Chapter 5 พายุสวาท
“ขะ...ข้าจะเสร็จแล้วเจ้าค่ะ อาห์ อาห์ จะ...จะเสร็จแล้ว ซะ...ซี๊ด”
นางร่อนสะโพกไปมา ก่อนจะทิ้งเรือนร่างท่อนบนและใบหน้าแนบไปกับพื้นเกวียน ในขณะที่ถิงเว่ยยังคงซอยยิกถี่กระชั้นจากนั้นจึงปลดปล่อยสายน้ำแห่งชาติพันธุ์เข้าไปในกายของนาง
“อาห์”
ต่างรับรู้ได้ว่าภายในช่องสวาทแคบชื้นกำลังกระตุกเกร็งเป็นจังหวะ ตอดรัดเอ็นอุ่นราวกับจะดูดกลืนทุกหยาดหยดของสายน้ำขาวขุ่นเอาไว้
“อื้อ”
ความสุขสมกอดรัดแนบชิดก่อนที่ถิงเว่ยจะทิ้งกายลงแล้วดึงนางเข้ามากอดรัดเอาไว้แนบแน่น โดยไม่มีการพูดจา มีเพียงการนิ่งเงียบนอนฟังเสียงหัวใจที่เต้นระรัวของกันและกันเนิ่นนาน
กุบกับ กุบกับ....
เสียงฝีเท้าม้าและล้อเกวียนที่บดไปตามกรวดหินและดินที่แตกระแหงทำให้เจ้าของร่างเล็กค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ แพขนตางามงอนกะพริบถี่
ข้ากลับมาอยู่ในอ้อมกอดของท่านพี่แล้ว...
เจ้าของใบหน้าหวานแย้มยิ้มกับอกกว้างเปลือยเปล่า ศีรษะของนางนั้นนอนหนุนแขนข้างหนึ่งของเขาเอาไว้ ส่วนแขนแข็งแกร่งอีกข้างโอบกอดรัดรอบร่างของนางเอาไว้อย่างหวงแหน
เขากอดนางเช่นนี้เสมอ ตั้งแต่คืนวิวาห์ จวบจนวันที่นางสิ้นลมหายใจ ความรักที่เขามอบให้นางไม่เคยลดน้อยลงเลย สี่ปีที่ผ่านมานางพยายามเปลี่ยนแปลงตนเอง เฝ้าฝึกฝนศาสตร์ต่างๆ จนคล่องแคล่ว และให้บ่าวรับใช้คอยตามสืบเรื่องราวของสามีมาโดยตลอด
เหวินถิงเว่ยไม่เคยมีหญิงอื่น ยังรักมั่นเดินทางไปวางดอกไม้ที่หลุมศพของภรรยาด้วยความอาลัยแทบทุกครั้งที่มีโอกาส ไม่เคยแตะต้องอนุภรรยาทั้งแปดเลยสักครั้ง อีกทั้งไม่ยกหญิงใดขึ้นเป็นภรรยาเอกแทนตน
ชายที่มีหัวใจมั่นคงเช่นเขาคงหาได้ยากยิ่งในแผ่นดินที่ชายเป็นใหญ่ ยิ่งมีอำนาจวาสนาก็ยิ่งเห็นผู้หญิงเป็นเพียงเครื่องบำเรอความใคร่ รั่วอิงโชคดีที่ได้รับความรักจากเขา แต่โชคร้ายที่อ่อนแอเกินกว่าจะปกป้องตนเองจากความริษยาของเหล่าสตรีงูพิษ
หากจะย้อนไปหาต้นเหตุแห่งความรักต่างฐานะของนางและคุณชายหกแห่งตระกูลเหวินแล้วละก็ มันเริ่มต้นมาจาก...
ห้าปีที่แล้วนับจากวันนี้
ฮึก ฮึก ฮือ...
ร่างเล็กบอบบางร้องไห้สะอึกสะอื้นจนไหล่สั่นเทิ้ม ตามร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำจากการถูกทุบตีทำร้ายอย่างทารุณ
นางหอบร่างกายที่เจ็บปวดราวกับจะแตกเป็นเสี่ยงมาที่ลำธารพร้อมกับตะกร้าเสื้อผ้า ก่อนจะทรุดกายลงแล้วหยิบกระดานไม้ซักผ้าออกมาวางพาดกับโขดหิน จากนั้นจึงยื่นมือเล็กสั่นเทาที่เต็มไปด้วยบาดแผลหยิบเสื้อผ้าออกมาซักทีละชิ้น
หยดเลือดจากนิ้วมือผสานไปกับน้ำใสในลำธารหยดแล้วหยดเล่า อีกทั้งยังหยาดน้ำตาที่พรั่งพรูลงมาเป็นสายไม่ขาด
เจิ้งรั่วอิง... เป็นหญิงสาวชาวบ้านที่มีใบหน้างดงามปานจะล่มเมือง ทั้งใบหน้า ทั้งผิวพรรณที่ผุดผาดนวลเนียนดั่งลูกผู้ดีมีตระกูล ราวกับว่าสวรรค์ไม่เห็นด้วยกับความงามที่มีมากจนเหนือหญิงใดในหล้า จึงได้ยัดเยียดความโชคร้ายและชีวิตอันแสนอาภัพมาให้นาง
นางเติบโตมากับมารดาที่ตั้งท้องโดยไม่เคยปริปากว่าบิดาของเด็กในท้องเป็นใคร เมื่อคลอดรั่วอิงออกมาได้ไม่กี่เดือน มารดาก็แต่งงานใหม่กับชายที่ค่อนข้างมีอิทธิพลในหมู่บ้าน
พ่อเลี้ยงของนางนั้นเป็นคนอารมณ์ร้อน และมักจะลงไม้ลงมือกับมารดาและนางเสมอๆ ทว่าเมื่อมารดาตั้งครรภ์และสามารถมอบบุตรชายสืบสกุลให้กับเขา เขาก็เลิกทุบตีมารดา แต่หันมาทุบตีและด่าทอรั่วอิงแต่เพียงผู้เดียว
ทุกครั้งที่นางทุบตี นางมักจะมองไปที่มารดาเพื่อขอความช่วยเหลือ ทว่ามารดาจะเบือนหน้าหนีหรือไม่ก็เดินไปที่อื่นโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง ราวกับกลัวว่าหากยื่นมือมาช่วยบุตรสาวแม้แต่ครั้งเดียว ตนอาจถูกสามีทุบตีเฉกเช่นที่เคยโดน
“ซักผ้าด้วยน้ำตาเช่นนั้นผ้าจะสะอาดหรือ มาเถอะข้าจะช่วยเจ้าเอง”
เสียงทุ้มนุ่มดังมาจากด้านหลังจนคนตัวเล็กถึงกับสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ
ทันทีที่เจิ้งรั่วอิงหันไป จึงเห็นว่าเจ้าของเสียงคือชายรูปงามที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน นางตะลึงงันจ้องมองอีกฝ่าย ตาสบตา ต่างพิศมองใบหน้าของกันและกันเนิ่นนาน พลันหัวใจก็กระตุกหวามแทบเต้นไม่เป็นจังหวะ
นางเคยเชื่อว่า ‘การตกหลุมรัก’ เป็นการเพ้อฝันที่ไม่เป็นจริง ชายหญิงย่อมต้องรู้จักผูกพันกันก่อนจึงจะสานสัมพันธ์ความรู้สึกดีๆ ร่วมกันจนก่อเกิดเป็นความรัก
ทว่าเวลานี้นางกลับเป็นฝ่าย ‘ตกหลุมรัก’ เสียเอง แค่ได้ยินเสียงนุ่มๆ และใบหน้าหล่อเหลาสะอาดสะอ้านของอีกฝ่าย หัวใจของนางก็เต้นแรงเร็วราวกับจะกระโจนออกมานอกอก ยิ่งเขายิ้มกว้างจนดวงตาเล็กหยีพลางก้มหน้าลงมาใกล้ๆ เด็กสาวที่ไม่ประสาอย่างนางก็ถึงกับใบหน้าเห่อแดงราวกับกำลังจับไข้
“คะ...คุณชายล้อข้าเล่นหรือเจ้าคะ”
นางเรียกอีกฝ่ายว่า ‘คุณชาย’ เพราะดูจากการแต่งตัว บุคลิกท่าทาง ฉายชัดว่าเขาไม่ใช่ลูกตาสีตาสาชาวบ้านธรรมดา แค่พัดประดับหยกเขียวที่อยู่ในมือก็ดูเป็นของราคาแพงที่แทบจะซื้อที่ดินในหมู่บ้านได้ทั้งหมด
“ข้าเป็นคนถือคำสัตย์ ไม่ชอบล้อเล่น ไม่ชอบพูดโกหก”
ชายหนุ่มเหน็บพัดไว้ที่เอวสอบ ก่อนจะทรุดกายลงนั่งแล้วหยิบผ้าของนางมาช่วยซักด้วยท่าทาทางเงอะเงิ่น เห็นชัดว่าเขาไม่เคยหยิบจับงานประเภทนี้มาก่อน
“อย่าเลยเจ้าค่ะคุณชาย งานพวกนี้เป็นงานของสตรี คุณชายโปรดอย่าลำบาก”
นางรีบใช้หลังมือเช็ดหยาดน้ำตาที่ใบหน้าออกอย่างรวดเร็ว แล้วยื่นมือไปยื้อยุดเสื้อผ้าคืนจากเขา
“เหตุใดมือเจ้าจึงมีแต่แผล”
เขาปล่อยผ้าทันทีก่อนจะหันไปคว้ามือของหญิงสาวมาดูใกล้ๆ มือของนางมีรอยฟกช้ำซึ่งเป็นแผลเก่า และรอยใหม่แดงก่ำราวกับเลือดเพิ่งจะหยุดไหลไปได้ไม่นาน
“อะ....เอ่อ”
รั่วอิงยังไม่ทันได้ปฏิเสธ ชายหนุ่มท่าทางสุภาพก็ยื่นมือมาถลกแขนเสื้อของนางขึ้น เผยให้เห็นร่องรอยฟกช้ำเต็มไปหมด ดวงตาที่อ่อนโยนเต็มไปด้วยความขี้เล่นเมื่อสักครู่ แปรเปลี่ยนเป็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความเครียดขรึม