บทที่ 2
-Pheingfah-
ตุบ! ตุบ!
ฉันทุบกำปั้นเล็ก ๆใส่แผ่นอกของผู้ชายคนนี้อย่างแรง แต่เหมือนว่าเขาไม่สะเทือนอะไร มันยิ่งทำให้ฉันกลัวได้แต่สะดีดสะดิ้งไปมา
“ชู่วว...” เขาทำเสียงบอกให้ฉันงียบ เงียบก็โง่แล้ว แต่ทว่า
ตึก ตึก~~
“อึก...” ฉันกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อหางตาของฉันเห็นกลุ่มคนในเสื้อโค้ทกันหนาวตัวยาวสีดำสนิทมากกว่าสิบคนวิ่งผ่านหน้าตรอกนี้ไป อะไรกัน คนน่ากลัวพวกนี้มาแต่ไหนกัน ว่าแต่แล้วฉันมาทำอะไรตรงนี้..
ก่อนหน้านี้...
“บอสคะ ทำไมวันคริสต์มาสทุกปีต้องมาอิตาลีคะ”
“_”
“แต่ว่ามาอีกกี่รอบมันก็สวยมากเลย ว่าไหมคะ”
ฉันยืนมองพี่สาวตัวเองยืนคุยคนเดียว มันให้ความรู้สึกยังไงดีล่ะ ความรักมันทำให้พี่ฉันเป็นบ้าไปแล้ว เธอยืนคุยกับเจ้านายของเธอนั่นแหละแต่เขาไม่ได้สนใจเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
ฉันล่ะอยากจะเอามือไปสะกิดหัวเจ้านายของพี่แอนนี่ให้สนใจตอบคำถามเธอบ้าง แต่ก็นั่นแหละเรามันคนละชั้นทำอะไรแบบนั้นไม่ได้หรอก
ความรักมันเป็นยังไงฉันไม่เคยได้สัมผัสมันหรอก รักแรกพบก็ไม่เคยมีกับเขา แต่ถ้ามีความรักแล้วเจ็บปวดเหมือนกับพี่สาวฉัน ฉันก็ขอบาย
พรึ่บ!
ฉันพลิกหน้ากระดาษหนังสือไปอีกหน้าเมื่ออ่านหน้านั้นจบแล้ว ฉันกำลังอ่านหนังสือมันเขียนไว้ว่า ‘คู่มือมาเฟียสำหรับนักท่องเที่ยว ฉบับนักท่องเที่ยวไทย’ แปลกใช่ไหมละ ฉันเห็นครั้งแรกก็แปลกใจเหมือนกัน พอเดินผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาเขาก็แจกคู่มือเล่มนี้ให้ฉัน
อาจจะเป็นเพราะเมืองที่ฉันกำลังเที่ยวอยู่นี้มันมีชื่อเสียงในเรื่องนี้ พอเห็นก็กลัวเหมือนกัน เกิดอยู่ดี ๆไล่ฆ่ากันตอนที่ฉันเดินเที่ยวอยู่จะทำไง แต่ในคู่มือเล่มนี้เหมือนเขาจะพยายามเขียนอธิบายเกี่ยวกับเกาะซิซิลี และตำนานของกลุ่มคนที่มีอำนาจในเมืองที่เรียกว่า มาเฟีย เหมือนจะบอกว่าไม่ต้องกลัว แต่ใครมันจะไม่กลัวล่ะ
“บอสว่าเมืองนี้มีมาเฟียจริงหรือเปล่า” ฉันเงยหน้าไปมองพี่สาวของฉันที่กำลังยืนมองแผ่นหลังเจ้านายของตัวเองอยู่ แต่ พ่อคุณก็ไม่คิดจะหันกลับมาคุยกับพี่สาวฉัน เหมือนเขากำลังมองหาอะไรก็ไม่รู้ ฉันก็อยากบอกให้พี่ตัวเองหยุดเอ่ยถาม หยุดชวนเขาคุยได้แล้ว ยิ่งพยายามก็ยิ่งทำให้ฉันนึกสงสาร
ฉันขี้เกียจยืนเลยมานั่งที่เก้าอี้เล็ก ๆติดกับต้นคริสมาสต์ที่ถูกประดับด้วยไฟประดับมันส่องแสงระยิบระยับสวยงามเลยทีเดียว
วันคริสมาสต์ปีนี้ฉันขอพี่สาวติดมาเที่ยวอิตาลีด้วย หลังจากที่ได้ยินว่าพี่สาวฉันจะตามเจ้านายของเธอมาเที่ยวอิตาลี พี่แอนนี่มาทุกปีอยู่แล้ว แต่เป็นครั้งแรกของฉันที่ติดมาด้วย พี่สาวฉันน่ะรักฉันมาก ฉันรู้ดี พอฉันงอแงอยากมาด้วยเธอก็พามาด้วย ส่วนเจ้านายเธอก็รวยล้นฟ้าจะพาคนมาอีกร้อยคนมันก็ไม่ทำให้เขาจนลงหรอก
เจ้านายของพี่แอนนี่ก็ชอบบ่นว่าฉันเป็นเด็กไม่รู้จักโต ชอบวิ่งตามพี่สาว ก็จะทำไงล่ะ เรามีกันแค่สองคนนี่หน่า แต่ฉันว่าเขานั่นแหละไม่รู้จักโตไปไหนมาไหนยังจะให้พี่สาวฉันตามไปด้วย อย่างเช่นตอนนี้
พรึ่บ!
“ยืนบื้อทำไมป้า เดินตามมาดิ” ฉันหันไปมองตาขวางใส่เจ้านายของพี่สาวฉัน เขาชื่อไทป์ คนในสังคมเรียกเขาว่าคุณไทป์ เขาเป็นไฮโซน่ะ เลยทำให้มีคนรู้จักเขาเยอะ แต่พี่สาวฉันเรียกเขาว่าบอส เธอเป็นเลขาที่อุทิศตนให้กับงานของเขา ฉันไม่ค่อยชอบเขาเพราะเขาชอบเรียกพี่สาวฉันว่าป้า
“มองอะไรแบบนั้น เดี๋ยวพี่มานะอย่าไปไหนล่ะ” พี่แอนนี่หันมาทำเสียงดุใส่ฉัน ฉันก็เลยทำหน้ามุ่ยไปให้หนึ่งที แตะไม่ได้เลยนะ เจ้านายของเขาน่ะ
“เร็วดิป้า!” ฉันกรอกตามองบนเมื่อเห็นพี่สาวของฉันวิ่งตาลีตาเหลือกตามเจ้านายของเธอไป ชิ๊ เขาแค่หล่อ รวย นอกนั้นก็ไม่มีอะไรดีแล้วนะ
พอเห็นว่าพี่ตัวเองทำงานหนักแบบนี้ฉันก็ยิ่งรู้สึกผิด พ่อแม่ของเราเสียไปเมื่อ 3 ปีที่แล้วด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้ฉันตอนนี้อยู่กับพี่สาวของฉันสองคน เธอเป็นคนจิตใจดี อ่อนโยน และน่ารักมาก ฉันรู้ว่าพี่สาวฉันทำงานหนักจนโทรมเป็นป้าแบบนี้เพราะฉัน ในตอนนี้ฉันทำได้อย่างเดียวคือตั้งใจเรียน เพื่อจะได้แบ่งเบาภาระของพี่ เริ่มจากสอบให้ติดพทย์เป็นไง ตอนนี้ฉันเรียนอยู่ ม.5 ฉันกำลังเตรียมอ่านหนังสือสอบเข้าเรียนมหาลัย บางคนชอบบอกว่าฉันรีบเกินไป แต่ฉันว่าเริ่มอ่านหนังสือตอนนี้ยังช้าไป ฉัน...จะทำตามความฝันในการเป็นแพทย์ให้ได้
ว่าแต่ว่า พี่ฉันเธอวิ่งตามเจ้านายไปไหนนะ ฉันควรนั่งรอพี่ที่นี่ แต่ไม่หรอก แอบไปเดินเล่นดีกว่า คิดได้ดังนั้นฉันก็หยิบหนังสือคู่มือมาเฟียเข้ากระเป๋าเป้สะพายหลัง ก่อนจะลุกขึ้นยืน
เป็นครั้งแรกที่ฉันมาเกาะซิซิลี มันสวยมาก เหมือนกับอยู่ในนวนิยายแฟนตาซีต่างประเทศเลย และยิ่งวันนี้เกาะทั้งเกาะมันถูกตกแต่งด้วยไฟประดับ บนต้นคริสมาสต์ มีคนแต่งตัวเป็นซานต้าครอสมาแจกขนมเด็ก ๆด้วย ฉันชอบเมืองนี้ที่สุดเลย ถ้าไม่เจออะไรน่ากลัวเหมือนกับในหนังสือคู่มือบอกนะ..
แต่แล้ว มันก็ไม่ใช่แบบที่ฉันคิด
ปัจจุบัน…
กลุ่มคนที่ฉันเห็นเมื่อสักครู่ มันคงไม่ใช่แบบที่ฉันได้อ่านมาในคู่มือเล่มนั้นนะ ถ้าใช่ ฉันกำลังตกอยู่ในอันตรายน่ะสิ เพราะไอ้บ้านี่ดูท่าจะกำลังหนีคนกลุ่มนั้นอยู่
“แฮ่ก ๆ” ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างแรง ทันทีที่มือหนานี้คลายออก เขาจ้องมองใบหน้าฉันนิ่ง ฉันเห็นเพียงนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มราวกับนัยน์ตาของสุนัขจิ้งจอก เขาจ้องมองฉันเหมือนกับอยากกินหัวฉันอย่างไงอย่างนั้น
“นายกำลังหนีคนพวกนั้นหรอ” ฉันเอ่ยถามไปเป็นภาษาอังกฤษ หวังว่าเขาจะฟังเข้าใจนะ อ่า เขาพยักหน้าเบา ๆ แสดงว่าฟังรู้เรื่อง แต่ว่าเขาหนีกลุ่มคนพวกนั้นจริงหรอ น่ากลัวจัง
“นาย กลัวหรอ” ฉันเห็นแววตาของเขามันแปลก ๆเหมือนเขาจะเศร้า ๆ เมือนกับกำลังซึมกับอะไรบางอย่างอยู่
แต่เขาก็ไม่ได้ตอบอะไร
แปลกคน
“นาย หนีคนพวกนั้นทำไมหรอ คนพวกนั้นเป็นมาเฟียในเกาะนี้ใช่ไหม ฉันอ่านมามันน่ากลัวมากเลยนะ” ฉันถามออกไปด้วยความใคร่รู้ มันกระตุ้นต่อมความอยากรู้อยากเห็นของฉันมากเลยทีเดียว แต่เขาก็ไม่ได้ตอบอะไรไป หรือว่า เขากลัวดอกพิกุลจะร่วงออกมานะ
แต่แล้ว
ตึก ตึก ~
พรึ่บ!
แกร็ก!
“ชู่วว อย่าร้อง” ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่เห็น ร่างของฉันถูกมือหนาทั้งสองข้างของเขาจับยกเอวของฉันขึ้นหมุนตัวหันหลังชนผนังตึกแทนเขา ฉันมองไม่เห็นเลยว่าข้างหน้าเกิดอะไรขึ้น เขายืนบังฉันไว้หมด
“พวกมันพูดอะไร” ฉันได้ยินเสียงของกลุ่มคนจากทางด้านหลังเขา แต่เขาน่าจะพูดเป็นภาษาอิตาลี ซึ่งฉันฟังไม่ออกเลย
“อย่าให้ใครเห็นหน้า” แต่ทว่าเขากลับพูดประโยคอื่นออกมา ทำไมถึงพูดอย่างนี้ล่ะ แต่แล้วเสียงของกลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังก็พูดขึ้นอีก ฉันฟังไม่รู้เรื่องเลย
“นาย จะทำอะไร” ฉันงงมากเลยในตอนนี้ เขาดึงฮูดของฉันขึ้นคลุมศีรษะ มันใหญ่พอที่จะดึงขึ้นมาปิดตาฉันไว้ ก่อนที่เขาจะดึงลงปิดใบหน้าของฉันครึ่งหนึ่ง
ฉันมองไม่เห็นอะไรเลยและก็ไม่กล้าที่จะเปิดหมวกออกด้วย ทำไมเขาถึงบอกไม่ให้ใครเห็นหน้าฉันกันนะ หรือเขากลัวฉันจะเห็นหน้าเขากันแน่
ฉันได้ยินเสียงของเขาหันไปคุยกับใครก็ไม่รู้ เขาพูดเป็นภาษาอิตาลี ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ดันตัวฉันออกไป
“วิ่งให้ไว แล้วอย่าหันกลับมา”
“ไม่ ๆ ฉันพานายหนีได้นะ นายไม่ต้องกลัว…”