“เยี่ยนฟาง ข้ารู้สึกแปลก ๆ เหมือนมีบางคนกำลังเรียกข้าอยู่ รีบเข้าเมืองกันเถอะ” หลินเซินพูดกับเจ้าแมวน้อย ไม่รอช้าอุ้มนางไว้ในอ้อมแขนลอยลงมาจากเขาด้วยความเร็วอย่างตื่นเต้น จนลมปะทะเข้าที่หน้าเจ้าแมวน้อย ตาเหลือกกว้างไม่สามารถต้านแรงลมไว้ได้ คอที่ตั้งตรงอยู่แทบจะพลิกไปด้านหลัง นางจึงส่งเสียงร้องให้เขารู้ตัว หลินเซินก้มลงมองท่าทางของนางอย่างขบขัน หัวเราะเบา ๆ สนุกสนาน นางจึงยกมือขึ้นพยายามตะปบแขนเขาด้วยความงอน
“ข้ารู้แล้ว ๆ” หลินเซินกอดเจ้าแมวน้อยเอาไว้แน่น คอยบังกระแสลมแรง ก่อนจดจ่อกับการเดินทางต่อ
เมื่อมาถึงทางเดินยาวสุดสายตา หลินเซินพยายามมองหาสิ่งที่กำลังร้องเรียกเขา หากแต่ไม่เจออะไรที่เข้าท่า เขาจึงเดินตามความรู้สึกไป ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรต่อ กลิ่นของปลาย่างก็โชยมาที่ปลายจมูกของเขา แล้วก็ได้ยินเสียงร้องเหมียว เหมียวดังมาจากฝั่งตรงข้าม ไม่รู้ว่าเจ้าแมวน้อยไปยืนรออยู่หน้าร้านตั้งแต่เมื่อใด
“เยี่ยนฟาง อดใจไว้ เดี๋ยวข้าจะพามากิน ข้าให้สองตัวเลย” หลินเซินพยายามโน้มน้าวใจเจ้าแมวน้อย เวลานี้เขารู้สึกอยากตามหาสิ่งนั้นให้พบไว ๆ เสียเหลือเกิน ราวกับว่า ถ้าวันนี้หาไม่เจอคงจะนอนไม่หลับ
แน่นอนว่าเจ้าแมวน้อยก็รู้งานเป็นอย่างดี มีหรือจะไม่รู้ว่าเขากำลังมุ่งมั่น จริงจังผิดกับตอนปกติทั่วไป นางกลืนน้ำลายอึกหนึ่งพร้อมสายตาละห้อย ก่อนจะกระโดดกลับอ้อมแขนของเขา มือข้างหนึ่งยื่นออกไปอย่างอาลัยอาวรณ์
หลินเซินเดินลัดเลาะผ่านผู้คนมากมาย เริ่มรู้สึกได้ว่าสิ่งนั้นกำลังใกล้เข้ามา หากมองด้วยสายตา เขาแทบแยกไม่ออกเลยว่าสิ่งที่เขาตามหาคืออะไร พลันได้เห็นหญิงสาวผู้หนึ่งกำลังเดินมาทางเขา หน้าตารูปโฉมงดงามราวกับเซียนสวรรค์ หน้าผากแต้มสีแดง ปากอวบอิ่ม ร่างเพรียวบางดูน่าปกป้อง เขาเห็นนางกำลังส่งยิ้มมาให้จึงยิ้มกว้างกลับไป เพียงแต่ว่า...
“ท่านป้า ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีหรือไม่เจ้าคะ” นางทักทายหญิงสูงวัยที่อยู่ข้างหลังเขา นั่นแหละ นางไม่ได้ยิ้มให้เขาหรอก ทว่าจังหวะที่นางจะเดินผ่านตัวเขาไป ด้ายสีทองหลายเส้นกลับปรากฏขึ้นผูกมัดข้อมือข้างหนึ่งของเขากับอีกข้างของนางอย่างเหนียวแน่น หลินเซินยกข้อมือขึ้นมาดูอย่างงุนงน พยายามสลัดด้ายสีทองออกก็ไม่เป็นผล เขาลองเดินห่างจากนางไปไกล ๆ ด้ายสีทองก็ยืดออกตามระยะทาง พอเดินกลับมาใกล้ ๆ ด้ายสีทองก็หดกลับเข้ามา
เขาสังเกตดูสตรีผู้นี้ ราวกับนางเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาจึงมองไม่เห็นด้ายสีทอง หลินเซินจึงเดินเข้าไปใกล้ ๆ หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ จนต้องรีบวิ่งไปหลบทำใจอยู่หลังเสา สร้างความงุนงงให้เจ้าแมวน้อยอย่างยิ่ง
กระนั้นสายตาของเขาก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่นาง คิ้วสองข้างขมวดเป็นปม ไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่เข้าใจตัวเอง ความรู้สึกนี้คืออะไร คงจะมีก็แต่เจ้าแมวน้อยที่ดูอาการของเขาอย่างเงียบ ๆ
“รักษาตัวดี ๆ นะ เจ้าคะ ครั้งหน้าข้าจะแวะมาเยี่ยมท่าน” นางกล่าวลาสตรีสูงวัยแล้วเดินเลี้ยวซ้ายไปอีกทาง
หลินเซินรีบจ้ำอ้าวตามนางไปอย่างรักษาระยะห่าง ไม่ให้นางรู้ตัว สตรีนางนี้ทักทายผู้คนมากหน้าหลายตา ท่าทางอัธยาศัยดี ดูเป็นมิตร ยามที่นางยิ้ม ก็ทำให้เขาใจเต้นได้ทุกครั้ง พักหนึ่งนางก็เดินออกนอกตลาดไป เขาตามจนมาถึงหน้าบ้านหลังเล็ก
“ท่านพ่อ ข้ากลับมาแล้ว” นางพูดกับชายชราที่นั่งรออยู่ชานบ้าน เขายังคงแอบอยู่หลังต้นไม้ฟังบทสนทนาของทั้งคู่อย่างตื่นเต้น
“เจียลี่ มานี่สิ ข้าเตรียมขนมไว้ให้เจ้าด้วย” เขารีบบอกให้นางมาหา
จวีเจียลี่บุตรสาวพ่อค้าจากเมืองทางตอนใต้ ติดตามบิดาที่แก่ชรามาที่เมืองนี้เพื่อทำการค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยความเป็นห่วงเขาตามประสาบุตรสาวผู้แสนดี ทั้งยังถือโอกาสเปิดหูเปิดตา หาโอกาสซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าไปขายที่บ้านเกิดช่วยกิจการครอบครัว
“เจียลี่ เจอบุรุษผู้ใดที่เจ้าถูกใจหรือไม่” ผู้เป็นบิดาถามนางตรง ๆ เขาพยายามหาบุรุษที่เพียบพร้อมและเหมาะสมกับนางอยู่นานหลายปี จนปีนี้นางอายุย่างยี่สิบแล้ว แต่ก็ไม่ได้แต่งงานดังที่เขาตั้งใจ คิดในใจแต่เพียงว่าอย่าให้นางขึ้นคานเลย
“ท่านพ่อ ไม่เห็นมีผู้ใดน่าสนใจเลย แล้วข้าก็ไม่รีบ” เจียลี่ตอบเขาอย่างซื่อ ๆ เหมือนอย่างเคย
“แต่ข้ารีบ ข้าเองก็แก่แล้ว อยากเห็นเจ้าเป็นฝั่งเป็นฝา” บิดาของนางบ่นอุบอิบ จ้องนางด้วยความจริงจัง
“ท่านพ่อ โชคชะตาน่ะ เดี๋ยวเขาจะมาก็มาเอง ท่านอย่าเพิ่งเร่งข้านักเลย อีกอย่างข้าอยู่กับท่านพ่อไปตลอดเลยย่อมได้ ไหน ๆ ท่านก็มีข้าเป็นบุตรคนเดียว เดี๋ยวไม่มีผู้สานต่อกิจการนะเจ้าคะ” เจียลี่อธิบายอย่างยืดยาวพยายามโน้มน้าวบิดากลับ
เสียงพูดคุยของทั้งสองคนโต้ตอบกันไปมาไม่ลดละ หลินเซินที่ยืนแอบอยู่หลังต้นไม้จึงได้แต่ยิ้มออกมาไม่รู้ตัว พอได้ยินเสียงเหมียว เหมียวดังขึ้นมาก็นึกได้ว่าเจ้าแมวน้อยตัวนี้ต้องหิวมากแน่ ๆ เขามองไปที่ด้ายสีทองอีกครั้งก่อนหันหลังกลับมาที่ตลาดในเมือง
“เยี่ยนฟาง วันนี้เจ้าเก่งมาก ข้าซื้อปลาย่างให้เจ้าเลยสองตัว” หลินเซินหยิบปลาย่างมาสองตัวให้เยี่ยนฟางตามสัญญา นั่งดูนางกินจนเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ลุกขึ้นเตรียมจะไปหาของกินเพิ่ม
“คุณชาย ค่าปลาย่างเล่าขอรับ” พ่อค้ารีบเดินมาดักข้างหน้าเขา เพราะท่าทางหลินเซินเหมือนกับคนที่กินแล้วจะไม่จ่ายอย่างไรอย่างนั้น
“อ้อ ใช่สิ ข้าลืมไป” หลินเซินจ้องตาพ่อค้าปลาย่าง ก่อนจะบอกเขาว่า “ปลาย่างสองตัวนี้ข้าขอนะ” พูดจบแล้ว พ่อค้าผู้นี้ก็พยักหน้าตอบตกลงอย่างง่ายดาย
เขาเดินไปที่ร้านถังหูลู่และร้านอื่น ๆ ในบริเวณนั้น สุดท้ายมาหยุดอยู่หน้าร้านขายของเล่น มองหาบางอย่าง แล้วหยิบขึ้นมากวัดแกว่งไปมา เยี่ยนฟางมองเห็นของเล่นสิ่งนี้ก็ขยับมือตะปบไปซ้ายทีขวาทีตามทิศทางที่เขาสะบัด เมื่อเห็นเจ้าแมวน้อยดูสนุกสนานเขาจึงได้ซื้อไม้ตกแมวมาหนึ่งอันเอาไว้เล่นด้วยกัน
คืนนั้น หลินเซินออกมานอนตากน้ำค้างเหมือนอย่างเคย เขายกมือข้างนั้นขึ้นมา ด้ายสีทองปรากฏขึ้นระยิบระยับในความมืด พลันทำให้นึกถึงสตรีผู้นั้น
“นางเป็นผู้ใด” ไม่มีผู้ใดให้คำตอบเขาได้ เจ้าแมวน้อยเองก็จนปัญญา เขาจึงตัดสินใจว่า พรุ่งนี้เช้าจะลงไปตามหาคำตอบให้รู้เรื่อง
“เยี่ยนฟาง พรุ่งนี้ลงไปในเมืองกับข้าอีกไหม เจ้ารู้หรือไม่ว่าร้านตรงท้ายซอยมีของอย่างอื่นน่ากินอีกนะ” หลินเซินลูบหัวเจ้าแมวน้อยก่อนจะอุ้มกลับไปไว้บนที่นอนในกระท่อม
“นอนนะ พรุ่งนี้ข้าจะมาปลุก” หลินเซินขยี้ขนฟูฟ่องของเจ้าแมวน้อยก่อนจะออกมานอนใต้ต้นดอกท้อตามเดิม
“เจ้าหมาป่าซื่อบื้อ ข้ารู้นะว่าเจ้าคิดอะไรอยู่” เยี่ยนฟางคิดในใจก่อนจะลากผ้าห่มมานอนข้าง ๆ เขาอีกรอบ เพราะนางรู้สึกปลอดภัยจริง ๆ เมื่ออยู่ข้างเขา