ตอนที่ 14 หมาป่าคำราม

1929 Words
เจียลี่มาพบเขาที่หน้าประตูบ้าน “หลินเซิน ข้ามีเรื่องจะบอกเจ้า” “เรื่องอันใดหรือ” เขาขมวดคิ้วเข้าหากัน เงี่ยหูฟังสิ่งที่นางจะบอก “ข้าต้องกลับบ้านแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อใดจะได้กลับมาที่นี่อีก หวังว่าจะมีโอกาสได้เจอเจ้าอีกนะ” หลินเซินครุ่นคิดเรื่องราวในหัวว่าจะทำอย่างไรดี เขายังไม่ได้คำตอบเลยว่าทำไมนางถึงทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหวได้ถึงเพียงนี้ ทั้งยังเรื่องด้ายสีทองที่ผูกมัดเขากับนางอีก “ข้าต้องรู้ให้ได้ ว่าเจ้าเป็นใคร ทำไมใจข้าต้องเต้นแรงทุกครั้งที่เห็นหน้าของเจ้า” ราวกับมีคนรู้ทัน เยี่ยนฟางใช้พลังส่งกระแสจิตไปหาเขา “ไปส่งนางที่บ้านสิ” “เอ๋ เยี่ยนฟาง เจ้าพูดได้แล้วหรือ” หลินเซินตาโตประหลาดใจ ส่งกระแสจิตกลับไปหานาง แต่ไม่มีสัญญาณตอบกลับ “เจียลี่ ข้าได้ยินมาว่าป่าทางนั้นมีสัตว์ดุร้ายออกอาละวาด โจรป่าชุกชุม แอบปล้นเสบียงของพ่อค้าที่ผ่านไปมาอยู่บ่อย ๆ ให้ข้าไปส่งเจ้าที่บ้านดีหรือไม่” หลินเซินเสนอตัวเองอย่างที่เยี่ยนฟางบอก “ส่งข้าที่บ้านหรือ หลินเซิน ข้าสงสัยมานานแล้วว่าเจ้าเป็นคุณชายบ้านไหนหรือ มีงานทำหรือไม่ เหตุใดถึงได้มีเวลามาเที่ยวเล่นกับข้าได้ทุกวัน แล้วก็ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าบ้านข้าไปทางนั้น” ในที่สุดเจียลี่ก็ได้ถามสิ่งที่นางสงสัย “ข้าอาศัยอยู่คนเดียวกับเจ้าแมวน้อยตัวนี้มานานแล้ว งานของข้าก็ไม่มีอะไรมาก งานที่หนักที่สุดก็คือเลี้ยงเจ้าแมวตัวนี้ ส่วนเส้นทาง เอ่อ ข้าได้ยินเจ้าพูดกับบิดา แต่ว่าข้าน่ะ เคยผ่านอยู่หลายครั้ง รู้เส้นทางอย่างดี แล้วข้าเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย รับรองว่าไม่รบกวนเจ้าอย่างแน่นอน ข้ารับปากเลยว่าจะไม่มีอะไรกล้าแตะต้องเจ้าแม้แต่ปลายเส้นผม” หลังบรรยายสรรพคุณของตนเองเต็มที่แล้ว เขาก็รอคำตอบของนางอย่างใจจดใจจ่อ หวังจะให้นางตอบตกลง แต่ถึงนางไม่ตกลง เขาก็คงแอบตามนางไปอย่างเงียบ ๆ อยู่ดี “เช่นนั้นก็ถือว่าไปเที่ยวที่บ้านข้าก็แล้วกัน” เจียลี่ยิ้มกว้างให้เขา เมื่อเตรียมของและเสบียงเรียบร้อยแล้ว หลินเซิน เจ้าแมวน้อย เจียลี่และบิดาของนางก็นั่งรถม้าเดินทางออกจากหมู่บ้านเข้าเขตป่าทึบ ป่าแห่งนี้เงียบสงัดไม่ได้ยินแม้แต่เสียงนกร้องหรือเงาของสัตว์ตัวเล็กที่มักจะมาหากินผลไม้อยู่บริเวณนี้ เส้นทางแต่เดิมเป็นทางหญ้าถางเอาไว้สัญจร เวลานี้ต้นหญ้าสูงขึ้นจนท่วมเอว รถม้าจึงต้องค่อย ๆ ผ่านไปช้า ๆ ระวังอุบัติเหตุ หลินเซินออกมานั่งข้าง ๆ จวีจิวฝูเพื่อเปลี่ยนกะหลังจากเดินทางมาได้ครึ่งค่อนวัน “ท่านลุง เชิญท่านพักข้างในเถิด ข้าจะคอยดูตรงนี้เอง” หลินเซินกล่าวกับเขาอย่างสุภาพแล้วถือสายบังเ**ยนเอาไว้ “ขอบใจ” เขาพยักหน้า เมื่อเข้ามาข้างในแล้วจึงได้จังหวะเหมาะเจาะที่จะพูดคุยกับบุตรสาวเพียงคนเดียว “เจียลี่ เจ้าคิดกับเขาเช่นไรหรือ” “ท่านพ่อ อย่าเสียงดังไป ทำไมท่านถึงถามข้าเวลานี้เล่า” เจียลี่ตกใจไม่คิดว่าบิดาของนางจะถามเรื่องพวกนี้เร็วขนาดนั้น “ข้าอยากรู้ว่าเจ้าคิดเหมือนข้าหรือเปล่า เท่าที่ข้าดู ๆ เขามาสองสามเดือนก็ถือว่าไม่เลว นิสัยดี เอาใจใส่ ข้าเห็นนะเวลาเจ้าอยู่กับเขา เจ้ามีความสุขมาก ถ้าจะตกลงปลงใจละก็ ข้าไม่ว่า” จวีจิวฝูตัดสินใจเด็ดขาดว่าอย่างไรเสีย เขาก็ต้องให้บุตรสาวแต่งงานออกเรือนให้ได้ ข้างนอกรถม้า แม้ว่าจะมีประตูปิดกั้นอยู่ แต่เสียงที่เล็ดลอดออกมาก็ทำให้หลินเซินแอบยิ้มเบา ๆ พลางมองหน้าเจ้าแมวน้อยดวงตาใสแป๋ว หลังจากที่พบเจอเจียลี่แล้วไม่เข้าใจความรู้สึกของตนเอง หลินเซินจึงหาอ่านหนังสือบ้าง สอบถามบัณฑิตต่างเมืองบ้าง เผื่อจะมีใครแก้ปัญหาในใจของเขาได้ “ข้ามีเรื่องของสหายผู้หนึ่งจะสอบถามท่านบัณฑิต” ท้ายที่สุดทุกคนต่างตอบเหมือนกันว่า “สหายของท่านคงจะกำลังตกหลุมรักนางผู้นั้นเป็นแน่” “ไม่ต้องยิ้มกว้างเพียงนั้นก็ได้ ข้ารู้แล้วว่าเจ้าดีใจมาก” เยี่ยนฟางที่รู้ใจหลินเซินส่งเสียงร้องเหมียว เหมียวให้เขา ครั้นแสงอาทิตย์กำลังจะลาลับฟ้า หลินเซินจึงตัดสินใจหยุดพักริมลำธาร “วันนี้พอแค่นี้ก่อน พวกท่านนั่งพักให้หายเหนื่อยเถิด ข้าจะหากิ่งไม้แห้งมาก่อไฟเอง” “ข้าไปด้วย” เจียลี่มองหน้าบิดา พอเห็นเขาหรี่ตาลง นางรู้สึกได้ว่าเขาต้องทำอะไรแน่นอน “อ้อ ฝากดูแลลูกสาวข้าด้วย” จวีจิวฝูตะโกนบอกหลินเซิน “ไม่ต้องห่วงขอรับ ท่านลุง” หลินเซินพยักหน้าตอบบิดาของนาง เจียลีเห็นท่าทางสองคนที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย จึงรีบเดินจ้ำอ้าวไม่รอหลินเซินเพราะเขินอายจนหน้าแดง “เจียลี่ เจ้าอย่าเพิ่งรีบเดินบุ่มบ่าม เดี๋ยวตก...” พูดไม่ทันขาดคำ เจียลี่ก้าวขาข้างหนึ่งตกลงไปในหลุม แต่หลินเซินที่สายตาว่องไวเห็นเช่นนั้นจึงใช้พลังคว้าคอเสื้อด้านหลังของนางไว้แล้วรีบเดินมาหา “เอ๋! เมื่อครู่ เจ้าอยู่ตรงโน้นไม่ใช่หรือ” เจียลี่สงสัยไม่นึกว่าเขาจะอยู่ใกล้นาง “เจ้าเจ็บที่ใดหรือไม่” หลินเซินเปลี่ยนเรื่อง ถามอาการของนาง “ไม่ ไม่ ข้าไม่เป็นอะไร” “เช่นนั้น ไปหากิ่งไม้แห้งกันเถอะ ใกล้มืดค่ำแล้ว” หลินเซินเดินนำหน้านาง ทั้งคู่ช่วยกันเก็บเศษกิ่งไม้แห้งได้จำนวนหนึ่ง แล้วพากันกลับมาที่พัก เจ้าแมวน้อยส่งเสียงเหมียว เหมียว อยู่ริมลำธารอย่างเคย “หิวแล้วล่ะสิ” หลินเซินเดินมาที่ริมน้ำ จัดชุดให้เรียบร้อยก่อนจะลงไปหาปลาสามสี่ตัวมาเป็นอาหารค่ำวันนี้ หลังจากกินอิ่ม จวีจิวฝูและเจียลี่ค่อย ๆ หลับตาลงพักผ่อน ส่วนหลินเซินยังคงนอนดูดาวกับเจ้าแมวน้อย เพียงแต่อยู่ในป่าเช่นนี้ ทำให้เขามองเห็นท้องฟ้ายามค่ำคืนไม่ชัดสักเท่าใด จึงใช้พลังเซียนปัดกิ่งไม้ใบไม้ที่บดบังสายตาออกไป สุดท้ายแล้วก็ยิ้มอย่างพอใจ ครั้นกำลังสะลึมสะลือง่วงนอนกลับได้ยินเสียงแปลก ๆ บางอย่าง เขาห่มผ้าให้เจ้าแมวน้อยก่อนจะเดินตามหาเสียงนั้น เสียงความเจ็บปวดโหยหวนกลางดึกนั้นวังเวงน่ากลัว หลินเซินคิดว่าในอดีต ชีวิตของเขาต้องทุกข์ระทมเป็นแน่ แค่ได้ยินเสียงนี้ก็ไม่ชอบเลยแม้แต่น้อย ด้านเจ้าแมวน้อยเยี่ยนฟางที่ได้ยินเสียงเช่นกันตื่นขึ้นด้วยสัญชาตญาณ เมื่อไม่เห็นหลินเซินอยู่ข้าง ๆ จึงร้องเรียกกระวนกระวาย นางเดินมาซุกอยู่ข้าง ๆ เจียลี่ตัวสั่นเทา “เยี่ยนฟาง เจ้าเป็นอะไร” เจียลี่งัวเงียตื่นมาลูบหัวแล้วอุ้มเยี่ยนฟางขึ้นมากอด เจ้าแมวน้อยกระโดดลงจากอ้อมแขนเดินนำหน้านางไปอีกทางหนึ่งของป่า เจียลี่รู้ทันทีว่าเยี่ยนฟางกำลังอยากออกตามหาหลินเซินด้วยความเป็นห่วง นางจึงเดินตามเยี่ยนฟางไปเรื่อย ๆ จนลืมไปว่ายามค่ำคืนไม่ควรออกมานอกที่พัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในป่าทึบแห่งนี้ หลินเซินตามเสียงร้องนั้นมาได้สักพัก ข้างหน้าเขาเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งนอนหายใจรวยริน บาดแผลที่ขาอักเสบจนทำให้เกิดอาการหลอน เขาเอื้อมมือมาแตะที่ขาของชายหนุ่ม จังหวะนั้นภาพในอดีตช่วงสั้น ๆ ผุดขึ้นมาในใจ หลินเซินจึงได้รู้ว่าเสียงร้องโหยหวนนั้นเป็นเพราะคนข้างหน้ากำลังจมกับความโหดร้ายที่เกิดขึ้น เขาใช้พลังเซียนรักษาบาดแผลให้ชายหนุ่มจนหายดี เพียงแต่ว่าความคิดของคนผู้นั้นตกสู่วังวนอดีตไม่อาจถอนตัวได้ เกิดบ้าคลั่งตื่นขึ้นหมายจะทำร้ายเขา “นึกแล้วเชียวว่าไม่ใช่บาดแผลธรรมดา เจ้าเจอเรื่องใดมาหรือ” หลินเซินพยายามพูดเรียกสติ “เจ้า...” ชายที่อยู่ตรงหน้าเขามีท่าทีเปลี่ยนไป เขาลืมตาขึ้นทั้ง ๆ ที่ไม่ได้สติ หากแต่ดวงตาเป็นสีแดง หูจิ้งจอกโผล่ขึ้นมา กรงเล็บยาวทั้งสิบนิ้วพยายามตวัดใส่หลินเซินอย่างอาฆาต “เจ้าจิ้งจอกน้อย หยุดได้แล้ว” หลินเซินพยายามเรียกเขาพลางหลบกรงเล็บที่ฟาดใส่ไม่หยุด “เฮ้อ เจ้าเหนื่อยหรือยัง จะหยุดเมื่อใดหรือ” ผ่านไปสักพัก ชายหนุ่มผู้นี้ไม่มีทีท่าจะลดละความตั้งใจเอาเลือดเอาเนื้อหลินเซิน ทั้งยังคล้ายจะบ้าคลั่งขึ้นทุกชั่วขณะ “ในเมื่อพูดดี ๆ แล้วเจ้าไม่ฟัง อย่าหาว่าข้าใจร้ายแล้วกัน” หลินเซินเลิกคิ้วคิดจะเล่นสนุก เดิมทีเขาคิดว่าทำแบบนี้แล้วค่อนข้างเสียภาพลักษณ์ไปหน่อย แต่วิธีเจ้าป่าแบบดั้งเดิมนี่แหละ ต่อให้คลุ้มคลั่งมากแค่ไหน ก็ย่อมโอนอ่อนลงเมื่อพบผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเสมอ หูหมาป่าสีเทาแกมชมพูทั้งสองข้างของหลินเซินโผล่ขึ้นมา ข้างหนึ่งมีพู่ห้อยสะบัดตามสายลม เขานับหนึ่งถึงสามในใจก่อนจะคำรามเสียงดังก้องจนจิ้งจอกน้อยสงบเสงี่ยมฟุบหลับไปในทันที เพียงแต่ว่าคนที่ได้ยินเสียงคำรามของเขาเมื่อครู่ไม่ได้มีแค่เจ้าจิ้งจอกน้อย หลินเซินหันหน้ามาด้านหลังของเขาเห็นเจียลี่ยืนตาโตตะลึงงัน ไม่แพ้เจ้าแมวน้อยที่ขนลุกซู่ไปทั้งตัว เจียลี่เห็นภาพสัตว์ประหลาดเบื้องหน้าจนตกใจกลัว นางโอบเจ้าแมวน้อยไว้แน่น ขาทั้งสองข้างเตรียมหันหลังวิ่งหนีสุดชีวิต แต่ก็นั่นแหละความเร็วมนุษย์หรือจะสู้หมาป่า หลินเซินวิ่งมาดักข้างหน้านางกันไว้ไม่ให้หนี แต่เจียลี่ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หันหลังไปอีกทาง จังหวะที่วิ่งจึงหันมามองดูข้างหลัง เมื่อไม่เห็นสัตว์ประหลาดตัวนั้นแล้วก็คิดว่าหนีพ้น ไหนเลยพอหันหน้ามากลับเห็นเขายืนรออยู่ เจ้าสิ่งนั้นพุ่งตัวเข้าหานาง ไม่ว่าจะหันไปทางไหน คล้ายจะหนีไม่รอดเสียแล้ว “ถ้าเจ้ากล้าวิ่งหนีอีก ข้าจะกินเจ้า” หลินเซินขู่นางโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาเดินเข้ามาใกล้นางเรื่อย ๆ “ข้า... ข้า...” เจียลี่อึกอัก กลัวจนพูดไม่ออก ตั้งแต่เกิดมานางไม่เจอเผ่าพันธุ์อื่นเลย นึกว่าเรื่องพวกนั้นมีแต่ในตำนาน “ถ้ายังไม่อยากตาย ทำตามที่ข้าบอก ไม่เช่นนั้นแล้ว ข้าจะค่อย ๆ กินเจ้าอย่างเอร็ดอร่อย” หลินเซินย้ำอีกรอบ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD