หลังจากที่คุณหมอศิรวิทย์เผลอไปจูบเธอเพราะความโมโหที่เธอเอาแต่เถียงเขาไม่หยุด เธอก็เอาแต่หลบหน้าเขาจนเขาต้องคอยมองหาว่าเธอหายไปไหนตั้งแต่ช่วงบ่าย เพราะนี่ก็เริ่มเย็นมากแล้วเธอยังไม่เข้าที่พักสักที
“โทษนะครับ เด็กผู้หญิงที่มาเป็นอาสาสมัครอีกคนหายไปไหนหรอครับ...?”
เขาเดินเข้ามาในกลุ่มของทีมอาสาสมัครที่นั่งคุยกันอยู่ 2 คน
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เห็นน้องเขามาช่วยทำงานจนเสร็จก็หายไปตั้งแต่ตอนเย็นแล้วค่ะ”
“ขอบคุณนะครับ”
เขาพยักหน้ารับแล้วก็เดินออกไปจากตรงนั้น เพื่อมองหาเธอว่าเธอ
“หายไปไหนของเธอนะ นี่โดนจูบไปแค่ทีเดียวถึงขนาดหนีไปเลยหรอ ยัยเด็กติ๊งต๊องเอ้ย...”
เขาบ่นกับตัวเองเบาๆ แต่ก็รู้สึกผิดเล็กน้อยที่ทำกับเธอไปแบบนั้น แต่ก็ไม่เขาใจตัวเองเลยว่าทำไมตอนนั้นเขาถึงทำแบบนั้นกับเธอลงไปได้ พอนึกถึงเรื่องที่เขาเผลอไปจูบเธอเข้า ก็ทำสีหน้าเครียดขึ้นมา
...
“อื้มมมม...อ่อยอู่อะ”
เธอดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดของเขาแต่เขาก็ไม่ยอมรั้งใบหน้าเธอจนแน่นให้อยู่นิ่งๆ ใช่แขนอีกข้างกอดรัดตัวเธอไว้ เธอจึงใช้แรงทั้งหมดที่มีอยู่ดันเขาออกจนกระเด็น
“คุณหมอ คุณทำบ้าอะไรเนี้ย...?”
เธอเอามือยกขึ้นมาเช็ดปากตัวเองแรงๆด้วยสีหน้าไม่พอใจเขาเอามากๆเลย
“ฉันก็แค่อยากสั่งสอนเด็กอย่างเธอให้รู้ว่า การเถียงผู้ใหญ่มันไม่ดีไง...”
“หนูเพิ่งรู้นะว่าจริงๆแล้วคุณมันก็เป็นแค่คุณหมอโรคจิตคนหนึ่ง...”
“งั้นเธอก็เลิกยุ่งกับฉันสะซิ ถ้ารู้แบบนี้แล้ว”
“ไม่มีวัน..อย่าคิดนะว่าแค่นี้แล้วหนูจะกลัว ถอดใจจากคุณหมอไปง่ายๆ..”
“นี่เธอ..”
เธอมองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ทำใจดีสู้เสือเดินเข้าไปใกล้ๆเขา
“ต่อให้คุณหมอจะทำอะไรกับหนูหนูก็จะทน คุณหมอจะด่าหนู จะว่าหนูยังไงก็ได้หนูก็จะท้อ..หนูจะทำให้คุณหมอชอบหนูให้ได้”
“พยายามไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะฉันจะไม่มีวันชอบเธอ..”
“หนูจะคอยดูว่าถ้าหนูตามตื้อคุณหมอทุกวัน แล้วคุณหมอจะไม่มีวันใจอ่อนให้กับหนูจริงๆ”
หมอศิรวิทย์มองฟน้าเธอนิ่งๆ แล้วเดินเข้ามาใกล้ๆเธอยิ้มท้าทายเธอ
“แต่ถ้าเธอยอมนอนกับฉันก็ไม่แน่นะ..?”
“...”
เธอจ้องหน้าเขาอย่างอึ้งๆ ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากเขา
เธอมองเขาด้วยแววตาที่ดูผิดหวัง มันทำให้เขารู้สึกผิดกับสิ่งที่พูดออกไปยังไงบอกไม่ถูก
และตั้งแต่ตอนบ่ายเขาก็ยังไม่เห็นหน้าเธออีกเลย และนี่ก็มืดค่ำแล้วเธอหายไปไหนของเธอนะ
...
เวลา 2 ทุ่ม
“ขอบคุณมากนะครับ นี่ถ้าไม่ได้คุณนะผมคงทำคนเดียวไม่ไหว...”
เขาหันไปมองตามเสียงได้ยินเหมือนมีคนคุยกัน เขาจึงหลบอยู่หลังเสาก็เห็นเป็นอรพรรณณีเดินมาคู่กับผู้ชายคยหนึ่ง
“ไม่เป็นไรค่ะ ก็ช่วยๆกันจะได้เสร็จไวๆ”
“คุณมาเป็นอาสาสมัครที่นี่หรอ..?”
“ใช่ค่ะ หมวยมากับทีมแพทย์ที่มาจัดสัมนานะคะ”
อรพรรณีคุยกับนักศึกษาแพทย์คนหนึ่งที่อยู่อีกทีมกับหมอศิรวิทย์ โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ว่ามีใครแอบดูอยู่
“ผมก็เป็นนักศึกษาแพทย์อีกทีมที่มาดูแลในส่วนของการปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้คนในหมู่บ้านนะครับ”
“หรอคะ ดีจัง...”
“เอ่อ...คุณชื่อหมวยหรอครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ผมชื่อภาคครับ...”
“ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ว่าที่คุณหมอภาค”
เธอยิ้มให้กับเขาอย่างเป็นมิตรจนคนที่แอบมองอยู่รู้สึกหมั่นใส้อย่างบอกไม่ถูกจริงๆ ที่เห็นเธอยิ้มสดใสแบบนั้นกับผู้ชายคนอื่น
“หวังว่าผมคงจะมีโอกาสได้เจอคุณหมวยที่กรุงเทพฯอีกนะครับ”
“ถ้าโลกไม่กว้างพอนะคะ...”
ทั้ง 2 คนหัวเราะให้กันอย่างชอบใจ
“งั้นผมขอแอดไลน์คุณหมวยไว้ได้ไหมครับ..?”
“ได้ค่ะ....”
เพล้ง>>>>>
“ว๊าย...”
ทั้งคู่สะดุ้งทันทีที่ได้ยินเสียงหม้อตกกระจายมาที่พื้นจนทั้ง 2 คนตกใจหันไปมอง
“หม้อมาได้ยังไง...?”
ทั้งคู่สงสัยว่าทำไมอยู่ดีๆหม้อก็ลอยออกมาได้
“ผมขอแอดไลน์คุณหน่อยนะครับ..?”
“ค่ะ...”
เธอหยิบมือถือขึ้นมาให้เขาแอดไลน์ แล้วหลังจากนั้นเธอก็เดินแยกจากเขามา
อรพรรณีเดินเข้ามาในห้องพักที่มีคนเริ่มเตรียมตัวเข้านอนกันแล้ว เธอหันไปมองทางที่นอนของหมอศิรวิทย์ก็ไม่เห็นเขา แต่ก็ไม่ได้สนใจนักจึงไปหยิบผ้าขนหนูกับผ้าถุงเตรียมตัวออกไปอาบน้ำข้างนอก
ที่อาบน้ำเป็นลานกว้างแต่มันดูมืดมากเพราะนี่ก็เริ่มดึกมากแล้ว เธอจึงรีบเปลี่ยนชุดเป็นผ้าถุงแล้วใช้ขันตักน้ำในโอ่งอย่างรวกๆจนเสร็จอย่างไว แล้วเธอก็กำลังจะเดินกลับที่พัก
“ว๊าย...”
เธอตกใจมากที่จู่ๆก็ไปชนกับอะไรบางอย่าง จึงรีบนั่งคุกเข่าพนมมือไหว้ด้วยความกลัว เพราะคิดว่าเป็นผีมาหหลอก
“อย่าทำอะไรหนูเลย หนูกลัวแล้ว อย่ามาหลอกมาหลอนหนูเลย เดี๋ยวหนูจะทำบุญไปให้นะคะ...”
“นี่...ฉันเอง...”
“...”
เธอหยุกชะงักทันทีแล้วลืมตาขึ้นมามองอย่างช้าๆ
“คุณหมอ...”
เธอโล่งอกไปทีที่เห็นเป็นเขา
“แล้วคุณมาทำอะไรตรงนี้ละคะ..? หนูก็คิดว่าผี...”
“ฉันมาเดินเล่น...แล้วก็เห็นว่าเธอกำลังอาบน้ำอยู่...แต่นี่เธออาบแค่ 2 ขันก็เสร็จแล้วหรอ..?”
“คุณหมอมาแอบดูหนูออาบน้ำหรอคะ ที่แท้คุณก็เป็นคุณหมอโรคจิตจริงๆด้วย”
“ฉันไม่ได้มาแอบดูเธอ ฉันแค่เดินผ่านมาแล้วก็เห็นว่าเธออาบน้ำอยู่แล้วสบู่ก็ไม่ได้ฟอกด้วยสกปรกที่สุด..”
เธอมองเขาอย่างอึ้งๆที่เขารู้ด้วยว่าเธอไม่ได้ฟอกสบู่ เธอคืดอะไรขึ้นมาได้จึงทำท่าจะเดินเข้าไปใกล้ๆเขา
“เธอจะทำอะไร...?”
“ถึงหนูจะอาบแค่ 2 ขัน แต่ตัวหนูไม่เหม็นก็แล้วกัน คุณอยากดมดูไหมละคะ..?”
“นี่เธอพูดอะไรรู้ตัวหรือเปล่า เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ามาพูดจาให้ท่าผู้ชายแบบนี้นะ..”
เขาพยายามเดินถอยหลังให้ห่างจากเธอ แต่เธอก็เดินเข้ามาใกล้เขามากขึ้นเรื่อยๆ
“ทีเมื่อตอนบ่ายคุณยังจูบหนูได้เลย คุณมาจูบเด็กกะโปโลอย่างหนูทำไมละ จริงๆแล้วคุณเองก็เริ่มชอบหนูแล้วใช่ไหม...?”
“อย่ามาคิดเองเออเอง ฉันไม่ได้ชอบเด็กอย่างเธอ”
“แน่ใจหรอคะ...ว่าคุณไม่ชอบหนู..?”
“แน่ใจสิ...”
“งั้นคุณก็หยุดเดินสิคะหนูจะได้พิสูจน์”
“....”
เธอยังแกล้งเขาไม่เลิกจึงเดินเข้าไปใกล้เขามากขึ้น เขาหยุดเดินจริงๆตามคำบอกของเธอจนเธออึ้งไป แต่ก็อยสกเอาชนะเขาจึงเดินเข้าไปใกล้ๆเขามากขึ้นแล้วจ้องตาเขานิ่งๆ สายตาของทั้งคู่ที่มองกันมันทำให้หัวใจของอรพรรณีเริ่มเต้นแรงแปลกๆ เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ทำไมหัวใจของเธอถึงได้เต้นแรงแบบนี้นะ เหมือนตอนที่เขาจูบเธอเมื่อตอนบ่ายเลย
“เธอไม่ควรมายืนจ้องหน้าผู้ชายในเวลากลางคืนแบบนี้ แล้วแถมยังใส่ผ้าถุงแค่ผืนเดียวด้วยนะ”
เขาพูดขึ้นแล้วสายตาของเขาก็มองต่ำลงมาช่วงเนินอกเธอ เธอคิดตามที่เขาพูดแล้วก้มองดูชุดตัวเองตอนนี้ จึงรีบเอาผ้าเช็ดตัวขึ้นมาปิดช่วงบ่าตัวเองไว้
“หนูอาบน้ำเสร็จแล้ว หนูง่วงแล้วจะไปนอน...”
“เชิญ...”
เขาเดินหลบให้เธอเดินผ่านเพื่อกลับห้องพัก เขาเดินตามเข้ามาในห้อง เห็นเธอกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ดูหน้าตามีความสุข เขาจึงเดินไปบนที่นอนตัวเอง แต่สายตายังมองไปทางอรพรรณีตลอดเวลา
“คุยอะไรกับใครนักหนา ยิ้มหน้าระรื่นขนาดนั้น”