EP5.2 ll ผู้ชายกวนตีนเป็นผู้ชายน่ารัก [2]

1093 Words
“เฮ้ย ชมดิ” เขาเอ่ยแล้วกวาดนิ้วไปมาทำหน้าพินิจพิจารณาสารรูปฉันราวกับกำลังวิเคราะห์อยู่ “เนี่ย หุ่นก็ดี๊ดีเหมือนหมีขั้วโลกเลย” คำพูดของเขาทำเอาฉันเบ้ปากอีกรอบ หมีขั้วโลกมันหุ่นดียังไงวะ ฉันออกจะผอมเพรียว หุ่นได้สัดส่วน น้ำหนักกำลังพอดีมีน้ำมีนวล ไม่ได้อ้วนนะ เปล่าเลย “โทษนะ หมีขั้วโลกมันหุ่นดียังไง” ฉันจิกสายตามองเขาอย่างเอาเรื่อง เงื้อมือเตรียมจะฟาดเขาสักทีถ้าตอบอะไรไม่เข้าหู คนร่างสูงเงียบไปสักพักพร้อมกับจ้องฉันนิ่งๆ นิ่งจนฉันทำอะไรไม่ถูก เขาค่อยๆ วางข้อศอกลงบนโต๊ะก่อนจะเท้าคางเลื่อนสายตามาที่ฉันด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ดีตรงที่มันน่ากอดอ่ะ” เขามองหน้าฉันนิ่งๆ แล้วเงียบไป คือไง เขาจะสื่ออะไรวะ? ฉันรู้สึกเหมือนโดนตบหัวแล้วลูบหลัง เหมือนจะด่าแต่ก็เหมือนจะชม จนฉันงง งง งง และงง! โอ๊ย เขาต้องการอะไรจากฉันกันแน่วะเนี่ย ฉันสับสนไปหมดแล้วนะ! ยังไม่ทันที่ฉันจะคิดอะไรออกอยู่ดีๆ เสียงริงโทนโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา ก่อนที่คนร่างสูงจะหยิบออกจากกระเป๋าแล้วกดรับโดยที่สายตายังมองมาที่ฉันอยู่ เขาทำหน้าเครียดๆ นิดหน่อยแล้วถอนหายใจยาวตอบรับกลับไปที่ปลายสายพร้อมลุกพรวดอย่างรวดเร็ว “เออ เดี๋ยวกูไปหา” เขาว่าแล้ววางสายรีบหยิบกระเป๋าพาดบ่าตวัดสายตามามองสเต๊กในจานของฉันก่อนจะพ่นหายใจเซ็งๆ “กินช้าขนาดนี้นี่มีฟันเคี้ยวข้าวจริงปะเนี่ย?” คนร่างสูงว่าก่อนจะหยิบกระเป๋าฉันขึ้นมาสะพาย ก่อนจะรีบขยับขาเดินมายืนข้างๆ เพื่อกดดันให้ฉันรู้ว่าเขากำลังรีบร้อนขนาดไหน “ถ้ารีบก็ไปก่อนก็ได้มั้ง จะมารอทำไม” ฉันตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉย เพราะถ้าเขาจะกลับไปก่อนหรืออะไรยังไง ฉันก็ไม่สนใจอยู่แล้ว “เอ้า ก็ต้องรอดิ จะได้ไปพร้อมกัน” เขาว่าก่อนจะเบ้หน้าเมื่อเห็นว่าฉันเหลือสเต๊กในจานเกินครึ่ง จากนั้นหมอนั่นก็หย่อนก้นลงข้างๆ อย่างไม่บอกกล่าว “ไม่ต้อง เรากลับหอเองได้” “ก็ไม่ได้จะไปหอเธอ แต่จะไปหาเพื่อนเรา” เขาอธิบายก่อนจะยื่นไปหยิบมีดของตัวเองอีกฝั่ง แล้วปัดมือฉันออกพลางเลื่อนมันมาอยู่ด้านหน้าแล้วจัดการหั่นสเต๊กเป็นชิ้นพอดีคำอย่างขะมักเขม้น โอ้โห บริการดีมากอะไรมาก แต่เดี๋ยวก่อน เขาจะไปหาเพื่อนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันวะ? “เอ้า จะไปหาเพื่อนก็ไปดิ ไม่เห็นต้องรอเลย เราเข้าใจ” ฉันว่าก่อนจะรับถาดสเต๊กนั่นกลับมาอยู่ในมือ คนตัวสูงกำหมัดแล้วแจกมะเหงกเข้าที่กะโหลกของฉันหนึ่งทีเบาๆ ราวกับจะสั่งสอน “เฮ้ย ไรอ่ะ เราเป็นเพื่อนกันปะวะ มาด้วยกันก็กลับด้วยกันดิ” “ก็เป็นเพื่อนกันเมื่อกี้เองปะ? =_=” ฉันเบะปากกับท่าทางขึงขังและแอบโกรธของคนร่างสูง “จะตอนไหนก็เพื่อนปะ? ไม่ต้องพูดแล้ว รีบๆ กิน” เขาใช้ส้อมในมือจิ้มและยัดปากของฉันเต็มที่เพื่อหยุดทุกถ้อยคำที่กำลังจะสบถออกมารัวๆ แบบล้านแปดคำต่อวินาที ฉันเบ้หน้าแล้วเคี้ยวกลืนมันลงอย่างเสียไม่ได้ “แล้วจะไปไหนอ่ะ ไปเจอเพื่อนอ๋อ?” ฉันถามไป เคี้ยวไปพลางสบสายตากับคนร่างสูงที่พยักหน้ารับนิ่งๆ เขาเรียนคณะวิศวะโยธา น่าจะเป็นสาขาที่มีผู้ชายเยอะนะ แถมเขาก็หล่อ เพื่อนเขาก็น่าจะหล่อด้วย อ๊ายยยยย เพื่อนผู้ชายแน่ๆ ฉันแอบกระดี๊กระด๊าในใจแต่ปั้นหน้านิ่งๆ ไม่ให้ไก่ตื่น ใช้ส้อมเขี่ยๆ สเต๊กแล้วเหล่สายตาขึ้นไปมองหน้าเขานิดๆ “เพื่อนหล่อเปล่าอ่ะ ถ้าหล่อก็ฝากบอกด้วยนะว่าโสด” “โอ๊ย แม่งมีแฟนกันหมดละ จะไปบอกมันทำไม” คนร่างสูงปฏิเสธก่อนจะพ่นลมหายใจยาวๆ แล้วไถลตัวลงกับโต๊ะพร้อมช้อนสายตาขึ้นมามองฉัน “อ้าวเหรอ” ฉันลอยหน้าลอยตาแล้วกินต่อก่อนจะแทบพุ่งเมื่อคนข้างๆ เอ่ยประโยคต่อมาพร้อมใบหน้ายิ้มๆ ที่ทำให้ฉันไปไม่ถูก “เหลือแต่เราอ่ะ จะเอามั้ย?” “หยอดเบาๆ หน่อยก็ได้ หน่อจะงอกมาเป็นนอละนะเจ” ฉันเบ้หน้าทำท่าไม่โอเค ก็รู้แหละว่ามาจีบ แต่ถ้าจะมากขนาดนี้นี่แรดในเขาดินยังคารวะเลยมั้งเนี่ย “เนียนเปลี่ยนเรื่องนี่หว่า โคตรจะไม่ใจ” คนร่างสูงจิ๊ปากกวนประสาท ขณะที่ฉันพ่นลมหายใจเซ็งๆ แล้ววางช้อนส้อมลง หมดอารมณ์กินเพราะมัวแต่ทะเลาะกับเขาเนี่ยแหละ “ขอคิดดูก่อนนะ หน้าตาเจนี่ เราไม่มีปัญหา แต่ปากหมาๆ นี่ไม่น่าเอามาทำพันธุ์เลย” “ใส่ร้ายนี่หว่า เราออกจะพูดจาน่ารัก” เขาว่าพร้อมทำหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเต็มไปด้วยความมโนระดับสิบ จะไม่ให้บอกว่ามโนได้ยังไง ก็ตั้งแต่ที่คุยกันมาฉันไม่รู้ว่าตรงไหนที่เรียกว่าน่ารัก เจอแต่น่าถีบ “แล้วนี่อิ่มยัง?” เขาเอ่ยถามขึ้นขณะที่ฉันหันไปกินชามะนาวรีฟิลพลางใช้มือข้างที่ว่างเก็บมือถือ ของยิบย่อยใส่กระเป๋าเตรียมลุก คนร่างสูงกวาดสายตาไปที่จานอาหารที่มีเหลือเกือบครึ่งก่อนจะแตะบ่าฉันเบาๆ “เออ ดี ถึงจะของฟรีก็ไม่ต้องกินเยอะหรอก” เขาว่าขณะที่ฉันเหล่สายตาไม่ไว้วางใจใส่ “หน้าก็ป้าน จมูกก็หมู ตาก็ดูตี่ๆ นี่ถ้าอ้วนอีกไม่เหลืออะไรดีแล้วนะเนี่ย” เลวววววววววววววววววว! ฉันมาก็เพราะเขาชวนปะวะ ต้องด่ากันขนาดนี้เลยเหรอ หน้าตาฉันออกจะหมวยอินเทรนด์ใสๆ ทันสมัยกับยุคปัจจุบัน ฉันปล่อยหลอดก่อนจะกลืนชามะนาวลงคอไปให้หมด พร้อมตวัดหางตาดุๆ ไปทางคนร่างสูงอย่างเอาเรื่อง “ถามจริง นี่มาจีบจริงปะเนี่ย?” ฉันย่นคิ้วหันไปขอคำยืนยันจากหมอนั่น ซึ่งแน่นอนว่าเขาพยักหน้าหงึกหงัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD