นิยายประกอบด้วย
1. ขยี้สวาทเจ้าสาวนางบำเรอ
2. หลงสวาทสาวใช้
ขยี้สวาทเจ้าสาวนางบำเรอ ตอนที่ 1
ดาหลา ฤกษ์อนันต์ ลูกสาวคนโตของ คุณอนุชา กับ คุณวาสนา ฤกษ์อนันต์ โดยดาหลามีน้องสาวหนึ่งคนชื่อ ดาริกา ซึ่งตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
ดาหลาเพิ่งเรียนจบการศึกษาระดับชั้นปริญญาตรีมาเมื่อต้นเดือนก่อน และตอนนี้ก็กำลังพยายามที่จะหาสมัครงาน แต่ก็ยังไม่มีสถานประกอบการณ์ใดเรียกตัวไปสอบสัมภาษณ์แม้แต่แห่งเดียว
ครอบครัวของดาหลาค่อนข้างยากจน เพราะมารดาอยู่บ้านไม่ได้ทำงาน โดยมีบิดาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการขับแท็กซี่รับจ้างหาเลี้ยงคนในครอบครัว
หล่อนสงสารพ่อมาก และก็ตั้งใจเรียนจนได้รับเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยรัฐบาลมาครอบครองได้สำเร็จ แต่กระนั้นก็ยังหางานทำไม่ได้เลย
วันนี้พ่อออกไปขับแท็กซี่เหมือนเช่นทุกวัน พ่อออกไปตั้งแต่เช้ามืด ในขณะที่หล่อนก็รีบตื่นแต่เช้าเพื่อที่จะไปหาสมัครงานเหมือนทุกวัน
หล่อนแต่งตัวจนเสร็จก็ออกมานอกห้องนอน ก่อนจะต้องแปลกใจ เมื่อเห็นมารดายืนอยู่นอกรั้วบ้านเช่า และกำลังยกมือไหว้ผู้หญิงสูงวัยแต่งตัวภูมิฐานคนหนึ่งอยู่
หล่อนไม่เคยมีนิสัยสอดรู้สอดเห็นหรือเผือกเรื่องของชาวบ้าน แต่สีหน้าและท่าทางของมารดาที่เห็น ทำให้อดแคลงใจไม่ได้
แม่เหมือนมีอะไรปิดบังอยู่...
หล่อนย่ำเท้าด้วยความระมัดระวังเดินตรงไปยังรั้วที่สูงแค่เพียงครึ่งตัว และหลบอยู่หลังพุ่มไม้
“รบกวนคุณปรานีเรียนคุณหญิงกรรณิการ์ให้ฉันด้วยนะว่า พรุ่งนี้ฉันจะรีบหาดอกเบี้ยมาส่งให้จ้ะ”
“พูดแบบนี้มาตั้งไม่รู้กี่รอบแล้ว คุณท่านไม่ฟังแล้วล่ะ ถ้าไม่ส่งดอก ก็จะถูกยึดรถแท็กซี่นะ”
นี่แม่ของหล่อนเอารถแท็กซี่ที่พ่อขับ ไปจำนองเอาไว้กับคนพวกนี้เหรอ
ดาหลาเต็มไปด้วยความตกใจ และก็เสียใจกับสิ่งที่ได้ยินเหลือเกิน
ทำยังไงหล่อนถึงจะช่วยแบ่งเบาภาระแม่กับพ่อได้บ้างนะ
“ขอร้องล่ะคุณปรานี ช่วยพูดกับคุณหญิงให้ทีนะคะ วันนี้ผัวฉันออกไปวิ่งรถแต่เช้ามืด ยังไงซะพรุ่งนี้ฉันก็มีเงินไปจ่ายดอกอย่างแน่นอนค่ะ”
“ไม่ได้ ยังไงก็ต้องจ่ายดอกวันนี้”
“แต่วันนี้ฉันไม่มีจริงๆ นะคุณปรานี ฉันเหลือติดตัวอยู่แค่ร้อยกว่าๆ เอง ต้องเอาไว้ให้ลูกสาวคนเล็กไปโรงเรียนน่ะ ฉันขอร้องล่ะนะ”
“ฉันก็เห็นใจแม่วาสนานะ แต่ฉันคงช่วยอะไรไม่ได้แล้วล่ะ เพราะช่วยมาหลายครั้งจนคุณท่านด่าฉันเละ ยังไงถ้าเย็นนี้ไม่มีดอกเบี้ยไปจ่าย พรุ่งนี้คุณท่านคงส่งคนมายึดรถแท็กซี่ของผัวแม่วาสนาแน่นอน”
“ไม่ได้นะคุณปรานี... ถ้ายึดรถแท็กซี่ของผัวฉันไป แล้วผัวฉันจะทำมาหากินอะไรล่ะ”
แม่ของหล่อนร้องไห้ และยกมือไหว้หลายครั้ง คนเป็นลูกอย่างหล่อนเห็นแล้วก็เสียใจเหลือเกิน
“แม่...”
หล่อนก้าวออกจากหลังพุ่มไม้ และเดินไปหยุดข้างๆ แม่ หล่อนเห็นแม่รีบปาดน้ำตาทิ้ง เห็นแบบนี้ หล่อนก็ยิ่งสะเทือนใจนัก
“ออกมาทำไมล่ะ ผึ้ง เข้าบ้านไปลูก”
แม่คงไม่อยากให้หล่อนรู้ว่าบ้านกำลังมีหนี้สินพะรุงพะรัง
“ผึ้งได้ยินหมดแล้วนะแม่”
“ผึ้ง...”
หล่อนเห็นแม่น้ำตาไหลอาบแก้ม แววตาของแม่มีความละอายใจ หล่อนดึงมือแม่มากุมเอาไว้ ก่อนจะพูดกับผู้หญิงสูงวัยตรงหน้า
“ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเย็นนี้เท่าไหร่เหรอคะป้า”
“ห้าพันบาท”
“เย็นนี้หนูจะเอาดอกเบี้ยไปจ่ายให้นะคะ ไม่เกินสองทุ่มค่ะ”
ผู้หญิงสูงวัยตรงหน้ามองหล่อนด้วยแววตาเอ็นดู ก่อนจะพูดออกมา
“ลูกสาวหน้าตาน่าเอ็นดูนะ แม่วาสนา”
แม่ของหล่อนระบายยิ้มทั้งน้ำตา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“นี่เรียนอยู่ชั้นไหนแล้วล่ะหนู”
“เอ่อ... หนูเรียนจบแล้วค่ะป้า ตอนนี้กำลังหางานทำอยู่ค่ะ”
“ป้าขอให้หนูหางานทำได้เร็วๆ นะ จะได้เอาเงินมาช่วยจ่ายหนี้แทนแม่วาสนาน่ะ”
“หนูกำลังจะพยายามอยู่ค่ะ ขอบคุณนะคะป้า”
หล่อนยกมือไหว้หญิงสูงวัยตรงหน้า และก็ย้ำถึงเรื่องดอกเบี้ยออกมาอีก
“แล้วเย็นนี้หนูจะเอาเงินเข้าไปจ่ายดอกเบี้ยนะจ๊ะ”
คู่สนทนาของหล่อนผงกศีรษะตอบรับ และกำลังจะหมุนตัวเดินไปขึ้นรถยนต์ที่จอดติดเครื่องอยู่ แต่เสียงของดาริกา หรือว่าแตนดังขึ้นเสียก่อน
“แม่จ๋า... ขอเงินไปเรียนหน่อยจ้ะ แล้ววันนี้ก็มีจ่ายค่ากิจกรรมด้วยนะ”
ดาริกาวิ่งมาหยุดข้างๆ มารดา ซึ่งปรานีก็มองแล้วก็เอ่ยถามออกมา
“ลูกสาวคนเล็กเหรอแม่วาสนา”
“ค่ะ”
“หน้าตาสะสวยดีนะ” ปรานีระบายยิ้ม ก่อนจะก้าวขึ้นไปบนรถยนต์
“ใครเหรอจ๊ะแม่” ดาริกาถามมารดา ซึ่งวาสนาอึกอักเพราะไม่อยากให้ลูกสาวรู้ว่าเป็นหนี้
“คนรู้จักน่ะ แค่แวะมาคุย”
ดาหลาเป็นคนตอบน้องสาวเอง ก่อนจะควักเงินจากกระเป๋าของตัวเองส่งให้น้องสาว
“สามร้อยพอไหมแตน”
“พอจ้ะ ขอบคุณนะจ๊ะพี่ผึ้ง”
ดาริกายกมือไหว้พี่สาว
“งั้นแตนไปเรียนก่อนนะจ๊ะ”
“ขึ้นรถขึ้นราก็ระวังนะแตน”
วาสนาพูดกับลูกสาวแบบนี้ทุกเช้า
“จ้ะแม่ แตนไปก่อนนะ พี่ผึ้งแตนไปก่อน”
“อืม”
เมื่อดาริกาเดินหายออกไปจากรั้วบ้านแล้ว แม่ของหล่อนก็จะเดินหนีเข้าบ้าน ดาหลาจึงรีบเดินตามหลังมา
“แม่จ๋า... ทำไมแม่ไม่เคยบอกผึ้งเลยว่าบ้านเราเป็นหนี้”
“แม่ไม่อยากให้ลูกไม่สบายใจน่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอก แม่กับพ่อจัดการได้”
หล่อนรู้ว่าแม่ไม่ต้องการให้ลูกๆ อย่างหล่อนไม่สบายใจ แต่หล่อนจะทำเป็นนิ่งเฉยไม่ได้ หล่อนต้องช่วยเหลือครอบครัว
“เราเป็นหนี้เท่าไหร่จ๊ะแม่”
แม่จ้องมองหล่อน แววตาของท่านเต็มไปด้วยความทุกข์ระบม
เพราะแบบนี้ใช่ไหม แม่ถึงไม่ค่อยยิ้มเลย...
“เก้าหมื่นเจ็ด”
หล่อนยืนนิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนจะยื่นมือไปดึงมือของมารดามาบีบให้กำลังใจ
“ผึ้งจะหางานให้เร็วที่สุด แม่ไม่ต้องกังวลนะจ๊ะ ผึ้งจะรับผิดชอบหนี้ก้อนนี้เองจ้ะ”
แม่ของหล่อนน้ำตาไหลรินอาบแก้ม แววตาของแม่มีแต่ความรักความห่วงใยมอบให้
“ขอบใจนะผึ้ง แต่ไม่เป็นไรหรอก แม่กับพ่อจัดการได้ ลูกทำงานเก็บเงินไว้ใช้เถอะ”
“แม่อย่าพูดแบบนี้สิจ๊ะ ที่แม่กับพ่อมีหนี้สิน ก็เพราะส่งผึ้งกับแตนเรียนหนังสือ ดังนั้นผึ้งจะทำเป็นเพิกเฉยไม่ได้หรอก เราจะช่วยกันใช้หนี้นะจ๊ะแม่”
แม่ของหล่อนระบายยิ้มออกมา ทั้งๆ ที่น้ำตายังคงไหลรินอาบแก้ม
“งั้นผึ้ง... ไปหาสมัครงานก่อนนะแม่ บางทีวันนี้อาจจะมีบริษัทที่เคยไปสมัครไว้เรียกสัมภาษณ์ก็ได้”
ดาหลาพูดอย่างมีความหวัง
วาสนายกมือขึ้นลูบศีรษะของลูกสาวคนโต
“แม่ขอให้วันนี้เป็นวันดีๆ ของลูกนะผึ้ง...”
“ขอบคุณจ้ะแม่”
ดาหลายกมือขึ้นไหว้มารดา ก่อนจะเดินออกไปจากบ้านเช่า ในหัวเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด