CHAPTER 09
“...”
ใครจะกล้าอยากให้เลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองต้องเผชิญแบบเดียวกัน
เขาก็ว่าไปเรื่อย
“จะเถียงก็เถียงออกมาไม่ต้องมุบมิบทำปากแบบนั้น” ฉันหน้าเหวออีกต่อหน้าผู้ชายคนนี้ ความร้อนที่เกิดจากความร้อนรนแสดงแผ่ทั่วใบหน้าของตัวเองใช่ฉันกำลังโกรธ โกรธมากด้วย “พี่มีเหตุผลที่ว่าพอส่วนเธอก็ต้องทบทวนด้วยว่าจริงที่ได้ฟังมันจริงมั้ย ไอ้อาการแบบนั้นพี่เห็นจากเธอจริงๆ ซาน”
“หนูไม่เถียงกับคุณแล้ว!” ฉันลุกขึ้นยืนค้ำหัวคนที่อายุมากกว่าจากนั้นก็เดินมุ่งหน้าไปคว้าอะไรบางอย่างติดมือแต่แล้วก็ต้องหยุดหันไปสบตากับเขาอีกครั้ง นัยน์ตาคมกริบมองฉันอยู่แล้ว “ดูลูกด้วย”
“แล้วจะไปไหน?”
“ไปปั้มนมค่ะ”
เพราะกลัวไม่เชื่อฉันจึงโชว์อุปกรณ์ในมือให้เขาดูด้วยความฉุนเฉี่ยวนาทีนี้ไม่องไม่อายมันแล้ว ความเอาแต่ใจและความดื้อด้านถูกนำออกมาใช้งาน
แต่เห็นนะว่าใบหน้าเขาอึ้งอยู่
“เร็วๆ”
“ก็ตามที่เคยทำนั้นแหละ จะเร่งให้เร็วหรือสโลให้ช้าหนูคงทำให้ไม่ได้”
“อย่ามากวน”
ไม่ได้กวนแต่บอกเลยว่าฉันตั้งใจตอบโดยใช้หลักการอ้างถึงความเป็นจริงที่เคยเกิดขึ้นต่างหากเป็นเขาเองต่างหากที่ไม่เข้าใจแล้วสุดท้ายก็คิดว่าฉันกวน
“หนูไม่ได้กวนตรงไหนสักหน่อย”
“แล้วถ้าเจ้าก้อนหิมะตื่นก่อนจะทำยังไง” ก่อนหน้ารู้ไหมที่จะมีประโยคนี้ฉันเห็นการถอนหายใจลากยาวเพื่อทำใจให้สงบก่อน อยากให้โดนเสียบ้างอย่างน้อยๆ ก็อยากให้เจอฤทธิ์เดชลูกสาวตัวเองเวลาร้องไห้ “เวลาเด็กร้องไห้เคยเห็น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ทำให้หยุดได้”
“จะได้ลิ้มรสซะตากรรมแบบที่หนูเจอบ้าง”
“นี่ย้อน?”
“แล้วแต่คุณจะคิดค่ะ แต่ถ้าลบไอ้ความคิดที่ว่าทำไมหนูไม่ย้ายไปอยู่ที่อื่นให้จบๆ หนูก็อยากให้คุณคิดในทางกลับกันบ้างว่าหนูไม่ใช่ไม่เคยคิดแต่ถ้าหนูไปมันยิ่งลำบาก ไม่มีที่ซุกหัวนอน ไม่รู้จักใคร ไม่มีใครให้พึ่งพา ทางเลือกของหนูก็คืออยู่ที่นี่ถึงไม่สบายหนักหนาสาหัสแค่ไหนขอให้คุณรู้ไว้ว่ามันคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ไม่มีแม่คนไหนไม่รักลูกแต่สิ่งที่หนูคิดทำหนูคิดดีแล้วเหมือนกันถึงไม่เท่าแม่คนอื่นก็ตาม”
“แล้วถ้าตอนนี้พี่อยากให้ย้ายล่ะ”
“หนูไม่รู้”
“ดื้อ”
“นี่พี่ดุหนูเหรอ?”
อ่าฉันพลั้งปากไปแล้ว
ฉันเห็นรอยยิ้มของอีกคนแล้ว
ไม่น่าเลย...
‘พี่’ สรรพนามที่ใช้เรียกนำหน้าชื่อเขาเมื่อก่อนกลับมาอีกครั้งถึงแม้ฉันจะยังคงเรียกแต่ไม่เคยเปิดเผยพูดออกไปสักครั้งจะว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกก็คือใช่
อาการของฉันในตอนนี้เหมือนโดนสุ่มเรียกเลขที่จากคุณครูที่อยู่หน้าห้องให้ออกไปทำโจทย์เลขไม่มีใครอยากโดนเรียกเลขที่ตัวเองความกระวนกระวายจึงเกิดขึ้นไม่มีทางหลีกเลี่ยง ตอนนี้ฉันก็มีอาการแบบนั้นฝ่ามือกระชับกำที่ปั้มเอาไว้แน่นสายตาหลุบมองปลายเท้าไม่กล้าสบตา
“พี่ไม่ดุหรอกถ้าหนูไม่ดื้อ”
“...”
เฮ้ย!
ใกล้ไป
เท้าฉันรีบก้าวถอยหลังเพราะคนตัวโตลุกขึ้นยืนโน้มใบหน้ามาใกล้เมื่อไหร่ไม่รู้รู้แค่ว่าพอเงยหน้าขึ้นตามเสียงพูดลมหายใจก็เป่ารดหน้าผากฉันทันที
ใครจะดื้อหรือใครจะดุตอนนี้ไม่เอาด้วยแล้วสิ่งที่ควรทำมากที่สุดคือออกจากตรงนี้ไม่ต้องตอบรับหรือแสดงความกล้าสบสายตาใดๆ เพราะยังไงจุดจบก็ไม่ใช่การชนะแต่เป็นทางตรงกันข้ามนั่นก็คือแพ้
ความอดทนในเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยมีประสบการณ์อื่นๆ ก็ไม่มีอย่าคิดสู้
ใจเย็นซานแกต้องใจเย็น
ใจเย็นๆ
“หื้ม... ไม่ดื้อแล้วเหรอ?” นัยน์ตาแวววับมีลูกเล่นแบบนี้ยิ่งน่ากลัว ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าที่เขาแสดงมันจริงหรือปลอมแบบนี้ยิ่งอันตราย “ไม่ตอบด้วยพี่... กะว่าจะดุเด็กดื้อเสียหน่อย”
“...” เกินขั้นอันตรายไปแล้วยิ่งโคตรอันตรายเลย
“กลายเป็นเด็กดีเชียว”
เด็กดีบ้าอะไรไม่อยากเถียงต่างหาก
“นะ หนูไปดีกว่า”
หนีปัญหาอีกแล้วซานเอ้ย
ฉันรีบก้าวออกมาจากตรงนั้นเดินตรงมานิดหนึ่งก่อนเลี้ยงเข้าไปอีกห้องหนึ่งที่จะเป็นห้องไม่ใหญ่มากในห้องนี้มีแค่โต๊ะและก็เก้าอี้วางของจุกจิกเล็กน้อยส่วนมากเป็นข้าวของของสตางค์ทั้งนั้นรวมๆ ก็เกือบยึดบ้านป้าสายไปครึ่งหลัง
การมองย้อนไปทางประตูเพื่อความแน่ใจอีกครั้งว่าเขาไม่ได้ตามมาแล้วฉันก็ถอนหายใจก่อนปิดประตูลงเพื่อเตรียมปั้มนมให้ลูก ฉันล้างมือให้สะอาดถึงสองรอบส่วนถุงที่ใส่นั้นถูกเตรียมไว้ก่อนเรียบร้อยแล้ว
ในขณะปั้มก็คิดพลางไปเรื่อยๆ
ถ้าฉันเอาสมุดบัญชีมาฝากไว้ที่นี่มันยังต้องมีเงินอยู่แน่
ต้องไม่โดนขู่เอาไปสุดท้ายยังมีเงินก้อนหนึ่งไว้ตั้งตัวไม่เหมือนตอนนี้
ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้มใจ...
หนึ่งถุงเล็กผ่านไปแล้วก็จัดการปั้มอีกถุงต่อ ฉันเป็นคนประเภทน้ำนมน้อยมากไม่พอให้สตางค์ได้ดื่มแต่ก็ไม่เคยให้ขาดสลับกับนมผง รู้ว่าในน้ำนมมีสารอาหารสำคัญหลากหลายมีประโยชน์มากถ้าเลือกได้ฉันอยากให้ลูกได้ดื่มนมจากเต้าตัวเองอย่างเดียวทว่าคงไม่ได้
ไม่ได้เยอะขนาดนั้น
ไปๆ มาๆ ความคิดก็เปลี่ยนมาขบคิดที่เขาพูดมันก็มีส่วนถูกทั้งหมดตอนนี้เขาเข้ามาแล้วคงไม่ปล่อยให้ลูกต้องเจอซะตากรรมแบบฉันแน่ ความเลวร้ายจะไม่เกิดขึ้นกับเจ้าก้อนหิมะเหมือนที่เขาพร่ำพูดซ้ำๆ หลายครั้งในหลายรอบวันทำไมฉันถึงเชื่อแบบนั้น
ฉันไม่อาจเห็นแก่ตัวรั้งลูกไว้กับตัวเอง
แต่ฉันก็รักลูกเช่นกัน
ฉันต้องทำยังไง
เป็นอันว่าพอปั้มนมเสร็จความคิดก็ยังไปไม่ถึงจุดจบแม้แต่จุดที่ให้ฉันตัดสินใจเลือกก็ยังไม่มีเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วจึงหยุดด้วยคำว่าพอ ฉันลุกขึ้นถือถุงนมสองถุงเล็กออกมาแค่เสียงเปิดประตูสายตาก็ปะทะกับสายตาอีกคู่หนึ่งที่เหมือนจะมองอยู่นานแล้วด้วยเพียงแค่ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์เถียงด้วยเท่านั้นจึงเลี่ยง
ทว่าเขากับก้าวเท้ามาขวางข้างหน้า
“เสร็จแล้วใช่มั้ย?”
“ค่ะ” แค่ตอบจากนั้นฉันก็ขยับตัวไปทางซ้ายเพื่อหาช่องทางเดินไปขางหน้าแต่เขาก็ขยับตัวขวาง
“เจ้าก้อนหิมะไม่ร้องเลยนะ ส่งเสียงก็ไม่มี”
ก็ดีแล้วไงลูกหลับ
ไม่ร้องก็ถือว่าโชคเขาดีมาก
“ค่ะ”
คราวนี้ฉันไม่ยอมแล้วจึงหาทางเดินผ่านเขาไปได้กระทั่งถึงตู้เย็นฉันก็จัดการเปิดออกและเอื้อมมือไปเปิดช่องฟิตก็ชะงักค้างตรึงไว้กลางอากาศ
“เงียบแบบนี้มันจะดีเหรอ เงียบไม่มีเสียงเลยนะซาน”
“คุณกังวนอะไรคะ เงียบก็ดีแล้วลูกไม่ได้เป็นอะไรหรอก” จากนั้นฉันก็เปิดช่องฟิตออกเพื่อใส่นมเอาไว้เพิ่มอีก เตรียมเอาไว้ก่อนเยอะๆ “ไม่ต้องห่วงค่ะ”
แต่ทำไมเสียงเงียบจังพอหันไปมองนัยน์ตาคนตรงหน้าฉันก็เบิกกว้างกว่าเดิมหลายเท่า นิ้วมือเรียวชี้เข้าไปที่ตู้เย็น
“นี่เลือดในอกทั้งนั้นเหรอ”
“...”
“แล้วทำไมได้ยินว่าน้ำนมไม่พอ”
ยังไม่รู้จักลูกตัวเองพอนะสิถึงได้คิดว่าเด็กจะดื่มนมวันละนิดเดียวแต่ก็ไม่เป็นอะไรทำให้ฉันได้รู้ว่าคนฉลาดอย่างเขาในบางเรื่องก็ไม่ได้รู้ทุกเรื่องเสมอไป
มันมีอยู่จริงสินะ
“ไม่พอค่ะต้องใช้นมเสริม”
“ทำไมมีอะไรหรือเปล่า” คิ้วขมวดทำใบหน้าจริงจังราวกับสิ่งที่ถามเป็นเรื่องร้ายแรง “รีบบอกพี่เลยนะ”
“ไม่มีอะไรค่ะแค่ไม่พอ ถ้าทั้งหมดที่เห็นคุณคิดว่าเยอะลูกกินเยอะกว่าค่ะ” ฉันหันกลับมาปิดช่องฟิตและกำลังจะปิดตู้เย็นแต่มีมือใหญ่เอื้อมเข้าไปปิดให้ก่อน “เวลาตื่นขึ้นมาก็จะเรียกหานมเลย ไม่ได้กินก็ไม่หยุดอีกอย่างก็อยู่ในช่วงเจริญเติบโตชอบเรียนรู้สิ่งแปลกใหม่หนูคิดว่ามันเป็นสิ่งที่จำเป็น”
“อืม” เมื่อเข้าใจง่ายดายก็ดีแล้ว “แล้วเรื่องย้าย”
“ย้าย คุณพูดอะไรหนูไม่เข้าใจ”
“แน่ใจว่าไม่รู้ไม่เข้าใจ” ก็พอรับรู้แต่อยากให้เขาพูดชัดเจนมากกว่านี้ ประโยคกำกวมสร้างความผิดมานักต่อนักแล้ว “พี่จะเอาเจ้าก้อนหิมะไปอยู่ด้วย”
“หนูไม่รู้ บอกไปแล้วไง”
“งั้นแสดงว่าไม่ว่าอะไร”
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ” ปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดคนบ้าน่ะสิจะไม่ว่าอะไรสักอย่างใครจะให้เอาลูกไปง่ายๆ ลูกคนนะไม่ใช่ลูกหมูลูกหมาที่ไหน ไม่ใช่ว่าไม่ว่าอะไรแต่กำลังคิด “หนูขอเวลาคิดหน่อย”
อย่างน้อยๆ ก็ยังให้ทบทวนดีๆ
มันรวดเร็วจนเกินไปทำให้ไม่สามารถตั้งหลักอะไรได้ เรื่องราวไม่ได้มีเรื่องเดียวที่ทำให้ฉันคิดแต่ทุกอย่างที่ถาโถมเข้ามาต่อไปจากนี้ควรคิดให้ดีให้รอบคอบมากที่สุด อดีตเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ฉันค่อนข้างซีเรียสในการตัดสินใจหาทางออกเพื่อป้องกันการผิดพลาด
หรือไม่ฉันก็กำลังกลัวต่างหาก
“ระยะเวลาเท่าไหร่”
“...” ต้องขนาดนี้เลยเหรอ
“พี่ต้องการความชัดเจน”
ใช่ใครก็ต้องการความชัดเจนแม้แต่ตัวฉันเมื่อหลายปีก่อนแต่มันต้องหายสาบสูญไปพร้อมกับเขาผู้ซึ่งไม่เคยทำให้ความชัดเจนเป็นจริง
แล้วตอนนี้กับอยากได้มัน
“แล้วความชัดเจนของคุณคืออะไร” อยากรู้ว่าเขาคิดแบบไหนกับมัน “หรือว่าการที่จู่ๆ ก็เข้ามาในชีวิตหนูอีกครั้ง จู่ๆ ก็รู้เรื่องลูกและก็อยากได้แล้วใช้อำนาจข่มขู่ให้หนูตกลงแบบนี้ใช่มั้ย ความชัดเจนของคนเห็นแก่ตัวชัดๆ”
“...”
“ไม่ใช่”