"ที่นี่ที่ไหนเหรอจ๊ะป้า" เมษาถามขึ้นหลังจากที่ทานข้าวทานยาเสร็จเรียบร้อย
"เอ้า! นี่แม่หนูไม่รู้เหรอว่าที่นี่คือที่ไหน ไม่รู้แล้วมาได้ยังไงล่ะ" คำถามของป้าแมวทำเอาหญิงสาวถึงกับน้ำตาไหลพราก
"หนูถูกจับตัวมาจ้ะป้า ฮือ...หนูถูกพ่อเลี้ยงใจชั่วส่งมาทำงานใช้หนี้แทน หนูไม่รู้จริงๆว่าที่นี่คือที่ไหน ป้าช่วยพาหนูออกไปได้ไหมจ๊ะ" เมษาคุกเข่าอ้อนวอนขอความช่วยเหลือทั้งน้ำตา
"โถ...แม่หนู ป้าเข้าใจเอ็งนะ แต่ป้าคงช่วยอะไรเอ็งไม่ได้หรอก เพราะที่นี่มันไม่ใช่ที่ที่ใครจะเข้าออกได้ตามใจชอบ และเอ็งก็คงเคยได้ยินชื่อและกิตติศัพท์ของพ่อเลี้ยงนฤนาทมาบ้างนะ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เอ็งพอจะได้ก็คือทำใจเท่านั้นแหละ"
"ว่าไงนะ! พ่อเลี้ยงนฤนาท!" เมษาตกใจที่ได้ยินชื่อนี้
"ใช่แล้วล่ะแม่หนู"
"ถ้าอย่างนั้นที่นี่ก็คือ...ไร่นฤนาทหรือจ๊ะ" ป้าแมวไม่ตอบได้แต่พยักหน้าเบาๆ
"แม่จ๋า....ฮือ...ชาตินี้หนูจะได้หน้าแม่อีกไหมจ๊ะ...ฮือ..." หญิงสาวฟุบหน้าลงร่ำไห้อยู่บนพื้น
"ถ้าเอ็งอยากกลับบ้านเร็วๆ ก็รีบทำงานใช้หนี้ให้หมดล่ะ ร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกแม่หนู ป้าต้องออกไปแล้วนี่เสื้อผ้าของลูกสาวป้าเอง น่าจะพอใส่ได้นะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าป้าจะมาหาใหม่" ป้าแมวมองดูเมษาที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นก็อดที่จะสงสารไม่ได้ แกยืนมองอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็กลับออกไป พอได้ยินประตูปิดหญิงสาวก็รีบวิ่งไปที่ประตูทันที แต่เปิดอย่างไรก็เปิดไม่ออกเพราะมันถูกล็อคจากด้านนอก
"ปังๆๆๆ เปิดสิ! ใครอยู่ข้างนอกช่วยเปิดประตูให้ฉันที ปังๆๆๆ" เมษาเคาะและดึงประตูจนหมดแรง จึงทรุดตัวนั่งลงตรงนั้นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลมาไม่ขาดสาย
"ฮือ...แม่จ๋า...."
รุ่งเช้า...
"โอ๊ย! หิวๆๆ มีอะไรกินบ้างเนี่ย" แพรวพราวเปิดประตูหลังบ้านแล้วเดินไปยังห้องครัวเพื่อหาอะไรกิน แต่ปรากฎว่าไม่มีอะไรสักอย่าง
"น้าฉาย! น้าฉาย..หายหัวไปไหนเนี่ย" ถึงแม้ว่าสิงห์กับจันทร์ฉายจะอยู่กินกันมาเป็นสิบๆปี แต่แพรวพราวซึ่งเป็นลูกติดของสิงห์ก็ไม่เคยเรียกเธอว่าแม่เลยสักครั้ง เช่นเดียวกับเมษาก็ไม่เคยเรียกสิงห์ว่าพ่อเช่นกัน
"พ่อ! น้าฉายหายไปไหนเนี่ย ป่านนี้ยังไม่ทำกับข้าวอีก" หญิงสาวเดินกลับเข้าไปในบ้านแล้วเรียกหาบิดา
"หืม...ว่าไงลูก" สิงห์งัวเงียเปิดประตูห้องออกมา
"ก็เมียพ่อน่ะสิ หายไปไหนก็ไม่รู้ ข้าวก็ยังไม่ได้หุงกับข้าวก็ไม่มีซักอย่าง หนูหิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย"
"ว่าไงนะ นังจันทร์ฉายมันยังไม่ทำกับข้าวอีกเหรอ" พูดจบเขาก็เปิดประตูหน้าบ้านออกไปดูจุดที่เขาบอกให้เธอนอนเมื่อคืนแต่เธอก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว
"ปัดโธ่เว้ย! มันหายหัวไปไหนของมันวะ ลูกกูหิวจะแย่อยู่แล้ว คอยดูเถอะถ้ามันกลับมากูจะจับมันมัดไว้กับเสาไม่ให้มันกินข้าวสักสองสามวัน มันจะได้เข้าใจความรู้สึกของลูกกูซะที!" สิงห์พูดอย่างเกรี้ยวกราด
"พ่อ...หนูหิวจนไส้จะขาดอยู่แล้วเนี่ย" เสียงของแพรวพราวตะโกนออกมาจากในบ้าน
"จ้ะๆ เดี๋ยวพ่อจะลองหาดูว่ามีอะไรกินหรือเปล่า รอก่อนนะลูกนะ" ว่าแล้วเขาก็รีบวิ่งเข้าครัวเพื่อหากับข้าวให้ลูกสาว
ไร่พ่อเลี้ยงนฤนาท...
"หัวหน้าครับ...นังฟองคำมันขอลาออกกลับไปดูแลแม่มันที่ป่วย โรงอบชาก็เลยขาดคนงานแถมงานที่ทำอยู่ก็ล้นมือจนทำกันไม่ทันแล้วครับ" ผู้ช่วยที่ดูแลโรงอบชาเข้ามารายงานต่อหัวหน้าคนงาน
"งั้นมึงก็ไปประกาศรับคนงานที่ตลาดก็แล้วกัน รับมาสักสามคนจะได้ช่วยๆกันไป ได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี"
"ครับๆ ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลยครับ"
ตลาดสด...
"ประกาศจ้า...ประกาศๆ ใครสนใจไปทำงานที่ไร่นฤนาท เชิญมาสอบถามทางนี้ได้เลยจ้า วันนี้เรามีงานดีๆมาเสนอถึงที่ ใครสนใจก็เข้ามาเร็วๆเลยนะจ๊ะ รอบนี้เรารับแค่สามคน เต็มแล้วเต็มเลยจ้า" เสียงประกาศดังมาจากรถกระบะคันกลางเก่ากลางใหม่ที่แล่นช้าๆผ่านตลาดสดของชุมชน ทำเอาจันทร์ฉายที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในซอกหลืบแคบๆรีบตะแคงหูฟังอย่างตั้งใจ
"ไร่นฤนาท! เมษาอยู่ที่นั่น! ใช่แล้ว...ฉันต้องไปที่นั่นให้ได้" ว่าแล้วเธอก็รีบออกจากที่ซ่อน หลังจากที่หนีออกมาจากบ้านเมื่อคืนนี้
"รอด้วยจ้ะๆ " จันทร์ฉายรีบวิ่งตามรถกระบะไป
"จอดด้วยๆ ฉันสนใจจ้ะ" เธอวิ่งตามจนทันหลังจากที่รถจอดนิ่งอยู่ที่ท้ายตลาด
"อ้าวป้า! วิ่งตามมาทำไม อยากไปทำงานที่ไร่งั้นเหรอ"
"จ้ะๆ ฉันอยากไป ฉันรู้จักหลายคนที่ไปทำงานที่นั่น ให้ฉันไปทำงานที่นั่นด้วยเถอะนะพ่อคุณ" ชายหนุ่มหน้าตาดุดันมองสำรวจจันทร์ฉายตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า
"เออๆ หน่วยก้านพอใช้ได้ อยากไปก็ไป แต่เราต้องการคนที่พร้อมจะไปวันนี้เลย ป้าต้องกลับไปเก็บเสื้อผ้าและของใช้ก่อน พวกเราจะรอที่นี่แต่ต้องไม่เกินครึ่งชั่วโมงนะ ถ้ามาไม่ทันก็ถือว่าสละสิทธิ์นะป้า"
"เสื้อผ้าเหรอ" จันทร์ฉายเพิ่งนึกได้ เพราะเมื่อคืนเธอมัวแต่คิดว่าจะไปช่วยลูก จึงลืมคิดว่าจะต้องเอาของส่วนตัวติดตัวมาด้วย แต่ถึงแม้คิดได้เมื่อคืนเธอก็เข้าบ้านไม่ได้อยู่ดี
"เอ่อ...บ้านฉันอยู่ไกลมาก ครึ่งชั่วโมงคงไม่ทัน ยังไงก็...ฉันขอยืมเงินเพื่อซื้อเสื้อผ้าในตลาดนี้ได้ไหมจ๊ะ ถ้าเงินค่าแรงออกพ่อหนุ่มก็ค่อยหักเอาได้ไหมจ๊ะ" ชายสองคนที่มาด้วยกันหันไปมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้า
"เออๆก็ได้! เรื่องมากจริงๆ เอานี่ไปซื้อก่อน เร็วๆ ล่ะ" จันทร์ฉายรีบยื่นมือไปรับเงินแล้วรีบเดินหาร้านขายเสื้อผ้าราคาถูก