แรกทีเดียวเหวินถิงเว่ยตั้งใจจะปลีกตัวออกจากกองคาราวานที่ปักหลักพักอยู่ชายป่า ควบม้าเล่นชมวิวทิวทัศน์มาเรื่อยๆ จนพบกับลำธาร เห็นว่าอากาศดีจึงปีนขึ้นไปนอนบนกิ่งไม้ ยังไม่ทันได้เคลิ้มหลับก็เห็นหญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่งเดินผ่านมา
เขารู้สึกสนใจนาง เป็นความสนใจที่เขาไม่เคยมีให้กับสตรีนางใด จนมารดาคิดว่าเขาเป็น ‘รักชอบหลงหยาง แบ่งท้อ ตัดแขนเสื้อ[1]’ จึงทาบทามหญิงสาวมากมายเข้ามาเป็นอนุหวังจะให้เขาเปลี่ยนใจ
หญิงคนแล้วคนเล่าก้าวเข้ามาในจวนแต่กลับไม่ได้รับความรัก อีกทั้งเขายังประกาศชัดว่าพวกนางสามารถมีอิสระได้ทุกเมื่อ เขาไม่คิดผูกมัดพวกนางเอาไว้
ยิ่งเขาไม่แตะต้องหญิงงามเหล่านั้น มารดาก็ยิ่งร้อนใจเสาะแสวงหาหญิงที่งามพร้อมอีกมากมายมาให้เขา จนในเวลานี้เขามีอนุภรรยาถึงแปดนาง
เรียกได้ว่าในเมืองหนันหนิงเขาคือชายที่มีอนุภรรยามากที่สุด
ไม่รักก็คือไม่รัก...
และเขามีความเชื่อว่าหากไม่รักแล้ว จะไม่ยอมมีความสัมพันธ์ทางกายด้วยเด็ดขาดเพราะไม่ต้องการให้พวกนางกลายเป็นแค่เครื่องบำเรอทางเพศโดยปราศจากความรัก หากกระสันอยากตามประสาชายหนุ่มเขาก็แค่ไปหาซื้อกินตามหอคณิกาที่มีอยู่เกลื่อนเมืองบ้างเป็นครั้งคราว
ราคะแลกเงินนั้นยุติธรรมและไร้การผูกมัด!
ทว่า...
ผู้หญิงคนนี้กลับทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงแตกต่างจากหญิงอื่น แค่เพียงเห็นใบหน้าหวานและดวงตาที่หม่นเศร้าก็ทำให้เขาไม่อาจถอนสายตาไปจากนางได้เลย
ยิ่งเห็นว่านางทรุดกายลงข้างลำธารแล้วร้องไห้ปริ่มว่าจะขาดใจ เขาก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจจนอยากจะเข้าไปปลอบประโลม ทั้งที่รู้ดีว่าไม่อาจทำได้
“ขะ....ข้าต้องไปแล้ว”
รั่วอิงดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว ดวงตาแดงช้ำหลุบเปลือกตาลงต่ำก่อนจะรีบคว้าตะกร้าผ้ามากอดไว้ แล้วผุดลุกขึ้นวิ่งหนีทว่าถิงเว่ยกลับเร็วกว่า เขาทำในสิ่งที่นางไม่คาดคิด
“ว้าย!”
หญิงสาวหวีดร้องเสียงหลง ตะกร้าผ้าร่วงหลุดจากมือเมื่อจู่ๆ คนตัวโตอุ้มนางจนตัวลอยแล้วก้าวฉับๆ ไปยังม้าสีขาวแล้วพานางขี่ม้าออกไปราวกับคนมุทะลุ
“คุณชายจะพาข้าไปไหน ปล่อยนะ!”
นางทั้งร้องทั้งดิ้นรน ทว่าเขากลับกอดรัดนางเอาไว้แนบแน่นด้วยสัมผัสอ่อนโยน จนท้ายที่สุดนางก็ทำเพียงแค่นั่งเงียบๆ แล้วแนบใบหน้าลงกับแผ่นอกของเขาด้วยความเหนื่อยอ่อนเพราะไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน
รั่วอิงผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้งก็พบว่ามีหญิงสูงวัยคนหนึ่งกำลังใช้สมุนไพรประคบแผลฟกช้ำตามร่างของนางอย่างเบามือ
“ทะ...ที่นี่ที่ไหน”
“กองคาราวานขนส่งสินค้าของคุณชายหกแห่งตระกูลเหวิน แม่นางอย่าได้กังวลใจ พักผ่อนให้สบายเถอะ เดี๋ยวอีกสักครู่ข้าจะต้มยาแก้ช้ำในให้เจ้าดื่ม จะได้หายเร็วๆ กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง”
“ตะ...แต่ว่าข้าต้องกลับบ้าน”
นางพยายามหยัดกายลุกขึ้น ใบหน้าซีดเผือด นางยังซักผ้าไม่เสร็จ อีกทั้งยังไม่ได้รดน้ำในแปลงผักและเก็บผักบางส่วนไปขาย แล้วไหนจะอาหารเย็นที่นางต้องเร่งมือทำก่อนที่บิดาเลี้ยงจะกลับมาอีกเล่า
หากช้าไปมากกว่านี้นางคงถูกทุบตีจนตาย โดยที่มารดาได้แต่ยืนเฉยๆ ไม่เคยห้ามปรามเลยสักครั้ง
“ต่อไปนี้เจ้าไม่มีบ้านให้กลับอีกแล้ว”
คุณชายหกแห่งตระกูลเหวินก้าวเข้ามาในกระโจมชั่วคราวที่กางเอาไว้พักผ่อนระหว่างเดินทาง เขามองใบหน้าตื่นตระหนกของนางแล้วยิ่งรู้สึกสงสารจับขั้วหัวใจ
“มะ...หมายความว่ายังไงเจ้าคะคุณชาย ข้าไม่เข้าใจ”
“ข้าซื้อเจ้าจากแม่และพ่อเลี้ยงของเจ้าเรียบร้อยแล้ว ต่อไปนี้เจ้าเป็นสิทธิ์ขาดของข้าแต่เพียงผู้เดียว”
“อะ...อะไรนะเจ้าคะ”
รั่วอิงอ้าปากค้างด้วยความงุนงง อย่างไม่รู้ว่าจะจับต้นชนปลายจากสิ่งใดก่อนดี
“พักผ่อนให้มาก พรุ่งนี้ขบวนคาราวานของเราต้องออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่”
เหวินถิงเว่ยพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะก้าวออกจากกระโจมไป ดวงตาของเขาหม่นแสงคล้ายกำลังปวดร้าวกับสิ่งที่ได้รับรู้
ระหว่างที่นางหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนนั้น เขาให้เย้ห้าวบ่าวรับใช้คนสนิทไปตามสืบประวัติของนางมาอย่างคร่าวๆ และเมื่อได้รับรู้ว่านางมีชีวิตอยู่ราวกับคนใช้ให้พ่อเลี้ยงกับน้องชายต่างบิดาโขกสับโดยที่มารดาไม่เคยใส่ใจดูแลปกป้อง
เขาก็โกรธจนควันออกหู สั่งให้เย้ห้าวนำชายฉกรรจ์ไปนับสิบนาย เพื่อรุมกระทืบบิดาเลี้ยงของหญิงสาวจนปางตาย ก่อนจะโยนตำลึงทองใส่หน้าแล้วประกาศกร้าวว่านับจากนี้ ‘เจิ้งรั่วอิง’ ไม่ใช่คนของตระกูลนี้อีกต่อไป สิทธิ์ขาดในตัวนางขึ้นอยู่กับคุณชายหกแห่งตระกูลเหวินเท่านั้น!
ดั่งชีวิตถูกฉุดขึ้นมาจากก้นบึ้งแห่งหุบเหวที่มืดมิด นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่เจิ้งรั่วอิงไม่ได้นอนหลับสนิทติดต่อกันหลายชั่วยามจนรุ่งสาง ที่ผ่านมานางข่มตาหลับอย่างหวาดระแวง ว่าบิดาเลี้ยงจะกลับจากบ่อนการพนันเมื่อใด หากวันไหนเล่นเสียหมดตัวเขาก็จะฉุดกระชากลากนางจากฟูกนอนขึ้นมาทุบตีระบายอารมณ์ แต่หากวันไหนดวงดีมือขึ้นวันนั้นนางก็จะรอดจากการถูกทำร้ายร่างกาย
หญิงสาวกะพริบเปลือกตาไปมา ก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่งแล้วใช้ฝ่ามือลูบลงไปบนฟูกนอนนุ่มนิ่มขาวสะอาด ผ้าห่มแพรถักทอด้วยไหมเนื้อดีให้ความอบอุ่นอีกทั้งยังทำให้นางนอนหลับฝันดีตลอดคืน
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านางจะสามารถหลุดพ้นจากครอบครัวที่ทำให้นางทุกข์ระทมมาอย่างยาวนาน
‘หรือว่าข้ากำลังฝันไป’
หญิงสาวเกิดความกลัวว่าสิ่งดีๆ เหล่านี้จะเป็นเพียงแค่ความฝัน หากว่านางตื่นขึ้นมามันอาจจะจางหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงความเศร้าโศกและความจริงที่แสนโหดร้าย เมื่อคิดเช่นนั้นนางจึงยกมือขึ้นตบหน้าตนเองหลายๆ ครั้งเพื่อพิสูจน์ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน
[1] หมายถึงชายรักชาย