CHAPTER 08

2377 Words
CHAPTER 08 รอยยิ้มของผมเผยอย่างอัตโนมัติ น้อยนักที่จะเกิดขึ้น “ป้าสาย...” เสียงแผ่วของซานเอ่ยออกเพื่อห้ามปราม อายแน่ๆ แค่ได้ยินผมก็รู้แล้วว่าผู้หญิงที่เดินนำหน้าตัวเองเพียงไม่กี่ก้าวและในขณะนี้ก็ยังยืนบีบมือแน่เหมือนเด็กคนหนึ่งที่ไม่รู้จักเก็บอาการไม่ให้แสดงออกไป “เป็นอะไรไปหน้าแดงเชียว แกก็รู้ว่าป้าพูดตรงข้ามต่างหาก” และรู้ไหมว่ารอยยิ้มของผมก็หุบทันทีเช่นกันเมื่อได้ยินแบบนั้น ความกลัวกัดกินหัวใจภาพในหัวจินตนาการรูปร่างของเจ้าก้อนหิมะที่ผอมแห้งถ้าเป็นแบบนั้นจริงทุกอย่างทุกเรื่องราวคงต้องจริงจังเพิ่มมากขึ้น เอาเป็นว่าตอนนี้ของดูก่อน “ผอมแห้งแรงน้อยนิดน้ำนมไม่ค่อยมีจนต้องใช้นมเสริม วันๆ ได้กินอะไรบ้างหรือเปล่าซาน ผัวแกเห็นไม่ปลื้มแน่” “ป้าสาย!” “ป้าพูดอะไรผิด แกเป็นอะไรวันนี้เอาแต่เรียกป้าสายๆ อยู่นั่นแหละ ย้ำมากชื่อป้าเนี่ยจะบอกให้ว่าป้าแกคนนี้ไม่ได้หลงลืมชื่อตัวเอง” โดนไปอีกหนึ่งฉากกับประโยคยาวเหยียดถึงไม่ได้เป็นประโยคด่าหรือต่อว่าแต่ก็พอจะทำให้ผมรับรู้อะไรเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์จริงไม่ใช่แค่คำบอกเล่า นี่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างเธอแม่ของเจ้าก้อนหิมะกับผู้หญิงวัยกลางคนคนนี้ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนดูแลเจ้าก้อนหิมะ “แต่วันนี้...” “เอ้าๆ คราวนี้ป้าไม่ได้พูดผิดนะโน้นเจ้าสตางค์นอนบน...” แต่แล้วนัยน์ตาของป้าเขาก็เบิกกว้างใบหน้าอันมีเอกลักษณ์มีลักษณะอึ้งจนเผลออ้าปากค้างอยู่ประมาณหลายวิ การที่ป้าเขาเลือกกระพริบสายตาถี่ในตอนนี้ที่พึ่งเหมือนตั้งสติได้จากนั้นก็ละสายตาจากผมไปจ้องไปยังซานนิ่งแน่นอนว่ามันมีแต่คำถามหลายประโยคเต็มไปหมด “สวัสดีครับ” เป็นผมเองที่เลือกทำลายความเงียบที่มีแต่คำถามมากมายซึ่งพอผมยกมือไหว้จุดโฟกัสก็เปลี่ยนมายังผมแทนซานเธอยังทำตัวไม่ถูกไม่อย่างงั้นคงไม่ยืนนิ่งเกร็งให้เห็นแบบนี้ “สวัสดีลูก” ลูก... ผมชอบคำนี้นะถึงแม้ไม่เคยได้ยินจากผู้ให้กำเนิดก็เถอะ ได้ยินจากคนอื่นก็ยังดี “เรียกป้าว่าป้าสายตามซานได้เลยนะลูก” และก็รอยยิ้มหวานแบบนี้ผมก็ไม่เคยได้รับจากผู้เป็นแม่เช่นกัน “ผมชื่อติครับ” “มาๆ พ่อติเข้ามาข้างในเร็ว ข้างนอกร้อนกันจะตาย” แล้วป้าเขาก็ส่งยิ้มให้ผมที่กำลังก้าวเท้าเข้ามาในตัวบ้านตามหลังของซานมาติดๆ ผมเว้นระยะไว้ประมาณช่วงตัวทันได้เห็นด้านหลังป้าเขาเข้าไปอีกประตูหนึ่งคาดเดาว่าคงเป็นห้องครัว จากการใช้สายตาประเมินสิ่งรอบตัวแล้วนั้นทำให้ผู้รู้ว่าเข้าของของเจ้าหิมะนั้นเยอะใช่เล่น มีขวดนมวางไว้มุมหนึ่งพร้อมกระติกน้ำพร้อมและถุงนมผง มีกองเสื้อผ้าสีสดใสใส่ตะกร้าจนเต็ม และก็มีเจ้าก้อนหิมะ เท้าผมจึงจะก้าวเดินตรงไปยังแปลนอนที่แกว่งอยู่ทว่ากับมีแรงฉุดกระชากตรงชายเสื้อเสียก่อน แรงกระชากน้อยนิดทำให้ผมหยุดแล้วหันไปมอง “คุณจะไปไหน?” รู้แล้วยังจะถาม “ไปดู” “อย่ากวนลูก สตางค์หลับอยู่” เธอควรทำความเข้าใจให้มากกว่านี้นะว่าผมแค่จะเข้าไปดูไม่ได้เข้าไปกวนหรือว่าต้องการปลุกให้เจ้าก้อนหิมะตื่นสักหน่อย เธอทำเหมือนผมไม่รู้จักไอ้คำว่ามารยาทอย่างงั้น “แค่ดู อยากเห็น” สายตาไม่พอใจแบบนี้แสดงว่าจะห้ามงั้นเหรอ “จะห้ามไม่ให้ดูเลยเหรอ” “เปล่า” ปากปฏิเสธแต่สายตากับฝ่ามือยังกำกระชับชายเสื้อผมแน่นไม่ปล่อยแบบนี้มันโคตรย้อนแย้งเลยว่าเปล่ากับการกระทำของผู้หญิง ปากอย่างใจอย่าง “แล้ว?” คราวนี้ผมเคลื่อนสายตามือไปยังมือเล็กขาวซีด “จะกำชายเสื้อตลอดพี่ก็ไม่ได้ว่าเลย รู้ว่าหวงลูกงั้นเดินไปด้วยกันเลยมั้ย” คนละครึ่งทางเป็นการตกลงที่ดีที่สุดอย่างน้อยก็สามารถทำให้เธอสบายใจผมก็โอเคแต่ตอนนี้ป้าเขาก็เดินออกมาจากในครัวมือถือแก้วน้ำเย็นทำเอาผมและซานหยุดชะงักด้วยกันทั้งคู่ “มากันร้อนๆ มาดื่มน้ำก่อนจ้ะ” “เอ่อ... ” “อ๋ออยากเห็นเจ้าสตางค์ใช่มั้ยพ่อติ” “ป้าสาย...” “แกนี่ยังไงแฟนอยากเห็นหน้าลูกก็ต้องห้าม ดีเสียอีกความสัมพันธ์จะได้พัฒนาเร็วขึ้นถึงจะเป็นพ่อเลี้ยงลูกเลี้ยงก็ตาม” ใช่ที่ไหนกันล่ะ “แต่ผมคือพ่อแท้ๆ ของเจ้าก้อนหิมะ เอ่อ... ของสตางค์ครับ ” ติ ภาพฟ้า ศิลาธนันการ: TALK END “หา...” ช็อตป้าสายต้องอยู่ในอาการนี้แน่ๆ ไม่อย่างงั้นคงไม่เอ่ยออกมาได้เพียงแค่นี้ก่อนที่จะใช้สายตาหันมาจับจ้องตั้งคำถามส่งผ่านมายังฉันโดยไม่ต้องออกเสียง รู้ว่าคงตกใจไม่น้อยสำหรับเรื่องราวพวกนี้ยิ่งได้ยินในสิ่งที่เป็นประโยคยืนยันหนักแน่นก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงแล้ว “ก็...” “จริงเหรอซาน” “ค่ะป้าสาย เขาเป็นพ่อของสตางค์จริงๆ” ว่าแล้วก็หันไปมองเขาที่ไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้วแต่กับไปยืนข้างแปลนอนจับจ้องสายตาตรงสตางค์นิ่ง “เขากลับมาแล้วค่ะป้า” นี่คือสิ่งที่ฉันกลัวที่สุด วันนี้เป็นเหมือนอีกวันซวยของฉันอีกวันหนึ่งต่อจากวันนั้น ถ้าทุกคนอยากรู้ว่าทำไมพอรู้ว่าตัวเองท้องอย่างไม่พร้อมหรือไม่ก็ทำไมไม่หนีไปไกลกว่านี้ประเด็นมันอยู่ที่ฉันเอง ฉันไม่สามารถเอาลูกออกโดยการทำแท้งตามคำแนะนำของใครหลายคนที่เข้ามาบอกกล่าวและการหนีไปไกลจากเพชรบูรณ์ได้เนื่องจากปัจจัยหลายอย่างซึ่งถ้าอยู่ที่นี้อย่างน้อยที่สุดก็แค่ทนวาจาเลวร้ายของคนอื่นๆ แต่ยังไม่อดตายไม่ลำบาก ยังมีลมหายใจมี ยังได้ยินเสียงได้เห็นหน้าลูกก็ดีแล้ว ลำบากหน่อยก็ควรทน “...” “มาโดยไม่ทันให้ตั้งตัวเลย” ป้าสายถอนหายใจยาวออกมานัยน์ตาคู่นั้นไม่ได้มีความกังวนเช่นฉันสักนิดแต่เหมือนแฝงความดีใจยังไงก็ไม่รู้ “ทำไมป้าสายถึง...” “แกเคยได้ยินมั้ยซานถ้าคู่กันแล้วต่อให้วันหนึ่งต้องพรากจากกันไกลแค่ไหนสุดท้ายมันก็ต้องตามหากันจนเจอ” เคยได้ยินจากพี่ที่ทำงานแต่รู้ว่ามันไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตของทุกคน “ป้าเชื่อว่ามันเกิดขึ้นกับแกแล้ว” “แต่ไม่ใช่กับซาน” “ก็ว่าไม่ได้หรอก เด็กดีอย่างแกซักวันความดีก็ต้องตอบแทนและอาจถึงเวลาแล้วก็ได้” “ซานไม่ใช่คนดี ซานเป็นคนเลวเป็นเด็กเลว” การพยายามคัดค้านดื้อดันให้ฉันต้องพูดออกมาจาก “คนไม่ดีใจแตกตั้งท้องตั้งแต่อายุ 17 แบบซานไม่มีทางเป็นคนดีได้” “แน่ใจใช่มั้ยที่พูดออกมา” “...” “ถ้าแกเป็นคนไม่ดีตามที่บอกป้ามาไม่เป็นไรใช่มั้ยถ้าพ่อติจะเอาสตางค์ไปจากแกผู้ที่บอกว่าตัวเองเป็นแม่ที่เลว เป็นเด็กที่เลว” “ไม่ซานไม่ยอม สตางค์เป็นลูกซานนะป้า” ไม่มีทาง “นี่ไงความดีของแก อดีตป้าไม่รู้นะว่าเกิดอะไรขึ้นแต่แกเลือกรักษาลูกแค่นี้แกก็ดีแล้วซาน” “ป้า...” ฉันหันตัวยืนนิ่งตรงหน้าป้าสายผู้ที่มีบุญคุณกับตัวเองเป็นที่สุดและฉันก็นับถือป้าสายเอามากๆ เปรียบกับญาติผู้ใหญ่คนเดียวที่หลงเหลือบนโลกอันโหดร้ายใบนี้ “ซานกลัว กลัวว่าเขาจะเอาลูกไป” ถ้าเป็นแบบนั้นฉันคงใจสลายแน่ๆ “ไม่หรอก” มือเหี่ยวเอื้อมเข้ามาจับไหล่ฉันก่อนจะใช้แรงดันบังคับให้หันไปมองยังแปลของสตางค์ จุดที่มีเขายืนอยู่ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน “เห็นสายตาอ่อนโยนคู่นั้นมั้ย เห็นไอ้อาการแข็งกร้าวที่อ่อนหยวบลงมั้ย เห็นฝ่ามือใหญ่คู่นั้นที่กำลังบีบกำแน่นเหมือนพยายามระงับตัวเองนั้นหรือเปล่า ทุกอย่างที่แกเห็นมันคือสัญชาตญาณของคนเป็นพ่อเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นโดยไม่มีใครต้องสั่งสอน” “ป้าสายเห็นอะไรจากผู้ชายคนนั้นอีกคะ” “เห็นว่ายังไงพ่อติก็ไม่ปล่อยให้ลูกกับเมียต้องลำบากอีก” การหันหน้าไปมองป้าสายอย่างรวดเร็วนั้นเกิดขึ้นเมื่อได้ยินประโยคนี้ “สตางค์ก็ลูกเขา แกก็เมียเขา ดีเอ็นเอบนหน้าทั้งตัวของสตางค์คือพ่อติหมดราวกับถอดแบบกันมาขนาดนั้นนาทีนี้คือสิ่งที่แกต้องยอมรับ” “แต่เขามันไม่ใช่ลูกผู้ชาย” “แน่ใจเหรอว่าพี่ไม่ใช่?” ไม่รู้ว่าเข้ามาเดินอยู่ด้านหลังฉันเมื่อไหร่แต่ที่รู้ในตอนนี้คือความใกล้ชิดจากใบหน้าโน้มลงมาจนเกือบวางบนหัวไหล่ทำให้ไม่กล้าขยับตัว “...” “ลองคิดดูอีกที ทบทวนดูให้ถ้วนถี่ว่าพี่ไม่ใช่ลูกผู้ชายตรงไหน” “คุยกันเองเรื่องผัวเมียป้าคนนอกไม่ยุ่ง” ไม่ได้ป้าสายจะทิ้งให้ฉันต่อสู้ไว้คนเดียวไม่ได้เด็ดขาดความจำที่ในตอนอยู่ห้องพักเล่นงานฉันเข้ามาทุกครั้งที่มีการใช้กำลังขู่ การกระทำป่าเถื่อนพวกนั้นส่งสัญญาณให้ฉันคิดว่าไม่ควรอยู่ตามลำพังกับผู้ชายคนนั้นอีกนาทีนี้ของฉุดรั้งป้าสายเอาไว้ดีกว่า “เดี๋ยวค่ะ” ฉันเรียกป้าสายไว้อีกทั้งยังคว้าแขนป้าเกี่ยวรัดไว้แน่นหนา “ป้าจะไปไหนอยู่กับซานก่อนสิ” “เอ้าแกโตแล้วนะซาน” “...” ไม่ตอบแต่ฉันส่ายศีรษะปฏิเสธ ไม่ใช่ๆ ป้าต้องเห็นใจเด็กผู้หญิงคนนี้สิ “นี่ผัวแกจะกลัวอะไร เสื้อผ้าตัวใหญ่โคล่งบนตัวแกก็ของเขาไม่ใช่เหรอ” “ป้าสาย ป้าก็อยู่กับสตางค์ไง” ไม่รู้แหละตอนนี้เอาอะไรมาบังหน้าเอามากล่าวอ้างได้ฉันก็เลือกทำโดยไม่รั้งรอเพื่อต้องการผลนั้นก็คือการรอด “เพราะฉะนั้นก็อยู่ตรงนี้แหละ” “กลัวพ่อติน่ะสิแกอ่ะ บอกมาตรงๆ เลยก็ได้” ละแล้วเสียงก็มีเสียงเล็ดรอดออกมาให้ได้ยินเหมือนเป็นอาการกลั้นขำแบบนี้ยิ่งแล้วใหญ่ป้าสายพูดขึ้นจนไม่รู้จะทำหน้ายังไง มันจี้จุดจริงๆ จี้ชนิดที่เรียกว่าถ้าเกิดฉันแถหรือเถียงต่อเรื่องน่าอับอายต้องตามมาเป็นขบวน “ไม่ต้องกลัวเมียทั้งคนผัวไม่ฆ่าหรอก ป้าจะไปบ้านน้ารุ้งไปเอาผักมาทำกับข้าวเย็นนี้” “แต่นี่พึ่งเลยเที่ยงมาเองนะป้า” “ไม่รู้อยากไป” เป็นอั้นจบสินะห้ามไม่ได้แล้วเพราะป้าสายเดินเข้าไปใกล้ผู้ชายคนนั้นโดยเว้นช่วงว่างไว้นิดหน่อย “ฝากเมียกับลูกด้วยนะพ่อติ” “ครับ” พูดเสร็จป้าสายก็เดินตัวปลิวออกจากบ้านไปอย่างสบายอกสบายใจแถมมีการฮัมเพลงไปด้วยปล่อยให้ความเงียบงันทำงานขึ้นทันทีระหว่างฉันกับเขาที่ตอนแรกแทบไม่มีอะไรคุยกันอยู่แล้วอย่าถามหาบรรยากาศตอนนี้เลยว่าเป็นยังไงดีหน่อยที่เขาเลือกเดินไปอีกด้านหนึ่งตรงข้ามฉันจากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ “กลัวอะไรนักหนา” “เปล่าค่ะ” ใครจะบอกว่ากลัวทั้งที่ความจริงก็กลัวแหละแค่ตอบก็เห็นว่าเขาแสรยะยิ้มเพราะไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันตอบไปแล้วท่าทางที่เขาทำก็ยิ่งทำให้หมั่นไส้เพิ่มไปอีก “พยายามจะเชื่อก็แล้วกันแล้วนี่ตอนกลางคืนนอนที่ไหนกับเจ้าก้อนหิมะ” “บ้านค่ะ” “บ้าน? อ่อเข้าใจแล้ว” เป็นสิ่งที่ดีอย่างหนึ่งคือเขาเป็นคนฉลาดแค่เพียงคำพูดไม่กี่คำก็สามารถทำให้เข้าใจง่ายไม่ต้องเอ่ยเล่าสาวเรื่องราวให้ยืดยาว “จะกลับตอนกี่โมง” “เลิกงานก็มารับสตางค์กลับเลย” “งั้นก็เหลืออีกหลายชั่วโมงเหมือนกัน” ว่าแล้วก็ส่งสายตามองไปยังแปลนอนเขาจ้องไปอีกด้วยสายตาชนิดเดียวกันกับเมื่อก่อนหน้า “เจ้าก้อนหิมะตื่นอีกทีเวลาไหน” “เวลาหิวนมค่ะ” “แล้ว...” “นมที่หนูปั้มเตรียมเอาไว้ในตอนเช้าก่อนไปทำงาน” การรีบอธิบายเพื่อขับไล่ไอ้อาการประหม่าของตัวเองเมื่อถูกนัยน์ตาคมหันมาหยุดมองตรงหน้าอก “คุณสงสัยอะไรอีกมั้ยคะ” “เยอะแยะพร้อมจะตอบมั้ยล่ะ” มันคือสิ่งที่แกต้องยอมรับคำพูดของป้าสายดังสะท้อนออกมาจากความคิดของฉันก็จริงอย่างที่ป้าเขาพูดในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรยอมรับกับเผชิญหน้า “พร้อมค่ะ” “ทุกอย่างที่ทำมาตั้งแต่มีลูก... เคยเหนื่อยบ้างมั้ยซาน” ถ้าคิดไม่ผิดมันเป็นการถามโดยรวมคำว่า ‘เหนื่อย’ แทนทุกอย่างไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรที่ฉันต่างเจอะเจอเผชิญมาทั้งหมด “ทำไมไม่ย้ายออกหนีจากคนพวกนั้น” ไม่รู้อะไรอย่ามาพูดดีกว่า “ผู้ที่ให้กำเนิดบางครั้งมีบุญคุณน้อยกว่าผู้ที่เลี้ยงดูตั้งแต่เกิด” “แต่บางครั้งการทดแทนคุณกับคนที่ไม่เคยดีกับเราเลยมันก็เหมือนการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เขาแค่เห็นแก่ตัวต้องการใช้ประโยชน์แค่นั้น การทำดีตอบแทนเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้พวกคนเหล่านั้นได้ใจสุดท้ายก็ถีบหัวส่งอย่างไร้ค่าเหมือนที่เธอกำลังเผชิญ อยากให้ลูกมีชะตากรรมเหมือนตัวเองหรือไง”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD