ตอนที่ 2 รับรักพี่เถอะนะ (2) จบ

2178 Words
ฐานิดานัดหมายปราณปรียาไว้บ่ายโมงครึ่งที่หอศิลป์สยาม ทันทีที่มาถึงก็ทำเนียนแยกตัวจากอธิชาติไปหาเพื่อน เดินเล่นพักใหญ่ถึงแอบส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายเดินผ่านมา “บังเอิญจังเลยค่ะ ไม่คิดว่าพี่หมออาร์มก็ชอบมาที่นี่เหมือนไอซ์ รายนี้ว่างวันไหนเป็นต้องมาทุกครั้งชอบเสพงานศิลป์สุดๆ” “พี่อยู่บ้านว่างๆ ไม่มีอะไรทำก็เลยอยากออกมาเดินเล่นน่ะครับ ไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอน้องข้าวหอมแล้วก็น้องดาว เอ๊ย น้องไอซ์ที่นี่” ดวงตาใต้กรอบแว่นพราวระยิบระยับมองไปยังดวงหน้าสวยของสาวข้างบ้าน ทำหน้าบึ้งตึงก็ยังน่ารักน่าเอ็นดูชะมัด น้องไอซ์ของพี่ ปราณปรียากลอกตาแรง “ฉันเบื่อแล้ว เราไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันเถอะข้าวหอม ขืนให้อยู่ตรงนี้นานๆ อาจมีแววได้ต่อยปากคน” กระตุกข้อมือบอบบางของเพื่อนรักให้เดินแยกตัวออกไป “เดี๋ยวก่อนสิไอซ์” ฐานิดาดึงมือเพื่อนไว้แล้วรีบหันกลับมาหาหนุ่มแว่นหน้าหล่อ “พี่หมออาร์มสนใจไปด้วยกันไหมคะ” “ข้าวหอมจะชวนเขาทำไม” สาวสวยดุเพื่อนรักก่อนค่อนแคะในความคุณหนูของชายหนุ่ม “เดี๋ยวเขาจะเอาเราไปนินทาลับหลังได้ว่าเพราะเราชวนเขาถึงต้องจำใจไปด้วย เขาลูกคุณหนูจะตายไม่เหมือนคนบ้านๆ แบบเราหรอก กินอะไรทีก็ต้องคำนวณแคลอลี่กลัวอ้วนกลัวไม่ได้รับสารอาหารนู้นนี่นั่นอยู่ได้นานสองนานเห็นแล้วเคืองลูกตา” โอ้โห! โดนหมัดนี้เข้าไปขอบตาเขาช้ำแล้วมั้ง อธิชาติเบือนสายตามองทางอื่นหัวเราะในลำคอ อะไรจะฝังใจขนาดนั้นแม่คุณแค่คำนวณแคลอลี่ให้มารดานิดเดียว “เห็นไหมข้าวหอม เขาหัวเราะแสดงว่าไอซ์พูดถูก เราไปกันสองคนเถอะนะอย่าไปชวนเขาเลย นะนะ” ปราณปรียาอ้อน “แต่ถ้าได้ลองกินอะไรโดยไม่สนเรื่องพวกนั้นก็ดีนะครับ เปลี่ยนบรรยากาศ เชิญสองสาวเลือกร้านได้เลยพี่ขอเป็นเจ้ามือเอง” อธิชาติก้าวเท้าเข้ามาใกล้สองสาวอีกนิดจงใจยืนตรงหน้าสาวข้างบ้าน เลิกคิ้วขึ้นสูงใส่ครู่เดียวหล่อนก็รีบขยับกายหนี “ยังจะมีหน้ามาตื้ออีก!” แยกเขี้ยวใส่ใบหน้าแดงก่ำ “ชู่ว์... ไม่เอาครับน้องดาวที่นี่ห้ามเสียงดังนะ” ปราณปรียาสะบัดค้อนใส่คู่ปรับพยายามระงับอารมณ์ฉุนเฉียวที่แม้จะคัดค้านยังไงสุดท้ายอีตาพี่หมออาร์มก็ติดตามมาจนได้ แค้นนักทั้งมันเขี้ยวเขาจึงสั่งขนมมาเสียเต็มโต๊ะตั้งใจจะให้ชายหนุ่มขนหน้าแข้งร่วง ไม่นานขนมมากมายก็ถูกนำมาเสิร์ฟ พื้นที่โต๊ะไม่พอจนต้องช่วยกันถือคนละจาน สีหน้าปราณปรียาดูมีความสุขม้ากมากมองไปทางไหนก็สดชื่นไปหมด คนกลางอย่างฐานิดาแทบอยากซุกหน้าลงใต้เก้าอี้ไม่คิดว่าเพื่อนจะแสบถึงขนาดนี้ มือเล็กตักขนมหวานเข้าปากงับตรงปลายช้อนค้างไว้เบือนดวงหน้ามองเพื่อนสลับกับพี่หมออาร์ม เห็นได้ชัดว่าท่าทางทั้งคู่จะลงเอยกันยากแต่โชคยังดีที่พี่หมอไม่ว่าอะไรสักคำ “อืม... เกือบลืมแหนะ” ฐานิดาเกริ่นน้ำเสียงตื่นเต้นล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าหยิบตั๋วภาพยนตร์ขึ้นมาสองใบ “นี่จ้ะ เรื่องมีบีฟอร์ยูที่ไอซ์โพสต์งอแงอยากดูเมื่อคืน ข้าวหอมได้มารอบสี่โมงเย็น” “ว้าว! น่ารักรู้ใจไอซ์ที่สุดเลย ขอบคุณนะ” สาวสวยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ปลื้มใจจะได้ดูภาพยนตร์สุดแสนจะโรแมนติกสักที รอยยิ้มนั้นถูกปล่อยออกมาเป็นธรรมชาติทำให้อธิชาติมองเพลินๆ ดีใจที่คิดถูกซื้อตั๋วใบนั้นมา ขนมบนโต๊ะถูกจัดการไปเกินครึ่งด้วยฝีมือคนกินจุ กินไปก็แขวะชายหนุ่มไป “ขอบคุณสำหรับขนมอร่อยๆ แพงๆ นะคะหมอ แต่คงแห้วแล้วเพราะไอซ์จะฉกตัวยอดดวงใจของหมอไปเดทในโรงหนัง” “หึหึ…” อธิชาติเพียงพยายามกลั้นหัวเราะไม่ได้ตอบอะไรปล่อยให้ปราณปรียาเข้าใจไปตามนั้น ทั้งสามนั่งรับประทานขนมต่อไปจนถึงเวลาบ่ายสามโมงครึ่งเสียงโทรศัพท์ฐานิดาก็ดังขึ้น หลุบสายตามองแว้บเดียวก็รีบเงยหน้าขึ้นบอกสองหนุ่มสาว “คุณวินโทรมา ขอออกไปรับก่อนนะ” ปราณปรียาขยับคิ้วขึ้นสูงส่งสัญญาณรับรู้เพราะยังมีขนมในปาก ไม่นานนักฐานิดาก็เดินกลับมานั่งที่เดิมเพิ่มเติมคือใบหน้าซีเรียส “หน้าเครียดเชียวมีอะไรหรือเปล่าข้าวหอม” “คุณวินปวดท้องหนักมากไม่มีคนดูแลข้าวหอมต้องรีบกลับบ้าน โทษทีนะไอซ์ข้าวหอมคงไปดูหนังด้วยไม่ได้แล้ว แต่จะไม่ไปดูก็เสียดายเงินอุตส่าห์ซื้อมาแล้ว เอางี้ ไอซ์ไปดูกับพี่หมอนะจ๊ะ” ฐานิดารวบรัดตัดตอนยัดบัตรหนังใส่ในมือแล้วรีบลุกขึ้นเดินออกจากร้านไม่ให้ปราณปรียาได้หาทางปฏิเสธ ฝ่ายนั้นตกใจมากจะประท้วงก็ติดขนมในปากกว่าจะกลืนลงท้องหมดเพื่อนก็เดินไปถึงไหนแล้วไม่รู้ เซ็งชะมัด หันหน้ามาถลึงตาใส่หน้าหนุ่มข้างบ้าน “จ้างให้ไอซ์ก็ไม่ไปดูหนังกับหมอหรอกนะ” ปราณปรียาพยศใส่ชายหนุ่มทันทีทว่าเขากลับยิ้มและยักไหล่เหมือนไม่แคร์ “ในที่สุดแผนก็สำเร็จไปด้วยดี เก่งจริงๆ เลย แอคติ้งเจ๋งแบบนี้ไปเป็นนักแสดงก็ท่าจะรุ่งนะข้าวหอม อิอิ” ฐานิดาแอบชะเง้อคอมองเหตุการณ์ภายในร้านขนมอย่างใกล้ชิด “ไม่ให้เป็นหรอกเดี๋ยวมีคนมาจีบเยอะ” “ไม่มีหรอกค่ะ หน้าตาแบบนี้ใครจะหลงมาจีบกัน” เผลอตอบไปตามสิ่งที่คิดก่อนมาฉุกคิดทีหลังว่าตัวเองกำลังคุยกับใคร หญิงสาวรีบมองเจ้าของเสียงนั้นก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นผู้ปกครองหนุ่มยืนซ้อนหลังมองเข้าไปในร้านขนมหวาน “มะ... มาตั้งแต่ตอนไหนคะ ทำไมถึงไม่ยอมบอกข้าวหอมก่อนว่าจะตามมา” “ไม่สำคัญหรอกน่า ไอ้หมอนั่นมาจีบน้องไอซ์ไม่ได้มาจีบข้าวหอมใช่ไหม น่าจะเล่าให้ฟังหน่อยปล่อยให้พี่เข้าใจผิดซะนาน” “ไม่เล่าหรอก คุณวินชอบคิดไปเองไม่ใช่เหรอคะ” “นี่แน่ ยังจะมาเล่นลิ้นอีกนะ” ปลายนิ้วบีบจมูกอย่างมันเขี้ยว ถูกมือเล็กตีหลายครั้งก็ไม่ยอมปล่อย คนถูกแกล้งเจ็บจนน้ำตาเล็ดมองค้อนไปหลายทีกว่าจะเป็นอิสระ ยกมือขึ้นลูบปอยๆ ปลอบประโลมจมูกเรียวรั้น “ข้าวหอมยังไม่หายโกรธเรื่องที่คุณวินลามกกับเที่ยวกลางคืนเลยนะคะ เคยบอกแล้วว่าห้ามคุยห้ามเข้าใกล้” “ข้าวหอมก็รู้ว่าพี่ทำไม่ได้” “คนทำผิดยังไงก็ต้องถูกลงโทษค่ะ ไม่มีข้อยกเว้น!” หล่อนเชิดใส่ในท้ายคำพร้อมกับเดินหนี รู้สึกหมดอารมณ์ซังกะตายไม่องไม่แอบมองพี่หมอกับไอซ์แล้ว กลับบ้านไปนอนกลางวันดีกว่า ชวินทร์เดินตามหลังฐานิดาต้อยๆ ในห้างสรรพสินค้าไม่อายสายตาใครมีความสุขที่ได้ติดตามหล่อนไม่ต่างจากไอ้หนุ่มริอ่านมีรักแอบเดินตามสาวสุดฮอตในห้อง “สั่งนั่นสั่งนี่เหมือนเป็นเมีย ทำไมชอบทำเหมือนหึงกับหวงจังถามจริงแอบคิดอะไรกับพี่หรือเปล่า” จงใจยั่วยวนกวนประสาทอยากให้ฐานิดาโกรธแล้วยอมแบไต๋ความรู้สึกออกมาแต่เหมือนหล่อนจะรู้ทันถึงเดินเฉยไม่ตอบ กลายเป็นเขาเองที่ต้องทำเสียงอ้อนเอื้อมมือไปเกาะแกะแขนบอบบาง “ข้าวหอม... ทำไมไม่พูดกับพี่ล่ะคะ อยากไปไหนอยากทำอะไรหรืออยากได้อะไรบอกมาเลยพี่ยอมทุกอย่างขอแค่ข้าวหอมหายงอนหายโกรธพี่ก็พอเราจะได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมสักที” “เหมือนเดิมคือแบบไหนคะ” “ก็กินข้าว ดูหนัง ฟังเพลง หยอกล้อ ใช้เวลาร่วมกัน ไม่ใช่บึ้งตึงไม่มองหน้าไม่พูดคุยกันแบบนี้ พี่อึดอัดมากนะรู้ไหม” “ข้าวหอมก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเป็นอื่นนี่คะ” “เปลี่ยนสิ หมายถึงตอนนี้” “คุณวินปล่อยแขนข้าวหอมเถอะค่ะ คนมองใหญ่แล้ว” แม้การกอดแขนจะเป็นเรื่องปกติของหนุ่มสาวแต่มีส่วนไม่ปกติบ้างคือชวินทร์เป็นคนดังมีคนรู้จักในวงกว้างหล่อนไม่อยากให้เขาเสียมาดนักธุรกิจไม่อยากให้ใครมองว่าเขาแอบมีอะไรกับเด็กใต้ปกครอง “ไม่ จับแค่นี้เองจะเป็นอะไร” “ไม่ได้ค่ะ” ฐานิดาไม่ชอบใจจึงงัดแงะแขนเขาออก “ทำไมล่ะข้าวหอม” “มันไม่เหมาะสมค่ะ คนอื่นอาจนำไปครหาได้” “พี่ไม่สนใจคนอื่นมันไม่ใช่พ่อแม่พี่ เราไม่ได้เป็นพี่น้องไม่ได้เป็นญาติกันสักหน่อย จะเดินจับมือกันจะกอดจะจูบหรือจะคบกันก็ไม่ใช่เรื่องผิด!” เสียงเขาค่อนข้างดังกลายเป็นจุดสนใจของคนอื่น ฐานิดาหันมองผู้คนรอบกายอย่างตกใจและรีบฉุดดึงข้อมือชายหนุ่มมายังจุดอับคนเพื่อคุยเพื่อเคลียร์ให้เข้าใจ “อย่าพูดจาเสียงดังนักสิคะเดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าคุณวินจะดูไม่ดี เราคุยกันไปก็คงจะทะเลาะกันเปล่าๆ ในเมื่อคุณวินไม่ยอมเข้าใจในสิ่งที่ข้าวหอมอยากสื่อก็พอเถอะนะคะ หยุดพูด” ขี้ขลาดตาขาวแบบนี้ทุกทีเป็นหล่อนมากกว่ามั้งที่ไม่ยอมเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ เขาอารมณ์เสียหงุดหงิดสุดๆ นัยน์ตาคู่คมกลอกอย่างเบื่อหน่ายไปมา สุดท้ายหยุดตรงดวงหน้าสวยของผู้หญิงที่ตนเองส่งเสียเลี้ยงดูมาเป็นเวลาหลายปี “ต้องให้พูดยังไง ให้บอกยังไง ข้าวหอมถึงจะยอมรับรู้และเข้าใจสักทีว่าพี่รักข้าวหอม รักมานานเกือบสิบปี รักมากจนจะบ้าตายอยู่แล้ว!” สูดลมหายใจเข้าออกถี่ยิบสะกดกลั้นอารมณ์ร้อนรุ่มที่แผดเผาหัวใจ ปฏิกิริยาตอบรับของฐานิดาคือถอยหลังจะเดินหนีแต่มีหรือชวินทร์จะยอมปล่อยไปง่ายๆ เขาเอื้อมมือออกไปจับต้นแขนบอบบางแล้วขยับเข้าไปกอด “ไม่... ข้าวหอม... อย่าเดินหนีเลยนะ...” “อย่าค่ะ อย่าทำแบบนี้ ที่นี่เป็นห้างฯ นะคะ” “ไม่สน ห้างแล้วไงกอดไม่ได้เหรอ มีกฎเขียนไว้ตรงไหนจะไปทำลายทิ้ง เรารู้จักกันมาเป็นสิบปีอยู่ด้วยกันมาก็หลายปีเห็นนิสัยใจคอกันมาหมดไส้หมดพุงแล้วข้าวหอมยังไม่พออีกหรือไง พี่เฝ้าดูแลปกป้องทะนุถนอมข้าวหอมมาแรมปีเห็นใจพี่เถอะนะ รับรักพี่เถอะ” “คุณวิน อย่ากอดแน่นสิคะข้าวหอมอึดอัด” “ตอบมาก่อน” “...” “ตอบสิข้าวหอม รับรักพี่เถอะนะ” “ข้าวหอม... รู้ตัวว่าไม่คู่ควรกับคุณวินเป็นแค่เด็กไร้ญาติที่คุณวินใจดีอุปการะ คบกับข้าวหอมคุณวินจะมีภาระเพิ่ม” สีหน้าหล่อนอึดอัดใจ ขบเม้มริมฝีปากแน่นลังเลพูดในสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจ “พูดอะไรอย่างนั้น” ชวินทร์รู้สึกเอ็นดูคนตัวเล็ก ดูซิ ถูกบอกรักแค่นี้น้ำตาก็เอ่อคลอจมูกแดงไปหมด น่ารักน่าเอ็นดูที่สุด “คนนี้แหละโดนใจที่สุดแล้ว แฟน คู่หมั้น เมีย แม่ของลูก ยกให้หมดเลย” “คนบ้า พูดอะไรก็ไม่รู้” คนถูกขอเป็นครึ่งหนึ่งในชีวิตเขินหนักมาก พวงแก้มแดงเปล่งปลั่งหัวเราะทั้งน้ำตาไม่สนใจว่าจะมีใครแอบมองไหมรีบซุกดวงหน้าเข้ากอดคนตัวโตอ้อนให้เขากอดตอบ “ตกลงว่าจะยอมคบกันหรือเปล่า” “เรา...” “...” “ลองคบกันดูก็ได้ค่ะ” “ไชโย!! น่ารักที่สุดเลยขอบคุณนะที่รัก” “คุณวิน... ห้ามเปลี่ยนใจนะคะ” เอ่ยอุบอิบ เขินแก้มแดงลามลงมาถึงต้นคอไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาคมคาย ชวินทร์ยกมือขึ้นลูบศีรษะบอบบางซุกซบกลางแผ่นอกของตน “มั่นใจได้เลยนะ ชีวิตนี้พี่ไม่มีวันเปลี่ยนใจจากข้าวหอมเด็ดขาด” หัวใจดวงน้อยพองโตไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง น้ำเสียงเขาหนักแน่นเหลือเกิน หนักแน่นมากจนเผลอคิดไปว่าเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลกแต่สิ่งเดียวนี่หล่อนไม่รู้คือนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD