บทที่10 อ้อนท่านแม่
เมื่อลั่วอิงอายุ 20 ปี นางเป็นลูกอนุที่มารดาตายจากไป บิดากับแม่ใหญ่จับนางให้ออกเรือนกับบุรุษต่างเมือง ทั้ง ๆ ที่นางมีคนรักแล้ว
บุรุษผู้นั้นมีภรรยาหลายคน ด้วยความที่นางเอาใจใครไม่เป็น อีกอย่างนางมีคนรักอยู่แล้ว ในเมื่อไม่รัก ก็ยากที่จะปั้นหน้าฝืนทำในสิ่งที่หัวใจไม่อยากทำ ลั่วอิงเป็นคนรักเดียวใจเดียวนางเสแสร้งแกล้งทำไม่เป็น ในเมื่อไม่ได้เป็นคนโปรด นางกลายเป็นที่ชิงชังจากอนุอื่น ๆ ด้วย
ตอนที่ถูกครอบครัวของนางจัดงานแต่งแบบฉุกละหุกนั้น ทำให้คนรักของที่นางเดินทางไปรับจ้างที่เมืองอื่นไม่สามารถมาช่วยนางได้ ไม่รู้ว่าป่านนี้เขาจะเป็นอย่างไร เหตุผลนี่กระมัง ที่นางไม่บังคับบุตรสาวให้แต่งงานกับคนที่ไม่รัก
ครานั้นนางเป็นอนุของบุรุษนั้นได้แค่ 3 เดือน แล้วนางถูกขายไปที่เมืองกวงฟู คนที่รับซื้อตัวนางจะให้ไปทำงานที่หอนางโลม นางและสตรีอีกหลายคนเดินทางพร้อมขบวนสินค้า แต่ระหว่างทางเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ขบวนสินค้าถูกปล้น…นางกับทุกคนถือโอกาสหนีไปตายเอาดาบหน้า
ยามนั้นต่างคนต่างเอาชีวิตรอด ไม่มีใครสนใจทาสอย่างพวกนาง แล้วนางหนีมาที่หมู่บ้านต้าถัง ส่วนคนอื่น ๆ เลือกที่จะลงไปทำงานในเมืองหลวง มีแค่นางเลือกที่จะอยู่หมู่บ้านต้าถัง หมู่บ้านที่เงียบสงบ เพื่อนบ้านคนแรกของนางคือแม่นางจื่อหยา……
จากนั้นภาพตัดมาที่ลั่วอันไปหาของป่า นางแบกของกินมาเต็ม ระหว่างทางกลับมาฝนตกหนักมาก นางใช้มีดก้มลงไปตัดใบบอนขนาดใหญ่แล้วนำมากางฝน จากนั้นรีบเดินทางต่อ เพราะกลัวน้ำป่าไหลหลาก แต่เม็ดฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ปราณี ใบบอนที่มีความหนาและใหญ่ ไม่สามารถกันน้ำฝนได้ ทำให้ร่างบางเปียกฝน กว่าจะถึงบ้านหลังน้อยทำเอาร่างบางหนาวสั่น
คืนนั้นนางเป็นไข้หนาวสั่น เป็นคืนสุดท้ายที่วิญญาณออกจากร่าง จากนั้นนางเข้ามาแทนที่………
นางลั่วอิงเข้ามาปลุกคนป่วย เมื่อคืนหลังจากที่บุตรสาวกลับมาตัวเปียกปอน นางรีบให้เปลี่ยนชุดแล้วนำกับข้าวแกงเนื้อกวางที่จื่อหยาเอามาให้ พอกลางคืนบุตรสาวมีอาการตัวร้อน…นางคอยเช็ดตัวให้ตลอดคืน เมื่อรุ่งสางอาการตัวร้อนค่อย ๆจางหายไป
ตอนเช้านางตื่นมารีบไปทำโจ๊กลูกเดือย ของโปรดของบุตรสาวพร้อมกับต้มยาสมุนไพรบำรุงกำลังให้…แต่ปลุกอย่างไร บุตรสาวก็ไม่ตื่น…เลยให้นอนต่อ นางลั่วอิงออกไปเก็บของป่าที่บุตรสาวหามา เมื่อวานยังไม่ได้นำออกมาจากตะกร้าเลย
จากนั้นนำอุปกรณ์ที่เปียกไปตากให้แห้ง เนื่องจากบ้านหลังน้อยไม่มีที่เก็บของ เลยเอาไว้รอบ ๆ บ้าน วันดีคืนดีฝนตกมา อุปกรณ์ทำมาหากินของนางพล่อยเปียกน้ำฝนไปด้วย เมื่อนางมองขึ้นไปบนฟ้า ถึงรู้ว่าจะเลยเวลากินข้าวกลางวันแล้ว นางลั่วอิงรีบล้างมือล้างเท้า เข้าบ้านไปปลุกบุตรสาวอีกครั้ง…
“อันเอ๋อร์ เจ้าตื่นขึ้นมากินโจ๊กลูกเดือยเถอะ…นี่ยายอู่(11.00-13.59)แล้ว อีกอย่างเจ้าต้องดื่มยาอีกถ้วย” เสียงนุ่มนวลทำให้ภาพทุกอย่างจางหายไป เหมือนดึงข้ากลับมาสู่ปัจจุบัน……บนที่นอนในห้องแคบ ๆ แต่อบอุ่นเหลือเกิน
“ไม่ว่าสิ่งใดก็ตามที่นำข้ากลับมาสู่ร่างที่แท้จริง ข้าขอขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์เทวดาและนางฟ้านางสวรรค์ หรือเทพเซียนทั้งหลาย โดยเฉพาะท่านตา ข้าตั้งปณิธานว่าจะใช้ชีวิตให้มีความสุข ให้คุ้มค่ากับการที่ได้กลับมาอยู่ร่างเดิมแล้วจะดูแลสตรีที่เป็นมารดาของข้าให้ดี เท่าที่ข้าจะทำได้…ที่สำคัญข้าจะช่วยเหลือทั้ง 4 พ่อลูกให้พวกเขามีชีวิตรอดจากเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น…” เมื่อลืมตาขึ้นมาได้สบตากับสตรีงดงามท่านหนึ่ง พร้อมส่งรอยยิ้มให้ข้า…
หัวใจดวงข้าสั่นไหว นี่คือสตรีที่ให้กำเนิดร่างนี้หรือ “ท่านแม่…ข้า…ข้าหิวน้ำ” ข้าอยากมีแม่มานานแล้ว ถึงโอกาสอ้อนท่านแม่เสียเลย ก็ข้าดีใจนี่นา สายตาที่ท่านแม่มองข้านั้น เต็มไปด้วยความรักความห่วงใย ทำให้หัวใจข้าพองฟู
นางลั่วอิงยกยิ้มมุมปาก น้ำเสียงแบบนี้บุตรสาวคนเดิมของนางกลับมาแล้ว…ลั่วอันคือทุกสิ่งทุกอย่างของนาง…หลายครั้งที่ความคิดของนางผุดขึ้นมา ถ้านางจากไปก่อน นางไม่ได้ห่วงบุตรสาว เพราะลั่วอันสู้ชีวิต เป็นคนขยันไม่อดตายแน่นอน แต่ถ้าบุตรสาวจากนางไปก่อน นางคงอยู่ไม่ได้…เพราะชีวิตที่เหลืออยู่ นางอยู่เพื่อบุตรสาว
“ได้…เจ้าลุกขึ้นมานั่งก่อน…แม่จะประคองเจ้าขึ้นมา” ท่านแม่ค่อย ๆประคองข้านั่ง จากนั้นนำหมอนมาหนุนหลังข้าไว้ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาผิวขาวแบบสุขภาพดี มือที่แตะหน้าผากข้านั้นทั้งหยาบและสาก ท่านคงทำงานหนักมิน้อย
“ขอบคุณท่านแม่ ข้าหายไข้แล้วเจ้าค่ะ”
“จริง ๆด้วย นี่ของโปรดของลูก ยังอุ่น ๆอยู่เลย จะให้แม่ป้อนให้เจ้าหรือจะกินเอง” รอยยิ้มอบอุ่น พล่อยทำให้หัวใจดวงน้อยตื้นตันใจไปด้วย
“ข้ากินเองเจ้าค่ะ…แล้วท่านแม่ไม่กินหรือ”
“แม่ยังไม่หิว…เมื่อเช้าแม่กินมันเผาที่เจ้านำมา รสชาติดีทีเดียว”
“เช่นนั้นข้าจะไปขุดมาให้ท่านแม่อีก”
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนอันเอ๋อร์…วันใดลูกจะออกจากบ้าน หักเฝ้าสังเกตดินฟ้าอากาศด้วย แม่ใจไม่ดีเลย ยามที่รอเจ้ากลับมา ยิ่งเจ้าไม่สบายเช่นนี้ แม่ยิ่งรู้สึกผิด ที่ปล่อยให้เจ้าไปผู้เดียว”
“ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านแม่เป็นห่วง งั้นเอาเช่นนี้ ถ้าท่านแม่หายปวดขา พวกเราจะเข้าป่าด้วยกัน” ต้องขอบคุณที่ความทรงจำร่างนี้เหลือไว้ให้นาง ไม่อย่างนั้นข้าคงเงอะงะมิน้อย
“เจ้ายอมให้แม่เข้าป่าแล้วหรือ”
“เจ้าค่ะ…แต่ต้องหลังจาก 3-4วันก่อนนะเจ้าคะ” นางพยักหน้าให้บุตรสาว ขาที่เคยปวดดีขึ้นมาแล้ว แต่ยังไม่หายขาด นางคิดว่าคงไม่หายแล้ว เพราะนางอายุมากขึ้น
ส่วนข้า กำลังใจคิดว่าคืนนี้เอายาแก้ปวดออกมา ให้ท่านกินหลังอาหารเย็นนี้ ถ้าขาท่านแม่หาย จะได้เข้าป่าด้วยกัน จากนั้นตักโจ๊กลูกเดือยเข้าปาก ขุ่นพระ!!! นี่มันน้ำเปล่าชัด ๆ จากนั้น ผักชี ต้นหอม กุ้งตัวโต ๆน้ำปลาและรสดีลอยเข้ามาในหัว…นางต้องการของพวกนี้เหลือเกิน…ในกำไลมิตินางมีน้ำปลากับรสดี แต่เสียงที่ดังขึ้นมาข้าง ๆนั้น
“อันเอ๋อร์ นี่ของโปรดเจ้าเลยนะ หรือเจ้าเจ็บคอ” นางลั่วอิงทันเห็นสีหน้าบุตรสาวที่ตักโจ๊กเข้าคำแรก ใบหน้าซีดคิ้วขมวดกันเหมือนไม่เคยกินโจ๊กลักษณะนี้มาก่อน………