รับปริญญา

2240 Words
งานรับปริญญา @ห้องแต่งตัว "เออนี่หวาน ฉันสงสัยมานานล่ะ งานแต่งพี่เตแกก็ไปไม่ใช่เหรอ ทำไมแกถึงเพิ่งมาชอบพี่เตล่ะ" "ฉันอ่ะไปก็จริง แต่ไปในฐานะเพื่อนของแก ฉันปลื้มพี่เตตั้งแต่ตอนนั้นแล้วแหละ แต่ฉันก็ตัดใจแล้วนะเพราะพี่เตมีพี่คะน้าพี่สาวแกเป็นเจ้าของ หลังจากนั้นมาฉันก็แบบลืมๆ ไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยปลื้มๆ พี่เตอยู่ ก็มันนานแล้วมั้ยอะแกอีกอย่างฉันก็แซ่บเบอร์นี้ มีแฟนก็เยอะแยะจะมานั่งรอผู้ชายคนเดียวทำไม" พูดแล้วก็อาย ไม่กล้าบอกเพื่อนด้วยซ้ำว่าเธอเองก็ลืมไปเลยว่าพี่เตเป็นเขยเพื่อนของเธอ ก็เมื่อตอนนั้นดันเห็นว่าคะนิ้งไปหาเด็กๆ พร้อมกับพี่เต อารมณ์หึงหวงทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เป็นอะไรกันมันก็พุ่งสูงขึ้นมาน่ะสิ คิดไปเองว่าคะนิ้งกับพี่เตเอ่อ… แอบแซ่บกัน จนเธอต้องไปค้นประวัติเด็กๆ ถึงได้รู้ว่าเขาโสดแล้ว และนึกเรื่องราวในอดีตขึ้นมาได้บ้าง "แกนี้มัน… จะแรดก็แรดไม่สุดนะ ยังมีความเฉิ่มเข้ามาแทรกอีก มีที่ไหนลืมคนที่ตัวเองแอบปลื้ม" คะนิ้งใช้นิ้วชี้จิ้มเข้าที่ขมับของเธอ ในระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังแต่งหน้ากันอยู่ ใช่แล้วล่ะ เธอลืม เรื่องราวหลายอย่างไป แต่เธอไม่ได้เป็นอะไรไปหรอกนะ เธอไม่ได้เกิดอุบัติเหตุจนสมองเสื่อมเหมือนนางเอกบางคน เธอไม่ได้ช้ำรักจนสมองกระทบกระเทือน แต่ตอนนั้น มันก็เป็นเพียงแค่อาการปลื้มคนหล่อก็เท่านั้น แบบว่าเจอใครหล่อก็กระดี๊กระด๊าไปหมด อีกอย่างในวันแต่งงานของเขาเธอมองเขาแค่แวบเดียวแล้วก็แค่อึ้งกับความหล่อของเขาก็เท่านั้นถ้าเธอจะลืมไปบ้างมันก็ไม่แปลกใช่ไหมอ่ะ เอาจริงๆ ในวันนั้นใบหน้าของเขาชัดๆ เธอยังไม่เห็นเลย เพราะเธอไม่ได้เข้าไปในงานช่วงเช้าด้วย ตอนนั้นเธอเองก็ควงผู้ชายคนอื่นอยู่ด้วยแหละ มาอีกทีก็งานเย็นแล้วเพราะคะนิ้งรบเร้าให้มา พอมาถึงก็ตะบี้ตะบันดื่มๆ เพราะว่าทะเลาะกับคุณพ่อมา วันนั้นเธอยังจำได้เลยว่าเธอทะเลาะกับคุณพ่อเพราะเข้าใจผิดไปว่าคุณพ่อจะไม่ให้เธอบริหารโรงเรียนนานาชาติ เธอเลยประชดคุณพ่อด้วยการเที่ยวไปสมัครเป็นครูหลายๆ แห่ง แต่พอเข้าใจกันกับคุณพ่อแล้วเธอก็ตกลงที่จะสานต่อกิจการนี้ ตาหวานยิ้มแห้งๆ เป็นการรับความเฉิ่มนี้จากเพื่อนรักของเธอ พลางนึกไปถึงว่าจริงๆ แล้วเธออาจจะคุ้นหน้าตาของเตมินทร์อยู่บ้างเพราะความหล่อดูดีที่โดดเด่น ทำให้เวลาที่เธอเห็นเขาที่โรงเรียนของพ่อเธอ เธอถึงสะดุดตาทุกครั้ง แต่เรื่องการหย่าร้างของเขาเธอเองก็ไม่มั่นใจเพราะว่า เธอรู้มาจากคะนิ้งว่า ตอนที่พี่คะน้าพี่สาวของคะนิ้งคลอดลูกชายคนแรก หลังจากที่คะน้าหายดีแล้ว เธอก็ทิ้งเตมินทร์กับลูกชายคนแรกของเธอไป หลังจากทิ้งไปได้เกือบปีหรือเปล่านะไม่แน่ใจ คะน้าก็กลับมาหาเตมินทร์ทั้งคู่อยู่ด้วยกันอีกครั้งจนมีลูกคนที่สอง ที่อายุห่างกับลูกคนแรกไปแค่หนึ่งปีหน่อยๆ เอง และก็เข้ารอยเดิม เพราะเมื่อคะน้าแข็งแรงเธอก็ทิ้งทั้งสามคนพ่อลูกไปอีก แต่ตอนนั้นที่คะนิ้งเล่าให้ฟังเธอก็แค่ฟังๆ ไม่ได้สนใจอะไรมากเท่าไหร่เพราะเธอกำลังเดตกับคนอื่นอยู่ "นิ้ง แล้วพี่เตเขามีผู้หญิงใหม่อีกมั้ยอะ" "ไม่มีนะ แต่ไม่รู้ว่าซื้อกินมั้ย เพราะว่าพี่เตรักลูกมาก เขาไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนเข้าบ้านเลย แถมยังกลับบ้านตรงเวลาอีกต่างหากเพราะไม่อยากให้ลูกต้องอยู่กับพี่เลี้ยงนานๆ " ช่างแต่งหน้าก็แต่งไป คนสองคนจะเมาท์กันใครแคร์ แม้ว่าช่างแต่งหน้าของทั้งสองคนจะมีการชักสีหน้าอยู่บ้าง ก็นี่มันตีสี่กว่าแล้วนะสองคนนี้เพิ่งจะเริ่มแต่งหน้าก็เมาท์กันสนุกปากแล้วลำบากช่างจริงๆ "แล้ววันนี้พี่เตจะมาปะ" "ไม่รู้สิ เห็นว่ามีประชุม คงจะไม่มา หรือไม่แน่ก็อาจจะมา" "เหรอ" ตาหวานตอบรับคำของคะนิ้งพลางนึงไปถึงตอนที่ได้แอบมองเตมินทร์ในตอนที่เขาไปหาลูกของเขาที่โรงเรียนอยู่เป็นประจำ ขนาดแค่ได้เห็นไกลๆ หัวใจของเธอมันก็เต้นแรง อยากจะบอกว่าที่เธอเป็นอย่างนี้เป็นมันเป็นเพราะความหล่อ ดูดีของเขาล้วนๆ ถ้าเขาเลิกราหย่าร้างกับพี่คะน้าแล้วจริงๆ โอกาสนั้นมันจะหลุดลอยมาหาเธอบ้างหรือเปล่านะ "นั่งตาเยิ้มเชียวนะยัยหวาน ฝันถึงใครอยู่ยะ" จัสมินที่เพิ่งมาถึง และมาพร้อมๆ กับเฌอแตมป์ ตามมาด้วยเจสสิกาอีกคน ก็เอ่ยแซวเพื่อนรักของเธอเอง เพราะว่าเห็นภายในห้องแต่งหน้าเงียบตั้งแต่เดินเข้ามา แล้วเพื่อนของพวกเธอก็นั่งแต่งหน้ากันอย่างเงียบๆ "แล้วช่างของพวกแกล่ะ" "กำลังขึ้นมาแล้ว" พวกเธอจองโรงแรมใกล้ๆ กับที่รับปริญญาเอาไว้ แล้วก็นัดช่างแต่งหน้าให้มาตามเวลานัดหมาย หลังจากนั้นไม่นานช่างแต่งหน้าของทุกคนก็มาถึง ทุกคนต่างก็คุยกันไปแต่งหน้ากันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเสร็จเอาก็เมื่อตอนหกโมงครึ่ง "แต่งตั้งแต่ตีสี เสร็จหกโมง" "แกแหละชวนคุยอยู่ได้" สาวๆ เดินออกมาจากโรงแรม ด้วยความที่โรงแรมใกล้กับสถานที่รับปริญญามากๆ จึงสามารถเดินไปได้ไม่ต้องนั่งรถ แต่แล้วเมื่อเดินลงมาก็เจอเข้ากับ ไทเลอร์ ออสติน ที่มารอรับแฟนสาวของตัวเอง "เดินเบาๆ สินิ้ง กำลังท้องกำลังไส้" คะนิ้งหันมาหาเพื่อนๆ แล้วยกยิ้มให้ทำให้เพื่อนของเธอต่างก็หมั่นไส้ไม่แพ้กัน "เจสซี่มาหาป๋ามา ป๋าถือรองเท้าให้ หนูใส่คู่นี้ไปก่อน" ยายนี่ก็อีกคนจะอวดว่ามีผัวสินะหมั่นไส้ ก่อนที่จะเหลือเพียงแค่สามสาวโสดที่เดินกันอย่างทุลักทุเล กระทั่ง… "หม่ามี๊ / หม่ามี๊" "พี่เหนือ พี่ใต้" "โอ๊ะ! แดดดี้ก็อยู่ด้วย" "ปะป๊าไปไหนครับพี่เหนือ พี่ใต้" สองเด็กแสบวิ่งเข้ามากอดรอบขาของแดดดี้ไทเลอร์เอาไว้ ตามด้วยชี้ไปที่ทางที่พวกเขาวิ่งมาก็เห็นเตมินทร์ในชุดสูทสีกรมท่าที่เข้ากับรูปร่างเขาเป็นอย่างดี หล่อ ออร่าจับ มาพร้อมกับแบล็กกราวที่เป็นแสงอาทิตย์สีส้มๆ สว่างเจิดจ้า ที่บ่งบอกได้ถึงเช้าวันใหม่ ในมือถือช่อดอกไม้ช่อใหญ่ๆ ส่งยิ้มสุภาพอบอุ่นมาให้กับ… คะนิ้ง! "ยินดีด้วยนะนิ้งในที่สุดก็เรียนจบสักที" "ขอบคุณค่ะพี่เต" ให้ตายเถอะ แค่เดินผ่านยังหอมขนาดนี้เลยนี่คือออร่าของคนที่เป็นพ่อม่ายลูกติดเหรอเนี่ย โอ๊ย ทำยังไงดียายหวานเธอไม่กล้าขยับขาก้าวเดินเลย แต่อันที่จริงแล้วต่อให้เธอขยับเขาก็คงไม่สังเกตเห็นเธออยู่ดี ก็เล่นเดินผ่านหน้าเธอไปขนาดนี้ เห็นเธอเป็นอะไรฮะ ขี้หมาหรือไง "สวัสดีค่ะพี่เต" จัสมิน และคนอื่นๆ กล่าวทักทายในขณะที่เตมินทร์ก็หันมายิ้มให้กับเพื่อนของน้องอดีตเมียด้วยความสุภาพ และอบอุ่น "ฉายแสงพอแล้วมั้ง พวกกูเฉาหมดแล้ว" ไทเลอร์เริ่มแซว ใช่แล้วล่ะ หลังจากที่ไทเลอร์กับเตมินทร์สนิทกันมากขึ้น ความสุภาพที่เคยมีให้กันมันก็เริ่มหายไปเหลือเพียงแค่ความสนิทใจที่มีให้กันแทน "พวกมึงมีอะไรครับ พวกมึงมีเมีย แต่กูไม่มี" "แต่มึงมีลูก" "มึงสองคนก็มี" ได้ฟังเขาเถียงกันแล้วพี่เตก็แอบมีหลายมุมเหมือนกันนะตาหวานได้แต่มองไปที่แผ่นหลังของเตมินทร์ที่กำลังหันหลังให้เธออยู่โดยที่เขาไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคนคนนี้กำลังจะหมดแรงเพราะ ความหล่อของเขา >__< "เป็นอะไรยะ ยัยหวานมองพี่เตตาเยิ้มเลยนะ" อ่ะ นังเพื่อนคนนี้! โอ๊ยตายๆ พ่อหนุ่มนี่พอรู้ว่าตัวเองหล่อก็ใช้ออร่าเปลืองเชียวเลยนะ ก็เพราะว่าพอคะนิ้งแซวตาหวานเตมินทร์ก็หันมายิ้มให้เธออ่อนๆ แต่สายตาของเขามันไม่อ่อนโยนเลยสักนิด เห็นแล้วก็ อยากเสียตัวเหลือเกินแม่เอ๊ย! "หยะ ยัยนิ้ง" "อะไรยะ เออนี่พี่เต อาจจะเคยเห็นเพื่อนนิ้งมาบ้างแล้ว แต่คงไม่รู้จักชื่อเหรอใช่มั้ย นี่จัสมิน เฌอแตมป์ เจสสิกาเมียคุณออสตินเขา แล้วนี่… ไม่ต้องไปรู้จักหรอกยัยนี่น่ะ ไปเถอะ" "เอ้า! ยัยนิ้ง!" ความกวนประสาทของเพื่อนเธอให้มันได้อย่างนี้สิเธอก็รอลุ้นจะตายอยู่แล้วว่าเขาจะยิ้มอ่อนโยนให้เธออย่างนั้นไหม ขณะที่ทุกคนทยอยเดินกันไปแล้ว ก็เหลือเพียงแค่เธอกับ… "ไปครับ เดี๋ยวไม่ทันเพื่อนนะ" พี่เต~ คนหล่อ คนล่ำ ยิ่งได้มองใกล้ๆ แล้วใจยิ่งละลาย อยากตะโกนดังๆ ว่าอยากเป็นเมีย อยากเป็นเมีย "ค่ะ" เธอเดินออกมาพร้อมๆ กับพี่เตมินทร์ แต่เขาก็ใจร้ายอยู่เหมือนกันนะเอาจริง ไม่มีความอยากรู้บ้างเหรอว่าเธอชื่ออะไรน่ะ ไม่อยากรู้บ้างหรือไง! "ตาหวานนะคะ" ไม่เป็นไร เธอบอกเอง! "อ่อ ครับ" ต่อสิ ประโยคสนทนาอ่ะ อย่าแสดงออกว่าไม่อยากคุยขนาดนั้นได้ปะ แล้วไงมันเงียบเกินไป ท่ามกลางสายตาล้อเลียนของเพื่อนๆ ที่มองมาที่เธอ เธอไม่รู้เลยว่าควรจะรู้สึกยังไง อาย ที่ได้เดินใกล้เขา หรือหน้าเสียที่เขาไม่อยากคุยด้วย แม้แต่หน้าเธอยังไม่มองเลย เอาแต่กดโทรศัพท์อยู่นั่นแหละ หรือว่า พี่เตพ่อม่าย ใหญ่ ยาว งานดีของเธอจะถูกหมาคาบไปกินแล้ว "เอ่อ พี่เตจะอยู่จนจบงานเลยมั้ยคะ" "..." เงียบ แปลว่าอะไรวะ เธอสวยพอตัวนะ ตัวก็หอมอยู่มาก แต่ นี่! ไม่อยากคุยกับเธอขนาดนี้เลยเหรอ "พี่เตคะ" หรือเธอควรเงียบปากไปนะ "ครับ อะไรนะครับ ขอโทษที พอดีพี่เลื่อนงานประชุมมาน่ะครับ" โอ้โห หล่ออะไรเบอร์นี้ ลำคอยาวมีเส้นเลือดขึ้น แถมยังดูล่ำน่ากิน "งั้นเดี๋ยวพี่ขอตัวก่อนนะครับ พี่ต้องไปแล้ว" เขาเดินจากไปแล้ว แถมยังมีหน้าหันมายิ้มอ่อยแบบนั้นกับเธออีก ไอ้คนใจร้าย แม้แต่ชื่อของเธอก็ยังไม่อ้าปากถามยังมีหน้ามายิ้มอ่อยเธออีก อยากจะบ้าตาย ดีแล้วแหละที่เมียทิ้ง เมียทิ้งเพราะบ้างานใช่ไหมย่ะ! "แห้วอร่อยมั้ยหวาน คิก คิก คิก" "ไม่ต้องมายิ้มล้อเลียนฉันเลย พวกแกไม่เข้าใจ" "ก็บอกให้แย่งตั้งแต่ไปงานแต่งเขาแล้วนี่ไง ทำไมไม่แย่ง" "เดี๋ยวนะมิน ได้ข่าวว่าแกก็กรี๊ดพี่เตกับฉันไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่แค่แกกับฉัน ยังมีแตมป์ด้วย" "ฉันไม่ได้กรี๊ดแค่พี่เตนะ ฉันกรี๊ดคนหล่อทุกคน แกก็ด้วยไม่ใช่เหรอยัยหวาน" "ไม่พูดแล้ว แห้วก็แห้วสิ ฉันมีหนุ่มๆ อีกเยอะแยะ" "เหรออออ~" สาวๆ ต่างก็พากันเดินเข้าไปในงานแล้วเริ่มพิธีสำเร็จการศึกษานับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ส่วนทิศเหนือกับทิศใต้ขออยู่กับแดดดี้ไทเลอร์ เพราะอยากอยู่รอต้อนรับหม่ามี๊ของพวกเขา "ตาหวานแกจะเป็นครูจริงเหรอ" "อือ ก็แค่ชั่วคราวน่ะ ก่อนจะขึ้นไปบริหารแบบคุณพ่อ" "เออนี่คุณพ่อกับคุณแม่แกมารอแกอยู่ตรงซุ้มน่ะ ฉันลืมบอกแก" "อ้าวเหรอ เข้าหอประชุมแล้วออกไปไม่ได้แล้วด้วย" "ไม่เป็นไร เพราะคุณพ่อคุณแม่แกก็อยู่กับพ่อแม่พวกฉัน ไม่เหงาหรอก" เตมินทร์ไม่อยู่แล้ว จิตใจของคนที่ไม่ได้เห็นก็ห่อเหี่ยว ไม่รู้ว่าหลังจากที่เรียนจบแล้ว เธอยังจะมีโอกาสได้เจอเขาอีกไหม สงสัยว่าเธอต้องหาทางเข้าทางลูกแล้วล่ะมั้ง เธอควรจะลองดูสักตั้ง หรือควรจะพอแค่นี้นะยายหวานเอ๊ย แค่คุยเมื่อกี้เขายังไม่อยากคุยกับแกเล๊ย "เฮ้อ!" "เป็นอะไร" "กลัวเดินพลาดเหรอ ไม่เป็นไรนะ แกเก่งจะตาย" เพื่อนๆ ชะโงกหน้ามาปลอบโยนเธอ เพราะตอนที่ซ้อมเธอมักจะเป็นคนที่เดินผิดพลาดเสมอ "ขอบใจนะพวกแก" แต่ฉันเครียดเรื่องผู้ชาย!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD