ตอนที่ 11 ผ้าถุงเป็นเหตุ

1402 Words
'ผู้หญิงที่นายให้พาตัวมาเธอไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของนายสิงห์ครับ เป็นแค่ลูกติดของเมียใหม่ ส่วนนายสิงห์เองก็มีลูกสาวที่เกิดกับเมียเก่าอยู่คนหนึ่ง อายุรุ่นราวคราวเดียวกันนี่แหละครับ ชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นบอกว่านายสิงห์พาเมียใหม่มาตั้งหลักปักฐานที่นี่เมื่อซักสิบปีก่อนตั้งแต่ลูกสาวยังเป็นเด็ก นายสิงห์รักและดูแลแค่ลูกสาวของตัวเอง ส่วนลูกสาวของเมียนั้นถูกโขลกใช้สารพัด เวลาเมามาก็เอะอะทุบตีแต่ก็ไม่มีใครช่วยอะไรได้ เธอทำงานทุกอย่างที่มีคนจ้างหาเงินเรียนจนจบปวส. และวันนั้น...ที่เราพาตัวเธอมาคือวันที่เธอรับใบประกาศครับ ชาวบ้านบอกว่าตอนนี้สองคนแม่ลูกหายตัวไป ผมเลยคิดว่าแม่เธออาจจะออกตามหาเธออยู่ก็ได้' พอนฤนาทได้ยินประวัติและเรื่องราวของเมษา ชายหนุ่มก็รู้สึกผิดขึ้นมาที่ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหตุผลและความถูกต้อง จนเขาได้ทำร้ายร่างกายโดยการพรากความบริสุทธิ์ของผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร แม้ภายนอกจะดูเหมือนคนโหดร้ายและป่าเถื่อนแต่ตัวตนที่แท้จริงเขาก็เป็นคนรู้จักผิดชอบชั่วดี และตอนนี้เขาก็กำลังคิดหาวิธีที่จะลบล้างความผิดที่ได้ทำลงไป 'ผมว่าแม่ของเธอน่าจะไม่ไปไหนไกลหรอกครับ เพราะเธอไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน อาจจะซ่อนตัวจากไอ้สิงห์แล้วตามหาลูกสาวเงียบๆอยู่ก็ได้' 'งั้นมึงก็ให้คนไปตามหาเธอ แล้วก็ทำอย่างเงียบๆล่ะ' 'ครับ พ่อเลี้ยง' นฤนาทนั่งทบทวนทั้งคืนถึงบทสนทนาระหว่างเขากับลูกน้องคนสนิทอย่างวิน ที่ออกไปสืบประวัติของลูกหนี้ตัวแสบอย่างสิงห์ จนทำให้รู้ถึงอดีตที่น่าเจ็บปวดของเมษา จากความโกรธในตอนแรกก็แปรเปลี่ยนเป็นสงสารที่เธอต้องเผชิญกับชะตากรรมที่โหดร้าย และยิ่งถูกตัวเขาเองกระหน่ำซ้ำเติมลงไปอีก หัวใจของเธอคงจะเหมือนกับการถูกมีดกรีดครั้งแล้วครั้งเล่า "จะให้ฉันทำงานอะไร" เมษาเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูมีชีวิตชีวามากขึ้น หลังจากที่รู้ว่ามารดาหนีออกมาจากบ้านหลังนั้นซะที ทุกครั้งที่เธอถูกพ่อเลี้ยงและทุบตีความคิดอยากจะหนีก็ผุดขึ้นมาในหัวทุกที แต่เมื่อเห็นหน้ามารดาแล้วเธอก็ทำไม่ลง แต่วันนี้เธอก้าวออกมาจากนรกขุมนั้นได้แล้วเธอก็สาบานว่าจะไม่กลับไปอีก และหากตามหามารดาพบเมื่อไหร่ เธอก็จะไปให้ไกลจากที่นี่ "หืม..." นฤนาทยังไม่ทันได้คิดว่าจะให้เธอทำอะไร แต่พอมองเห็นชุดที่เธอใส่อยู่เขาก็นึกออก "ก็...ดูชุดที่ใส่อยู่สิ คนอื่นเขาเป็นอะไรเธอก็เป็นอย่างนั้นล่ะ" "คนใช้ว่างั้น แต่ฉันอยากไปเก็บใบชามากกว่าน่าจะสนุกกว่าตั้งเยอะ" "เอ๊ะ! เธอนี่ยังไง ใครๆเขาก็อยากอยู่ในบ้านสบายๆกันทั้งนั้น แล้วเธอจะอยากออกไปลำบากข้างนอกทำไม" พ่อเลี้ยงหนุ่มไม่เข้าใจความคิดของหญิงสาว "ถ้างั้นคุณก็ให้คนที่เขาอยากจะอยู่มาอยู่สิ ชีวิตฉันลำบากกว่าการเก็บใบชาตั้งร้อยเท่า เพราะฉะนั้นฉันทำได้สบายอยู่แล้ว" เมษาพูดพร้อมกับก้มหน้าลงเพื่อซ่อนความความโศกเศร้าที่ฉายอยู่ในแววตา "ไม่ได้! ฉันสั่งให้อยู่ที่นี่เธอก็ต้องอยู่ หรือว่าที่ไม่อยากอยู่เพราะทำอะไรไม่เป็น" "นี่คุณ! อย่ามาดูถูกกันให้มากนะ คนอย่างฉันน่ะทำเป็นทุกอย่าง ขอแค่สั่งมาก็พอ" เมื่อชายหนุ่มได้ยินดังนั้นเขาก็ลุกเดินเข้าไปหาเธอแล้วก้มต่ำลงจนใบหน้าของทั้งคู่อยู่ในระดับเดียวกัน "ใช่...ฉันเชื่อว่าเธอทำได้ทุกอย่าง" สายตาเจ้าเลห์ของพ่อเลี้ยงหนุ่มจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหวานก่อนจะเลื่อนลงมาร่องอกที่อยู่ภายใต้เสื้อสีขาว เมษามองตามสายตาของเขาแล้วก็รีบยกมือขึ้นมาบังไว้ "จะปิดทำไม มากกว่ามองฉันก็ทำมาแล้ว" ชายหนุ่มกระซิบที่ข้างหูพร้อมกับเป่าลมใส่เบาๆจนหญิงสาวขนลุกไปทั้งตัวด้วยความสยิว "อี๋...ไอ้ลามก! โรคจิต!" เมษาด่าพร้อมกับผลักคนตัวโตออกแล้วรีบลุกขึ้นจากโซฟา แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น พรึบ!!! ทันทีที่หญิงสาวลุกขึ้นผ้าถุงที่เธอใส่อยู่ก็ร่วงจากเอวลงมากองที่พื้น เผยให้เห็นแพนตี้สีขาวตัวจิ๋วที่ปกปิดตัวตนแห่งความเป็นหญิงเอาไว้ เรียวขาขาวเนียนน่าลูบไล้จนพ่อเลี้ยงหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้ๆถึงกับมองตาไม่กระพริบ "กรี๊ด...อุ๊บส์!" เมษาตกใจและอายที่พ่อเลี้ยงหนุ่มยืนมองเธอตาเป็นมัน เธอกรีดร้องออกมาแต่ก็ถูกปิดปากไว้ซะก่อนด้วยริมฝีปากอุ่นร้อนของเขา "อื้อ..." หญิงสาวประท้วงอยู่ในลำคอพร้อมกับพยายามดึงมือใหญ่ที่กำลังประคองใบหน้าเธอไว้ทั้งสองข้าง แต่ด้วยความที่ไม่ประสีประสาเรื่องหนุ่มสาวพอถูกจูบตัวก็อ่อนระทวยราวกับขี้ผึ้งลนไฟ นฤนาทพาเธอนั่งลงบนโซฟาแล้วใช้หน้าอกแกร่งค่อยๆดันให้เธอเอนหลังลง ตอนแรกตั้งใจว่าจะทำให้เธอหยุดร้องแต่พอได้สัมผัสความต้องการบางอย่างในตัวมันก็ถูกปลุกขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ "อื้อ..." เมษาครางในลำคอเมื่อมือใหญ่ลูบไล้ไปตามต้นขาขาวเนียน ก่อนจะวนมาหยุดที่เนินเนื้ออวบอูมที่มีอาภรณ์ชิ้นบางปิดกั้นเอาไว้ นิ้วเรียวแกร่งลากขึ้นลากลงตรงกลางร่องจนมันเริ่มเปียกแฉะและซึมผ่านแพนตี้ตัวบางออกมา ส่วนปากของเขาก็ยังทำหน้าที่ไม่หยุด แต่แล้ว.... ครืด...ครืด... โทรศัพท์ที่อยู่กระเป๋าเสื้อของนฤนาทสั่นครืดคราดขึ้นมา เขาถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดายก่อนจะสบถออกมา "แม่งเอ้ย! ถ้าไม่มีธุระสำคัญล่ะมึงตาย" พ่อเลี้ยงหนุ่มควักโทรศัพท์ออกมาดู เมษาจึงรีบลุกขึ้นหยิบผ้าถุงขึ้นมาใส่ลวกๆ แล้วเดินออกไปยืนอยู่ข้างประตูห้องก่อนจะจัดเสื้อผ้าและผมเผ้าให้เข้าที่เข้าทาง แต่มือที่สั่นเพราะใจที่เต้นแรงเกินไปหญิงสาวจึงทำอะไรได้ไม่ทันใจนัก "เธอออกไปได้แล้ว แล้วก็ตามป้าแมวมาด้วย" พอวางสายเขาก็หันมาสั่งราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น "เอ่อ...ป้าแมว...ได้ๆฉันจะไปตามให้" หญิงสาวที่สติสตังยังไม่กลับมาเท่าไหร่พยักหน้าหงึกๆแล้วรีบผลักประตูออกไป พอออกมาแล้วก็มองซ้ายมองขวาเพราะไม่รู้จะไปทางไหน "มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า" เมษาหันตามเสียงแล้วเธอก็เห็นผู้ชายตัวสูงเดินเข้ามา เธอผงะเล็กน้อยเมื่อเขาเข้ามาใกล้แล้วเธอก็พบว่าตัวเองกลายเป็นแคระไปเลยเมื่ออยู่ใกล้เขา "เอ่อ...ค่ะ...ฉันจะตามหาป้าแมวได้ที่ไหนคะ" วินหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะบอกทางกับเธอ "หึหึ...เดินตรงไปทางนี้แล้วก็เลี้ยวขวาจะเจอห้องครัวใหญ่ ป้าแมวอยู่ในห้องนั้นแหละ" "ขอบคุณนะคะ" เมษารีบวิ่งไปตามทางที่เขาบอก แต่ด้วยความรีบจึงสะดุดขาตัวเองจนเกือบล้ม เธอหันกลับมาก็เห็นชายหนุ่มตัวสูงยืนยิ้มอยู่ "มึงจะยิ้มหาพระแสงอะไรไอ้วิน!" นฤนาทเปิดประตูออกมาเห็นวินกำลังยืนยิ้มอยู่ก็ถึงกับแปลกใจ เพราะรอยวันพันปีเขาไม่เคยเห็นลูกน้องคนสนิทคนนี้ยิ้มเลยสักครั้ง "เธอก็น่ารักดีนะครับ" วินยังยิ้มไม่หุบ "มึงว่าใครน่ารัก!"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD