับก็ยังคงเปิดเพลงช้าคลอไปเรื่อย ๆ ถึงแม้จะเปิดไฟให้สว่างไสวขึ้นแล้วก็ตาม ทว่าเหล่าผีเสื้อราตรีก็ยังคงเกาะกลุ่มกันอยู่ไม่เลิกรา จุมพลเดินเข้าไปที่บูธดีเจ เขายิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยกับชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ในนั้นด้วยความเป็นกันเอง ทว่าสายตาที่มองกลับคาดคั้นกึ่งบังคับอยู่ในที “สวัสดีครับ ผมอยากสอบถามอะไรคุณเพิ่มเติมอีกหน่อยได้ไหม” สารวัตรหนุ่มยืนเอามือล้วงกระเป๋าด้วยท่าทีสบาย ๆ อาร์มจึงปลดหูฟังแบบครอบลงจากหูแล้วเอาคล้องคอไว้ พลางส่งยิ้มกว้างให้คนตรงหน้า “ได้สิครับคุณตำรวจ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” อาร์มเดินออกจากบูธดีเจที่ตนยืนอยู่ ก่อนไปเขายังส่งสายตาบอกหญิงสาวที่ยืนอยู่เพียงลำพังในนั้นว่าไม่มีอะไร แล้วเดินตามนายตำรวจคนนั้นไป โดยทิ้งสายตาของความเป็นห่วงเป็นใยของหญิงสาวไว้เบื้องหลัง จุมพลพาดีเจหนุ่มเดินเข้ามาในส่วนของพนักงาน ซึ่งระหว่างที่เปิดประตูเข้าไปนั้น ทั้งคู่ก็สวนกับแนนนี่ที่กำลังเดินออกมาพอดี อาร์มหันไปมองส่งสายตาอะไรบางอย่างให้หญิงสาว ซึ่งเจ้าหล่อนก็ทำเพียงยักไหล่ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก สารวัตรหนุ่มจึงรู้ทันทีว่าพชรคงกำลังหาข้อมูลในแบบที่ถนัดอยู่เป็นแน่ เสียงออดดังขึ้นหน้าประตู ทำให้พชรที่กำลังจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางถึงกับขมวดคิ้วมุ่น เพราะเมื่อครู่หญิงสาวที่มาให้ข้อมูลกับเขาแบบถึงลูกถึงคนก็เพิ่งจะโซซัดโซเซออกไปไม่น่าจะกลับเข้ามาอีกรอบ...หรือจะเป็นผู้จัดการมารายงานเรื่องเร่งด่วนอะไร คิดได้ดังนั้นเขาจึงรีบเดินไปเปิดประตูทั้งที่ยังติดกระดุมเสื้อไม่เรียบร้อยเลยด้วยซ้ำ “อ้าวพี่พล สวัสดีครับ” พชรแปลกใจไม่น้อยที่เห็นพี่ชายของเพื่อนรักมายืนอยู่หน้าห้องพร้อมกับลูกน้องของเขา แต่พอเห็นนายตำรวจหนุ่มยืนกอดอกมองสภาพของตนที่ยังคงหลุดลุ่ย เขาจึงเปิดประตูออกกว้างให้คนทั้งคู่เข้ามา “เอ่อ...เมื่อกี้แนนนี่เพิ่งลงไป” พชรพูดเพียงแค่นั้น ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาปิดประตูเสร็จจึงติดกระดุมเสื้อไปด้วยระหว่างที่เดินไปนั่งบนโซฟา “พี่ขอยืมห้องทำงานแกสอบปากคำเพิ่มเติมอะไรนิดหน่อย ข้างล่างแขกยังเยอะอยู่ ไม่ค่อยสะดวก” “แล้วผมต้องออกไปข้างนอกด้วยรึเปล่าครับ” เจ้าของห้องเอ่ยถามอย่างรู้มารยาท แม้จะอยากอยู่ร่วมฟังด้วยแค่ไหน แต่เขาก็ไม่อยากก้าวก่ายงานของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ “ก็ฟังได้ ไม่ใช่ความลับอะไร เพราะพี่คิดว่าแกก็น่าจะพอรู้เรื่องอยู่แล้ว เอาล่ะ ผมขอเข้าเรื่องเลยละกันนะครับคุณอาณัติ บังเอิญผมเพิ่งรู้ว่าคุณเคยคบหากับผู้ตายมาก่อน แต่เมื่อตอนเย็นที่ผมมาสอบถาม คุณกลับไม่ได้บอกผม” จุมพลเปิดประเด็นถามทันที เพราะไม่ต้องการให้เสียเวลา “เรียกผมว่าอาร์มก็ได้ครับ...ใช่ครับ ผมเคยคบกับออย แต่ก็เลิกกันไปตั้งนานแล้วนะเกือบสองปีได้แล้วมั้ง ทุกวันนี้เจอกันก็คุยกันอย่างเพื่อนธรรมดา ๆ มากกว่าไม่ได้คิดอะไร เอาตรง ๆ เลยก็ได้ว่าถ้าไม่มีคนพูดขึ้นมาว่าผมเคยคบกับออย ผมก็แทบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าครั้งหนึ่งเคยเป็นแฟนออยมาก่อน” ดีเจหนุ่มหยุดพูดเพื่อดูปฏิกิริยาของคนฟังก่อนจะเปิดปากเล่าต่อไป “เมื่อก่อนเธอไม่ใช่คนแบบนี้หรอกครับ ผมคบกับเธอตอนนั้นก็คบแบบจริงจังเลยนะ แต่พอออยเริ่มเที่ยวกลางคืน เริ่มหัดดื่มเหล้า เริ่มคบเพื่อนฝูงที่ชอบเที่ยวเหมือนกัน เขาก็เริ่มเปลี่ยนไป ผมมารู้ทีหลังว่าเขานิยมฟรีเซ็กซ์เพื่อล่าแต้มแข่งกับเพื่อนในกลุ่ม ผมก็รับไม่ได้จึงขอเลิกกับเธอ” “แล้วหลังจากเลิกกัน คุณกับผู้ตายได้เจอกันบ่อยไหม ผมหมายถึงตามที่เที่ยวน่ะ” จุมพลรุกถามต่อไปเพื่อหวังผลบางอย่าง เพราะจากรายงานที่ได้รับมา เหล่าผีเสื้อราตรีคนไหนที่อยากอัปยาจะต้องมาหาดีเจหนุ่มคนนี้ “ก็ต้องเจอสิครับ บ่อยเลยด้วย ออยเขาเด็กเที่ยว ที่ไหนเริ่ดที่ไหนหรูที่ไหนมีหนุ่มหล่อ ๆ รวย ๆ เยอะเขาก็ไปมันทุกที่แหละ ก่อนหน้านี้ผมก็เคยทำงานที่ซีควินซ์มาก่อน ที่นั่นก็มีระดับเหมือนกัน ออยเขาก็ไปที่นั่นอยู่บ่อย ๆ ไม่แปลกหรอกที่จะเจอผม พอที่นี่เปิดใหม่ ใหญ่กว่า หรูกว่า มีระดับกว่า เขาก็ย้ายมาเที่ยวที่นี่แทน” “แล้วตั้งแต่เลิกกัน คุณกับเขาเคยนอนด้วยกันอีกไหม ผมขอโทษที่ต้องถาม แต่มันก็สำคัญ” สารวัตรหนุ่มจ้องนิ่งไปที่ชายหนุ่มที่นั่งถูมือตนเองไปมา ราวกับกำลังใช้ความคิดว่าควรจะตอบหรือไม่ตอบดี ดีเจหนุ่มหันไปมองเจ้านายตนเองเล็กน้อยเหมือนเกรงใจ พชรจึงต้องยอมเสียมารยาทพูดแทรกขึ้นมา “เฮ้ย...ตอบไปตามความจริงเลยอาร์ม ผมไม่ได้อะไรอยู่แล้ว ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าอะไรเป็นอะไร” “เคยครับ บ่อยเหมือนกัน ครั้งล่าสุดก็ก่อนที่เธอตายหนึ่งวันนั่นแหละ” ชายหนุ่มไม่ได้พูดต่อ ว่าที่หญิงสาวมาร่วมหลับนอนด้วยก็เพราะต้องการแลกกับยา นายตำรวจที่ฟังอยู่ก็พอจะเดาได้ว่าเพราะอะไรแต่ก็ยังคงแกล้งถาม “ทำไมเป็นอย่างนั้น” อาร์มเห็นสารวัตรขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย ดีเจหน้าอ่อนก็ฉีกยิ้มกว้างขึ้นมาทันที “แหมคุณตำรวจครับ วัวเคยขาม้าเคยขี่ เจอหน้ากันบางทีมันก็มีบ้างที่อยากหาอะไรสนุก ๆ ทำ และผมจะบอกอะไรให้นะ ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวหรอกที่เคยมีอะไรกับเขาน่ะ พวกนักเที่ยวกระเป๋าหนัก ดีเจคนอื่น หรือพวกนักดนตรีหล่อ ๆ ส่วนใหญ่ก็ฟาดเธอมาแล้วทั้งนั้นแหละ...จริงไหมครับคุณโอม” ดีเจหนุ่มหันไปยิ้มใส่ตาเจ้านาย พชรทำเพียงแค่นยิ้มออกไปเท่านั้น นายตำรวจหนุ่มครุ่นคิดตามสิ่งที่ดีเจอาร์มพูด ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่ผู้ชายคนนี้เล่ามาจริง ๆ เหตุจูงใจที่ก่อให้เกิดการฆาตกรรมก็น่าจะเปลี่ยนไป นี่กระมังที่เป็นต้นเหตุของคำว่า “ร่าน” ที่ถูกเขียนอยู่บนตัวศพ “วันนี้ผมคงรบกวนแค่นี้แหละ ขอบคุณมากครับที่ให้ความร่วมมือ” สารวัตรจุมพลพูดกับดีเจหนุ่ม หลังจากที่อาร์มเดินออกจากห้องไปแล้ว จุมพลจึงหันมาคุยกับพชรถึงเรื่องที่ขอไว้เมื่อตอนกลางวัน “ตกลงนักดนตรีพวกนั้นมาได้รึเปล่า” “เห็นคุณแมทบอกว่าพวกนั้นเขาขอเลื่อนเป็นพรุ่งนี้ครับ เพราะวันนี้เขามีแสดงสดอีกที่หนึ่ง ปลีกตัวมาไม่ได้” พชรบอกออกไปตามที่ผู้จัดการหนุ่มมารายงานเมื่อช่วงหัวค่ำ “โอเค พรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้ ถามพวกนั้นด้วยก็แล้วกันว่าถ้าเป็นตอนกลางวัน หรือช่วงเย็นได้รึเปล่า” พูดจบเขาก็เดินไปยืนที่กระจกบานใหญ่เพื่อมองลงไปยังฮอลล์ด้านล่าง เห็นนักเที่ยวหลายคนที่มาหาความสุขสำราญกันแล้วเขาก็ได้แต่ทอดถอนใจ ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้ใครคนใดคนหนึ่งที่อยู่ข้างล่างนั่นเป็นเหยื่อรายต่อไปอีกเลย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD